อ่านแล้วเล่า

ร้อนแรง

เรื่อง ร้อนแรง
ผู้แต่ง เอคุนิ คาโอริ
ผู้แปล ขวัญใจ แซ่คู
สำนักพิมพ์ JBOOK
(สำนักพิมพ์ในเครือ bliss)
เลขมาตรฐานหนังสือ 9749074475

ชอบเล่มนี้มากกว่า พร้อมแล้วที่จะร้องไห้
อย่างน้อยมันก็มีธีม มีพล็อตบ้าง
สำหรับเรานะ เราอ่านแบบไม่ค่อยรู้อะไรมาก่อนเลย
เสพความเบื่อๆ เนิบๆ ไปตามเนื้อเรื่อง
แล้วค่อยๆ ทำความรู้จักตัวละครแต่ละตัวทีละน้อย ..
ซึ่งมันก็มีจุดให้แปลกใจเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตลอด
มันไม่ได้เซอร์ไพร้ส์อะไรมาก ในรีวิวก็คงเล่าได้โดยไม่รู้สึกว่าได้สปอยล์อะไรสำคัญ
แต่เราว่า อ่านแบบไม่รู้อะไรเลย ก็ดีเหมือนกันนะ
เลยอยากจะเตือนก่อนว่า ถ้าอ่านรีวิวเราแล้ว ความรู้สึกแบบนี้อาจจะหายไปนะคะ
ถ้ามีหนังสือ แนะนำให้ลองเปิดอ่านดูก่อนดีกว่า
อาจจะน่าเบื่อหน่อย แต่ผ่านไปถึงช่วงท้ายๆ แล้ว มันก็จะดีขึ้นนะ
หนังสือไม่ได้ดีมาก ไม่ได้ประทับใจจนน้ำตารื้น
แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรค่ะ

ทีนี้มาเริ่มรีวิวแบบเข้าเนื้อกันดีกว่า ..
เราอ่านร้อนแรงก่อนเยือกเย็น ด้วยเหตุผลที่จำไม่ได้แล้ว
มาได้ยินหลังจากเริ่มอ่านไปแล้วว่าอ่าน blu (เยือกเย็น) ก่อนน่าจะดีกว่า (เป็นงั้นไป)
แต่ตอนนั้นมันเริ่ม rosso (ร้อนแรง) ไปได้หน่อยนึงแล้วไง ก็เลยต้องเลยตามเลย
ซึ่งพออ่านจบเรากลับคิดว่า อ่าน rosso ก่อนก็ดีเหมือนกัน
เพราะทีแรกเราคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องราวความรักระหว่างมาร์ฟกับอาโออิเท่านั้น
มันเซอร์ไพร้ส์ดีตอนที่จุนเซเปิดตัว (ในความทรงจำของอาโออิ)

เรื่องมันเริ่มต้นที่คู่รักระหว่างสาวชาวญี่ปุ่นผู้เติบโตอยู่ต่างเมือง
กับหนุ่มชาวอเมริกันผู้อ่อนโยนและแสนดี
อาโออิ และมาร์ฟ (มาร์วิน)
ทั้งสองคนใช้ชีวิตอยู่ในมิลาน อิตาลี
โดยที่ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายเล่าเรื่อง
เรื่องราวดำเนินไปอย่างเนิบนาบ ด้วยกิจวัตรประจำวันของอาโออิ
พบปะเพื่อนสาวและแฟนของเพื่อน
ที่ร้านกาแฟบ้าง บาร์บ้าง ดูหนังด้วยกันบ้าง
ไปห้องสมุด คืน และยืมหนังสือชุดใหม่
อ่านหนังสือ และอาบน้ำ
ทำพาร์ทไทม์เป็นพนักงานขายในร้านเครื่องประดับสัปดาห์ละสามวัน
ทำกับข้าว ช้อปปิ้ง และมีเซ็กซ์ วนเวียนไปมา

ระหว่างนั้นเอง ตัวตนของชายหนุ่มอีกคนที่ชื่อจุนเซ
ก็ค่อยหลีกเร้นร่องรอยความทรงจำของอาโออิออกมาโลดเต้น

พล็อตน้ำเน่าเรื่องรักสามเส้าระหว่างคนที่เรารัก กับคนที่รักเรา
มันเริ่มต้นอย่างเฉยเฉื่อย
ตราบจนกระทั่งตัวตนของจุนเซเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
ความรักที่มาร์ฟผู้แสนดีมีต่ออาโออินั้น
กลับไม่สามารถทลายกำแพงของเธอได้
มันไม่สัมผัสถึงข้างใน และกลายเป็นสิ่งสูญค่า
เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เธอหลอกตัวเองได้ง่ายขึ้น
น่าเศร้าที่เครื่องมืออันนั้นมีเลือดเนื้อ มีหัวใจ

น่าสงสารมาร์ฟ แต่ก็น่าสงสารอาโออิด้วย
เธอหลอกมาร์ฟ แล้วเธอก็หลอกตัวเอง
มีคืนวันที่แสนสงบสุข มีคนรักที่น่ารัก
กอดตัวเองด้วยคำว่าไม่เป็นไร
แล้วจากนั้นก็นอนฝันร้ายทั้งคืน

จากที่เริ่มต้นแบบเบื่อๆ พอถึงช่วงนี้เราเริ่มรู้สึกอินกับมันมากขึ้น
รู้สึกเห็นใจปนรำคาญกับความรู้สึกของอาโออิ
สงสารมาร์ฟ ที่รู้สึกอยู่ตลอดถึงความไม่มั่นคงในใจของอาโออิ
ยิ่งมาร์ฟทำดีต่อเธอมากเท่าไร เราก็ยิ่งอึดอัด ยิ่งสงสาร
คงเป็นความอึดอัด สงสาร เดียวกันกับความรู้สึกของอาโออิ
แต่ก็ขัดใจที่เธอปล่อยให้มันดำเนินไปเรื่อยๆ แบบนี้ โดยไม่ทำอะไรให้มันชัดเจนลงไป
เหมือนทำร้ายมาร์ฟอยู่ตลอดเวลา
ดูเห็นแก่ตัวอยู่เหมือนกันนะ

หนังสือเล่มนี้สะท้านสะเทือนพอประมาณ
และก็น่าเบื่อพอประมาณ
เป็นนิยายที่เจาะจงสำหรับสาวกวรรณกรรมญี่ปุ่นผู้รักความเหงา

ไม่เหมาะที่จะอ่านในช่วงรอคอย หรือพกไปอ่านตามร้านกาแฟ
เหมาะที่จะอ่านในคืนอันเงียบสงัด เหงานิดๆ กำลังดี
อ่านต่อเนื่องรวดเดียวจะอินง่ายกว่าอ่านๆ หยุดๆ
เพราะการดำเนินเรื่องมันจะน่ารำคาญมาก
ถ้าอารมณ์ไม่ปะติดปะต่อ

เนื้อเรื่องในเล่มนี้ แทบไม่มีตัวตนของจุนเซเลย
ไม่แปลกที่เราจะเชียร์มาร์ฟสุดหัวใจ
เป็นนิยายชุดที่ทำการแยกกันเขียนแบบเด็ดขาดดีจริงๆ
อ่านจบเล่ม รีบหยิบเล่ม blu มาอ่านต่อเลย
อยากรู้ว่าจริงๆ แล้ว ในมุมของจุนเซนั้น เขาคิดเขารู้สึกอย่างไรบ้าง
เดี๋ยวจบแล้วจะมารีวิวต่อค่ะ ^^

Comments are closed.