อ่านแล้วเล่า, ไปเที่ยวกัน

รีวิว lit fest เทศกาลหนังสือสนุกไฟลุกพรึบ .. ฉบับหอยทาก

ที่บอกว่าเป็นฉบับหอยทาก ..
เพราะงานจบไปหนึ่งสัปดาห์เต็มแล้วเพิ่งมาเล่านี่ล่ะค่ะ ^^”
เราได้ไปงานเอาวันสุดท้าย (เสียดายมากที่งานจัดแค่เพียง 3 วัน)
ถ้าจัดยาวๆ แบบงานหนังสือ เราเชื่อว่าก็ยังจะมีคนไปแน่นในทุกวัน
และเราเองก็น่าจะมีซ้ำรอบสองแน่ๆ

ไหนๆ ก็มาเล่าล่าช้าซะขนาดนี้ ขอเก็บเอาไว้เป็นบันทึกเล็กๆ ลับๆ ก็แล้วกันเนอะ
เพราะถ้าใครจะตามรอย ก็คงจะไม่ทันแล้ว
ไม่อีกทีก็ต้องปีหน้า ถ้าใครจะภาวนา เราก็จะเอาใจช่วยค่ะ
เพราะเราก็อยากไปอีกเหมือนกัน ^^

lit fest เป็นงานหนังสือแรกของปี 2019
ช่างเป็นงานเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่
จุดไฟให้คนรักหนังสือให้คึกคักกันตั้งแต่ต้นปีเลยทีเดียว
แม้หลายๆ อย่างในงานจะไม่ใช่ความคิดใหม่เอี่ยม
แต่มันก็แหวกขนบงานหนังสือที่เราคุ้นเคยไปมากเหมือนกัน
ไหนจะบรรยากาศ สถานที่ และกิจกรรมในงาน ฯลฯ
เรียกว่าเกือบทุกคนที่ได้ไป ต่างหลงรักงานนี้กันทั้งนั้นเลย

ลองมาดูกิจกรรมในงานกันดูสิคะ 🙂
กิจกรรมแรกนี้มีชื่อว่า book factory
เป็นกิจกรรมที่ชวนให้เรามาเลือกปก เลือกบทความ ทำหนังสือกันเอง
เล่มใครก็เล่มมัน ไม่มีซ้ำกัน
ตัวอย่างบทความทั้งหลาย ก็มาจากนักเขียนหลายๆ คนที่เรารู้จักกันดีนี่เอง
(น่าจะ) เขียนใหม่ขึ้นทั้งหมด เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
หลายเรื่องต่างก็เกี่ยวกับหนังสือ งานหนังสือ และนักเขียนด้วย
เราลองอ่านผ่านๆ มีดีๆ โดนๆ หลายเรื่องเลยค่ะ


อีกหนึ่งกิจกรรมจาก ร้านหนังสือฟาทอม
ในชื่อกิจกรรมว่า book blind date
จับหนังสือมาซ่อนปก เขียนคำชวนเชิญไว้ แล้วมาเลือกเดทกัน
กิจกรรมนี้เราเตรียมหนังสือมาเดทกับเขาด้วยเล่มนึงค่ะ
แต่ตอนนี้มาเร็วไปหน่อย โชว์เคสยังไม่เปิด ^^

และเมื่อบูธเปิด คนก็เยอะมาก จนเราลืมถ่ายรูปหนังสือ (ที่ห่อเสร็จแล้ว) ของตัวเองมา >,<
กลับไปดูอีกครั้ง หนังสือก็หายไปแล้ว
ตอนนี้ก็ได้แต่รอเมล์จากผู้ที่เลือกเดทกับ (หนังสือ) เรานะคะ 🙂
หวังว่าจะสนุกน้า ..

คนกลัวไม่ได้มา รีบมาแต่ไก่โห่
ใครๆ เขาก็ยังไม่เปิด

แต่ก็มีหลายๆ โชว์เคสเริ่มทยอยเปิดแล้วนะคะ
สำนักพิมพ์สมมติก็เป็นอีกหนึ่งสำนักพิมพ์ที่มาก่อนใคร 🙂

way magazine ก็เช่นกัน

ps read, love & learn

หนังสือและเพลงใหม่ของคุณเจี๊ยบ วรรธนา .. paper cut รักกลายเป็นกระดาษ

เข็มกลัดจากเม่นวรรณกรรม

สำนักพิมพ์แสงดาว

เรื่องเศร้าของคนเก็งหนังสือ
ปกใหม่ไฉไลกว่าปกเก่า (ที่เราซื้อ) เสมอ ..
#ชายชรากับทะเล #oldmanandthesea

เมือกาลเวลาเคลื่อนผ่าน โชว์เคสต่างๆ ก็เริ่มทยอยเปิด
และผู้คนก็ค่อยๆ หนาตาขึ้น

merry go round

 

 

Library House จัดโชว์เคสสวยมาก
น้องที่บูธบอกว่าเป็นของสะสมจากร้านหนังสือต่างๆ ทั่วโลกค่ะ
มีไพ่ทำนายดวงโดยใช้หนังสือเล่มต่างๆ เป็นหน้าไพ่ด้วย >,<

 

กิจกรรม tea time
จิบชาไป เม้าท์หนังสือกันไป

อีกหนึ่งกิจกรรมที่เรารอคอยค่ะ .. lit poetry
ต่อคิว เล่าความ ให้นักเขียนฟัง
นี่มันโต๊ะปรึกษาปัญหาชีวิตชัดๆ!!

เลือกนักเขียนมาจากบ้านแล้วค่ะ .. อุรุดา คนนี้!!
นักเขียนคนหนึ่ง มีเวลาหนึ่งชั่วโมง สำหรับแฟนๆ ที่ต่อคิวคุยค่ะ
ทีแรกเราเข้าใจว่า เมื่อหมดเวลา แถวจะถูกล้างแล้วเริ่มใหม่ เลยไปนั่งรอใกล้ๆ
ที่ไหนได้ นักเขียนเปลี่ยน คิวไม่เปลี่ยนค่ะ
พอรู้ว่าอุรุดานั่งโต๊ะไป เราก็ไปต่อคิวรอเลย
ถึงจะมาก่อนเวลา (นิดนึง) แต่ก็ได้คุยกับอุรุดาเป็นคนท้ายๆ เลย
ยืนอยู่หน้าน้องฝนแค่ไม่กี่คน >,<

แฟนหนังสืออุรุดาค่ะ 🙂

ด้วยความที่เราเป็นคนท้ายๆ แล้ว
และคาดว่าจะมีโอกาสได้เจออุรุดาอีกแน่ๆ
จึงใช้เวลาคุยแค่แป๊บเดียว ยกเวลาให้คนหลังๆ ที่ยังมีความหวังอันน้อยนิด
แต่ถึงแม้จะใช้เวลาไม่นาน
แต่อุรุดาก็ใช้สายตาอันเฉียบคมของนักเขียนมองเราทะลุปรุโปร่งทีเดียว
นี่คือกวีเปล่าที่อุรุดาพิมพ์ให้เรา .. ปลาบปลื้มมาก และทึ่งมากกว่า

ของที่ระลึกจากงาน

book blind date เล่มที่เราเลือกมา

แกะออกมาเป็นเล่มนี้ค่ะ ^^

สมุดบันทึกจาก the cloud เล่มนี้ซื้อจาก happening
ตอนซื้อมีวางอยู่ 3 เล่ม ไม่รู้เหลือแค่นั้นเลยหรือเปล่า แต่ดีใจมากที่ได้มา (ซะที) >,<

ที่คั่นหนังสือ #ชั้นเปล่าหลับนะ จากบูธเดียวกัน

มีเข็มกลัดจากเม่นวรรณกรรมมาจนได้

สติ๊กเกอร์งาน เอามาแต่งสมุดบันทึกเล่มข้างบน

แน่นอนว่าแพ้การตลาดของมติชนค่ะ

ลืมถ่ายแก้วมัคมาอีกอย่าง

ปิดท้ายด้วยที่คั่นหนังสือจาก readery

และแล้วก็กลับบ้านโดยสวัสดิภาพทางกาย (และทางกระเป๋าสตางค์ .. มั๊ง)
เป็นงานหนังสือที่หนังสือไม่มาก ลดราคาไม่เยอะ ไม่เน้นขายหนังสือ
แต่รับเอาความรู้สึกดีๆ กลับมาเต็มเปี่ยม
ถ้าปีหน้ามีอีก เราก็จะมาอีก และอยากจะขอเพิ่มวันให้นานกว่านี้สักนิด
แล้วพบกันปีหน้านะคะ (ขี้ตู่ 555)

Comments are closed.