อ่านแล้วเล่า

เดอะ เซอร์เคิล

102-1 เดอะเซอร์เคิล

เรื่อง เดอะ เซอร์เคิล
ผู้แต่ง เดฟ เอกเกอร์ส
ผู้แปล มณฑารัตน์ ทรงเผ่า
สำนักพิมพ์ เลเจนด์ บุ๊คส์
ราคา 430 บาท

อ่านรีวิวหนังสือเล่มนี้แรกๆ
เราจินตนาการไปถึงนิยายที่พูดเกี่ยวกับพวกลัทธิประหลาด ศาสนาใหม่
หรือพวกคอมมูนลับ อย่างสืบลับรหัสรัก ฯลฯ

แต่พอมาอ่านเข้าจริงๆ เซอร์เคิลมีความเป็นบริษัท
มีพนักงานที่มีชีวิตประจำวันเหมือนพนักงานบริษัททั่วไป
ต่างกันแต่เพียงเซอร์เคิลมีสวัสดิการที่เยี่ยมมาก
มีสาธารณูปโภคพร้อมพรัก
สาธารณสุขและระเบียบการตรวจสุขภาพเป็นประจำที่เยี่ยมมาก
มีห้องสมุด มีดนตรี คาเฟ่ และปาร์ตี้นานาชนิด
เป็นชุมชนย่อยๆ ที่มีพนักงานราวๆ หมื่นคน
ใหญ่โต แต่มีแบบแผน และเต็มไปด้วยความสุข

เดอะ เซอร์เคิล ประกอบไปด้วยผู้ทรงปัญญาทั้งสาม อันได้แก่ ..
เอมอน เบลีย์ ไทเลอร์ อเล็กซานเดอร์ กอสโพดินอฟ และทอม สเตตัน

ในระหว่างที่เม (เมเบลลีน เรนเนอร์ ฮอลแลนด์) เป็นส่วนหนึ่งของเดอะ เซอร์เคิลนั้น
มีผู้ชายสองคนที่พัวพันอยู่รอบๆ ตัวเธอ
คนแรกคือฟรานซิส การาเวนตา ชายหนุ่มกำพร้าผู้มีปมในวัยเด็ก
เป็นโปรแกรมเมอร์ ที่ไม่เคยมีความมั่นใจในตัวเองเลย
เขามักยอมให้เธอมีอำนาจในการคบกัน แต่กลับทำเรื่องหักหลังเธอโดยตลอด

102-2 เดอะเซอร์เคิล 102-3 เดอะเซอร์เคิล

ส่วนอีกคนคือคาลเดน
เธอพบเขาในปาร์ตี้นอกเวลางานงานหนึ่งในบริษัท
นอกจากชื่อแล้ว ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาดูเป็นความลับไปเสียหมด
แต่ถึงอย่างนั้น เขากลับมีอิทธิพลต่อเธออย่างมากมาย
เป็นคนที่เธอรู้สึกดีด้วยอย่างแท้จริง

ผู้ชายคนที่สามที่เรื่องกล่าวถึง คือเมอร์เซอร์ แฟนเก่าของเม
เขาเป็นผู้ชายที่ในปัจจุบัน เธอเกลียดเขามาก
แต่เขากลับพัวพันอยู่รอบๆ อดีตของเธอ
เขายังอยู่ในเมืองที่เป็นบ้านเกิด
ให้ความช่วยเหลือพ่อกับแม่ของเมตามที่ท่านขอร้อง
ในขณะที่เมเองเสียอีก กลับมีเวลาให้พวกท่านน้อยกว่าเขา
เมอร์เซอร์มีอิทธิพลต่อพ่อแม่ของเมมากทีเดียว
และนั่นคือสิ่งที่เธอไม่ชอบใจเอาซะมากๆ

102-4 เดอะเซอร์เคิล

ในระหว่างอ่าน อย่าคาดหวังว่าเมจะได้รับจุดจบหายนะใดๆ
หลังจากเข้าร่วมโปรเจคหลุดโลกชิ้นนี้ (อย่างที่เราลุ้น) เลยค่ะ
ผู้เขียนดำเนินเรื่องไปอย่างเตลิดเปิดเปิงสุดกู่ หากก็ไม่เกินคาดเดา

102-5 เดอะเซอร์เคิล

สำหรับเล่มนี้ สำนวนแปลโอเคเลยทีเดียวค่ะ
มีการใช้ภาษาพูดมาเป็นภาษาเขียนอยู่บ้าง
แต่มันกลับผสมกลมกลืนไปกับเนื้อเรื่อง ไม่ขัดหูอะไร
มีพิมพ์ผิดอยู่บ้าง 3-4 จุด แต่ดูจะเป็นธรรมดาไปแล้ว (หรือเปล่า?) สำหรับหนังสือยุคนี้
แทบจะไม่มีเล่มไหนอ่านไม่เจอที่ผิดเลย

เดอะ เซอร์เคิล ไม่ได้น่ากลัวเกิดคาดเดา
ไม่ได้พลิกความคาดหมาย .. แม้ในกระทั่งตอนจบ
(จิตกาธาน เคยทำให้เรารู้สึกระทึกกว่านี้ แม้จะเป็นพล็อตเขียนขึ้นก่อนหลายปี)
แต่ถึงกระนั้น เดอะ เซอร์เคิล ก็ยังมีความน่ากลัวอยู่บ้าง ..
ผู้เขียนได้บิ้วท์ให้เราเห็นภาพว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ หรือเคยทำ มันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
เดอะ เซอร์เคิลกำลังคืบคลานเข้าครอบงำโลกทั้งโลก
ทุกสิ่งที่เราเคยโพสเอาไว้บนโลกออนไลน์ จะกลายเป็นข้อมูลสาธารณะ
ที่ไม่ว่าใครๆ ก็สามารถเข้าถึงได้
ข้อมูลการพบแพทย์ ประวัติการเจ็บป่วย ละเอียดลงไปถึงดีเอ็นเอ
และละเอียดไปกว่านั้นถึงดีเอ็นเอของบรรพบุรุษ
ชาติกำเนิด ประวัติการศึกษา ประสบการณ์ชีวิตในด้านต่างๆ
อาหารที่ชอบ สถานที่ที่ชอบไป ทุกความชอบ ความชัง ฯลฯ
พวกเขามีสิทธิสืบค้นทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเรา ..
ไม่ว่าจะในแง่ดี หรือแง่ร้าย เพื่อชื่นชม หรือเพื่อทำลาย
ยิ่งไปกว่านั้น โลกทั้งโลกกำลังถูกจับตามองด้วยกล้องขนาดจิ๋วนับไม่ถ้วน
ไม่มีใครทราบจำนวน และพิกัดของมัน
มันจะเห็นเราในทุกที่ที่มันอยากเห็น รู้ทุกอย่างที่เราทำ
นี่มันเป็นคลังข้อมูลเพื่ออาชญากรชัดๆ!!

102-6 เดอะเซอร์เคิล

ไม่ว่าจะเป็นจารีต ประเพณี วัฒนธรรม หรือแม้แต่กฏหมาย
ก็คือกฏหมู่ คือสิ่งสมมติที่คนหมู่มากกำหนดขึ้นมาเพื่อตีกรอบ
เพื่อควบคุมความประพฤติของประชาชนทั้งหมด
ไม่ว่าคนทั้งหมดจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม
ความถูกต้องในสังคมหนึ่ง อาจเปลี่ยนแปรไปเมื่ออยู่ในอีกสังคมหนึ่ง
หรือแม้แต่ในสังคมเดิม หากเวลาเปลี่ยน
ในสังคมแห่งเซอร์เคิล สิทธิและเสรีภาพ กลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องน้อยลงเรื่อยๆ
เรายอมมอบความอิสระเสรีให้แก่กรอบอันใหม่ ที่ว่าด้วยความสมบูรณ์แบบ
เซอร์เคิลทำให้คนหมู่มาก รู้สึกดีงามในการใช้กฏหมู่ตัดสินผู้คน
อนุมานได้คล้ายๆ การล่าแม่มดในสังคมเว็บบอร์ดยุคนี้
หากแต่เป็นเสียงของคน (เกือบ) ทั้งประเทศ
ผู้เขียนได้เล่าเรื่องของสังคมปัจจุบันแบบคูณสิบ คูณร้อย
ให้ภาพแบบเกินจริงไปหลายเท่าตัว
ทำให้เราเชื่อว่าในวันหนึ่ง สังคมเช่นที่ว่าอาจเกิดขึ้นได้จริง
.. และนั่นคือความน่ากลัวที่พบได้ในเล่ม
เป็นความน่ากลัวแบบที่ไม่ต้องมีภูตผีปีศาจในเรื่องสักตัว
เป็นความน่ากลัวที่จับต้องได้ในสังคมมนุษย์

102-7 เดอะเซอร์เคิล

102-8 เดอะเซอร์เคิล

ปล. 1 แม้ว่า เดอะ เซอร์เคิล จะสนุก และเป็นความระทึกที่ชวนเชื่อ สมจริง
         แต่มันก็ไม่ทรงพลังพอที่จะเป็นหนังสือแห่งปีได้เลย

ปล. 2 รู้สึกนิดๆ ว่าฉลาม หมึกยักษ์ และม้าน้ำ เปรียบได้กับสเตตัน เบลี่ย์ และไท

ปล. 3 เรารู้สึกเหมือนว่าเรื่องจะยังไม่จบ
          ผู้เขียนจบเอาไว้แบบปลายเปิด และมันอาจจะมีภาคต่อ?

Comments are closed.