อ่านแล้วเล่า

ร้านเครื่องเขียนสึบากิ (ยังคง) รับเขียนความรู้สึกของคนที่ไม่กล้าบอก

เรื่อง ร้านเครื่องเขียนสึบากิ (ยังคง) รับเขียนความรู้สึกของคนที่ไม่กล้าบอก
ผู้แต่ง โอกาวะ อิโตะ
ผู้แปล ฉัตรขวัญ อดิศัย
สำนักพิมพ์ น้ำพุ
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786162875847

ร้านเครื่องเขียนสึบากิ (ยังคง) รับเขียนความรู้สึกของคนที่ไม่กล้าบอก
เป็นหนังสือที่มีเนื้อเรื่องต่อเนื่องมาจาก
ร้านเครื่องเขียนนั้นใต้ต้นสึบากิ

เนื้อหาหลักๆ ในเล่มนี้
ให้ความสำคัญกับการอัพเดทชีวิตของป๊บโปะจัง
ที่เพิ่งแต่งงานร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันกับคุณมิตซึโร่ และคิวพีจัง
เรื่องราวดำเนินไปช้าๆ จนเรารู้สึกว่ามันเนือยกว่าเล่มก่อน
ความประทับใจที่เกิดขึ้นตอนที่อ่านเล่มแรก ลดน้อยลงไปในเล่มนี้

แต่สำหรับเนื้อหาของเล่ม ยังคงอยู่ในโทนอบอุ่นหัวใจ
และให้คำสำคัญกับความเป็นครอบครัว
ป๊บโปะจังค่อยๆ ทำความรู้จักกับคำว่าครอบครัว
ทั้งครอบครัวที่มีกันสามคน
อย่างคุณมิตซึโร่ คิวพีจัง และป๊ปโปะจังเอง
แล้วยังรวมไปถึงครอบครัวใหญ่ของคุณมิตซึโร่
อย่างพ่อ แม่ พี่สาว และคุณปู่คุณย่า
หนำซ้ำ ป๊ปโปะจังยังได้ทำความรู้จักกับ
เนื้อแท้ของครอบครัวมากขึ้นไปอีก
จากสมาชิกปริศนาอีกคนที่เธอเพิ่งรู้ว่ามี

อ่านงานแปลญี่ปุ่นมาเยอะพอสมควร
เพิ่งเคยรู้สึกเป็นครั้งแรกว่า
บางครั้ง คนญี่ปุ่นก็มีมุมที่ทำความเข้าใจได้ยากเหมือนกันนะ
ความละเอียดอ่อน ความคิดเยอะ ความพิธีรีตอง
เล่มนี้ละเอียดจริงๆ ค่ะ

แต่ถึงอย่างนั้น
เราก็ชอบจดหมายที่ป๊ปโปะจังเขียนทุกฉบับเลย
ตอนได้รับโจทย์แต่ละกรณี เราคิดว่ามันเป็นโจทย์ที่ยากมากเลย
และถ้าเป็นเรา ก็คงไม่รู้จะเขียนจดหมายเหล่านั้นออกไปได้อย่างไร
ป๊บโปะเอง ก็ใช้เวลาไม่น้อยในการคิดและเขียนมันออกมา
แต่จดหมายทุกฉบับ เข้าอกเข้าใจตัวตน
ทั้งผู้ส่งและผู้รับจดหมายอย่างถ่องแท้
เป็นจดหมายที่ละเอียดอ่อน และคิดถึงจิตใจผู้อื่นอย่างมาก
ป๊บโปะจังเลือกใช้ถ้อยคำได้ดีมากๆ เลย

คำพูดคนเรามันสุดยอดไปเลย
ขนาดจะแยกจากกันเพราะทนพฤติกรรมอันเลวร้ายไม่ได้
จดหมายที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อขอหย่า
กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ ในอดีต
และความรู้สึกผิดในปัจจุบัน
ความเป็นญี่ปุ่นนี่สุดสุดไปเลย

และเรื่องที่เรารออ่านอย่างจดจ่อ ติดค้างมาจากเล่มที่แล้ว
ก็คือเรื่องของรุ่นก่อน ..
บางที การกระทำอันยากจะเข้าใจของคนคนหนึ่ง
อาจต้องผ่านกาลเวลาเนิ่นนาน
จวบจนกระทั่งคนคนนั้นล่วงลับไปนานแล้ว
ตราบใดที่ยังถูกจดจำ และครุ่นคิด ..
ความเข้าอกเข้าใจกันอาจจะค่อยๆ เกิดขึ้น
ถึงแม้จะสายเกินไป .. หากมองว่ามันสายเกินไป ..
แต่มันอาจจะมีคุณค่ากับคนที่เหลืออยู่

ปล. ได้ยินชื่อนักเขียนญี่ปุ่น คาวาบาตะ ยาสึนาริ มาระยะหนึ่งแล้ว
แต่การอ่านหนังสือเล่มนี้ เพิ่งทำให้เรารู้สึกอยากอ่านงานของเขาจัง

Comments are closed.