อ่านแล้วเล่า

ประวัติศาสตร์โลกฉบับไม่ง่วง

เรื่อง ประวัติศาสตร์โลกฉบับไม่ง่วง
The Mental Floss History of the World
นั่งรถไฟเหาะเลาะสายประวัติศาสตร์
กว่า 10,000 ปีแห่งอารยธรรมมนุษย์
ผู้แต่ง อีริค แสส, สตีฟ ไวแกนด์,
วิล เพียร์สัน และแมนเกช ฮัตติคูเดอร์
ผู้แปล สุวิชชา จันทร
สำนักพิมพ์ abook
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786163272003

ประวัติศาสตร์โลกฉบับไม่ง่วง นั้น .. ง่วงอยู่นะ
โดยเฉพาะตอนเริ่มอ่าน ยังจับใจความอะไรไม่ได้
แถมพื้นฐานประวัติศาสตร์โลกที่เรามีอยู่ ก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

ผู้เขียนสรุปเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ทั้งโลก
มาสรุปย่อลงให้เหลือเพียง 500 กว่าหน้า .. เนื้อหาจัดหนักจัดเต็มมาก
ด้วยภาษากระชับไม่เวิ่นเว้อ เล่าเร็วๆ แต่ละเอียดครอบคลุม
สำนวนภาษาเข้าใจง่าย อ่านง่ายพอสมควร (แต่เนื้อหาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง!)

หนังสือเริ่มต้นด้วยการ สรุปย่นย่อโดยใช้ชื่อคนที่เราไม่รู้จัก
ชื่อสถานที่ที่เราไม่รู้จัก ฯลฯ
รวบรวมมาเรียงต่อกันอย่างกระชับ
ผลที่ได้คือ ชื่ออะไรไม่รู้เต็มไปหมด อัดแน่นอยู่ตรงหน้า
ต้องตั้งสติอ่านดีๆ ไม่งั้นมันจะมึนๆ เบลอๆ
เป็นการเปิดเล่มที่ค้านกับชื่อเรื่องเป็นอันมาก

สำนวนกระชับกระฉับกระเฉง อ่านมันส์ในช่วงคำนำสำนักพิมพ์
มาถูกเบรกกึกก็ตอนเริ่มอ่านบทแรกๆ นี่เอง

แม้ว่าแรกอ่าน เราอาจจะตกใจกับชื่อประหลาดๆ เต็มไปหมด
แต่เมื่ออ่านไปเรื่อยๆ (สักร้อยหน้า) เราจะเริ่มจับทางได้
ว่าผู้เขียนเล่าเรื่องเดิมซ้ำในหลายแง่มุม
บางครั้งเปลี่ยนบทแล้ว แต่ยังย้อนไปเล่าเรื่องของจักรวรรดิ หรืออารยธรรมเดิม
ทั้งนี้เพราะช่วงเวลาและเหตุการณ์ดังกล่าวคาบเกี่ยวกัน
การเล่าซ้ำๆ เอ่ยชื่อแปลกนั้นซ้ำๆ ก็เริ่มทำให้เราจำได้ และนึกภาพออกบ้าง

ประวัติศาสตร์โลกฉบับไม่ง่วง แบ่งประวัติศาสตร์ออกเป็นช่วงต่างๆ
(เหมือนกับหนังสือประวัติศาสตร์ทั่วไปนี่แหละ)
ในแต่ละช่วง จะแบ่งเป็นส่วนเกริ่นนำ
โดยกล่าวถึงรายละเอียดทั้งหมดของช่วงนี้คร่าวๆ
แล้วจึงเล่ารายละเอียดพอประมาณ ก่อนจะถึงบทสรุป
ที่ว่าด้วยความเจริญขึ้น เสื่อมลง และสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยนั้นๆ
เหตุการณ์ และสถิติตัวเลขบางอย่างที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ เหตุการณ์ในแต่ละช่วง (หรือแต่ละบท) ยังคาบเกี่ยวกันด้วย

ประวัติศาสตร์โลกที่ว่านี้ เน้นหนักไปที่ยุโรป อเมริกา
ทางฝั่งตะวันออก นอกเนือจากลุ่มอารยธรรมแรกๆ
อย่างเมโสโปเตเมีย อียิปต์ ฯลฯ แล้ว
มีเพียงแค่อินเดีย จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีประปรายเท่านั้น
แต่ถึงแม้จะกล่าวถึงภูมิภาคหลักๆ อย่างเน้นหนัก
แต่ผู้เขียนก็ยังอุตส่าห์แวะเวียนมาเล่าถึงสยามหรือไทยอยู่หน่อยนึง
ซึ่งเรื่องที่เล่านั้น .. เป็นเรื่องของเพศและยาเสพติด ..
น่าปลื้มใจกับประเทศตัวเองในหน้าประวัติศาสตร์ของโลกจริงๆ!!

ว่ากันด้วยเรื่องของภาพ
ภาพปกและภาพประกอบของหนังสือเล่มนี้ดีงามมาก สวยมาก
แต่การจัดหน้าดูอึดอัดไปหน่อย
ตัวหนังสือมีขนาดเล็ก
การเว้นวรรคระหว่างตัวอักษร
และระหว่างบรรทัดน้อยมาก อัดแน่นมาก
มีบางช่วงที่พิมพ์ตัวอักษรลงบนพื้นหลังสีส้ม
อันนั้นยิ่งอ่านยากเข้าไปใหญ่ ปวดตามาก

ประวัติศาสตร์โลกฉบับไม่ง่วง เป็นหนังสือที่
ถ้าอ่านผ่านๆ เราจะได้รู้และเข้าใจกระบวนการวิวัฒนาการ
ของการปกครองในรูปแบบต่างๆ
อันถือกำเนิดขึ้นมาเป็นเมือง ได้ปฏิสัมพันธ์กัน
เป็นมิตร เป็นศัตรูกัน แล้วล่มสลายไป อาณาจักรแล้วอาณาจักรเล่า
เหลือเพียงตำนานบ้าง เหลือหลักฐานโบราณวัตถุไว้ให้ศึกษาบ้าง
เหลือเป็นรากเหง้าทางวัฒนธรรมให้เราสืบค้น หรือเป็นอยู่ในทุกวันนี้บ้าง
เราจะได้กรอบความคิดคร่าวๆ ตามแต่ประสบการณ์การอ่านของใครของมัน
แต่ถ้าอยากรู้และเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วล่ะก็
เราคงต้องอ่านมันย้ำๆ ซ้ำๆ มากกว่าหนึ่งรอบ
ซึ่งก็น่าจะเป็นการอ่านที่สนุก ไม่น่าเบื่ออยู่ทุกรอบ
ว่างๆ ก็น่าลองดีนะ

 

ประวัติศาสตร์ทำให้เรามองเห็นว่า
ภายใต้ความเจริญรุ่งเรืองของนานาประเทศ ที่เรียกตนเองว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้ว
พวกเขาได้เอารัดเอาเปรียบผู้ที่ด้อยกว่า ..
ผู้ที่เป็นเจ้าของประเทศ .. เป็นชนพื้นเมือง .. เอาไว้มากมายเพียงไร
มันทำให้เราได้เห็นว่ามนุษย์ทำร้ายกันได้มากเพียงไร
และมันทำให้เราตระหนัก ..
ในประโยคที่เราได้ยินกันเกร่อ .. มากกว่าครั้งไหน
ประโยคที่ว่า ..
เราโชคดีเพียงใดที่ไม่ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศใดในยุคล่าอาณานิคม
มันไม่ใช่ประโยคสวยๆ .. แต่เราโชคดีมากจริงๆ
เพียงแค่เราไม่เคยรู้สึกถึงมันมากเท่าครั้งนี้มาก่อน

แม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย (ในใจของเรา) ปะปนกันเต็มไปหมด
แต่เราก็ดีใจที่สำนักพิมพ์ไทยทำหนังสือความรู้ในรูปแบบนี้ออกมา
ดีใจที่เยาวชนจะได้อ่านหนังสือที่ดี ในรูปแบบที่ย่อยให้เข้าใจง่าย
ถึงแม้มันจะอ่านยากกว่าที่ชื่อเรื่องว่าไว้อยู่สักหน่อย
แต่ก็ลองอ่านมันดูเถอะค่ะ .. รอบแรกไม่เข้าใจ รอบสองก็ยังมี!

 

Comments are closed.