อ่านแล้วเล่า

เฮย์-ออน-ไวย เมือง/รัก/หนังสือ

23-1 เฮย์ออนไวย เมืองรักหนังสือ

เรื่อง เฮย์-ออน-ไวย เมือง/รัก/หนังสือ
ผู้แต่ง พอล คอลลินส์
ผู้แปล ศรรวริศา
สำนักพิมพ์ กำมะหยี่
ราคา 250 บาท

เป็นเรื่องน่าทึ่งและน่าชื่นชม .. สำหรับสำนักพิมพ์กำมะหยี่
ที่สามารถสรรหาหนังสือที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือ หรือคนรักหนังสือ
มาจัดรวมอยู่ในชุด “คนรักหนังสือ” ได้ต่อเนื่องไม่ขาดตอน ติดต่อกันมาถึง 4 เล่มแล้ว
(เล่มนี้คือเล่มที่ 2 ของชุดค่ะ)
หนังสือแต่ละเล่ม ถูกเขียนด้วยผู้เขียนคนละคน เรื่องคนละเรื่อง
ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน นอกจาก “หนังสือ”
ลองนึกดูเล่นๆ นอกจากชุดของกำมะหยี่แล้ว หนังสือที่เราเคยอ่าน
มีเล่มไหนพูดถึงหนังสืออีกบ้างไหม .. นึกไม่ออกแฮะ .. เป็นที่น่าติดตามจริงๆ
อยากจะรู้ว่ากำมะหยี่จะสรรหาเรื่องราวของหนังสือมาให้เราอ่านได้อีกในปีต่อๆ ไป

มาว่าที่เล่มนี้กันก่อนค่ะเฮย์-ออน-ไวย เมือง/รัก/หนังสือ
เฮย์-ออน-ไวย คือชื่อเมืองเมืองหนึ่งในประเทศอังกฤษ
เป็นเมืองที่มีประชากรจำนวนไม่มาก แต่มีร้านหนังสือเปิดอยู่ถึง 40 ร้าน
หรือถ้านับเป็นค่าเฉลี่ย เราจะได้จำนวนประชากร 37 คน ต่อร้านหนังสือ (เก่า) 1 ร้าน
กี๊ดซ์ >,< น่าอิจฉาเนอะ

เฮย์-ออน-ไวย เมือง/รัก/หนังสือ ยังคงเป็นหนังสืออีกเล่มที่ใช้ร้านขายหนังสือเป็นฉาก
ไม่ใช่ร้านเดียว แต่เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยร้านหนังสือ
เสียดายแต่เพียงว่ามันถูกใช้เป็นเพียงแค่ฉากหลัง
ส่วนเรื่องราวของตัวละครหน้าฉาก คือครอบครัวของพอล
อันประกอบไปด้วยพอล หัวหน้าครอบครัว, เจนนิเฟอร์ ภรรยา,
และมอร์แกน ทารกราวหนึ่งขวบ
ครอบครัวอเมริกันชนที่เปลี่ยนทางเดินชีวิตมายังชนบทในประเทศอังกฤษ
พวกเขาเลือกมาใช้ชีวิตอยู่ที่เฮย์ ..
เมืองโบราณที่เต็มไปด้วยบ้านเก่าๆ อายุหลายร้อยปี และร้านหนังสือ

หนังสือเล่มนี้มีอารมณ์ขันจางๆ ตลกแบบประชดประชัน
บางอันก็ขำ แต่บางอันก็เฉยๆ

เนื้อหาช่วงต้นพูดถึงขั้นตอนการหาบ้านสักหลังที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาล้วนๆ
เป็นหนังสือที่น้ำเยอะมากๆ เล่าไปเกือบครึ่งเล่มยังไปไม่ถึงไหน
อ่านแล้วจินตนาการไม่บังเกิด
มองไม่เห็นภาพร้านหนังสืองามๆ ตามหน้าปกเลยแม้แต่น้อย

เมื่ออ่านต่อ เราได้พบว่า ผู้เขียนใช้เวลาหลายเดือน ..
และหน้าหนังสืออีกเกือบทั้งเล่มเพื่อเสาะหาบ้านหลังใหม่ในเมืองนี้
พวกเขาก็หาบ้านกันยันช่วงท้ายของเล่ม ..
อ่านแล้วชักอยากจะเปลี่ยนชื่อหนังสือเป็น ..
บันทึกการหาซื้อบ้านของชายที่เพิ่งย้ายมายังเมืองหนังสือ “เฮย์”

ตัวหนังสือในเล่มนี้เป็นเพียงบทบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ข้อเสียของมันคือมีเหตุการณ์ แต่ขาดอารมณ์
เราสามารถอ่านมันได้สนุกกว่านี้ถ้ามีความสุข ความสมหวัง ผิดหวังให้เห็นด้วย

แม้เฮย์จะเป็นเมืองชวนฝันอันเต็มไปด้วยหนังสือ (เมื่อแรกอ่าน)
แต่เมื่อได้พบความจริงจากคำบรรยายของผู้เขียน
ความฝันก็ค่อยกร่อนทลาย
หนังสือเก่าอันล้นหลามกองทะเนินเทินทึก
บ้างอยู่กลางแจ้ง กลางแดดและลมฝน
บ้างล้มระเนระนาด เขละอยู่ในร้านหนังสือ
หนังสือมีค่าฉบับพิมพ์ครั้งแรกถูกปล่อยปละไม่มีใครสนใจ
หนังสือกลายเป็นของไร้ค่า ..
ถ้าไม่รักหนังสือแล้ว ทำไมถึงเป็นเมืองหนังสือ .. ไม่เข้าใจจริงๆ

มีเส้นแบ่งระหว่างความฝันกับความจริง
ผู้เขียนมีความฝัน และเขาลงมือทำตามฝัน ..
และไม่ใช่ทุกคนที่จะข้ามผ่านเส้นแบ่งระหว่างความฝันและความจริงนั้นได้

หนังสือเล่มนี้เชิงอรรถเยอะมากจนถึงมากที่สุด
อันที่จริงเล่มแรกก็มี และก็เยอะเหมือนกัน แต่ยังพอมีประโยชน์บ้าง
แต่สำหรับเล่มนี้ บางอันมีประโยชน์ .. โอเค, บางอันไม่ต้องมีก็ได้ ไม่สำคัญ
และบางอัน มีก็เหมือนไม่มี จะมีไปทำไม
เชิงอรรถมากมายก่ายกองเหล่านี้ทำให้การอ่านชักกระตุก ขาดตอนเป็นระยะๆ
หลังๆ เราเลยเลิกสนใจมันไปเสียเลย
(แต่ก็รู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรไป .. เป็นอาการทางจิตส่วนตัว 555)

ในฐานะของคนที่ไม่ค่อยได้อ่านวรรรณกรรม
เราคิดว่า หนังสือเล่มนี้น่าจะสนุกขึ้น ถ้าเราได้อ่านงานวรรณกรรมมามากกว่านี้ค่ะ

ปล. ขอแนะนำบล็อกเพิ่มเติมนิดนึงค่ะ อันนี้เป็นบล็อกของผู้จัดทำเอง
อ่านแล้วได้เห็นมุมมองหลายๆ อย่างก่อนที่หนังสือชุดนี้จะออกสู่ตลาด
ได้เห็นความตั้งใจดีของผู้ผลิตค่ะ ^^

ปล2. ส่วนนี่เป็นภาพเพิ่มเติมของเมืองเฮย์ .. ซึ่งสวยกว่าที่บรรยายในหนังสือเยอะเลย (ฮา)

 

Comments are closed.