เจ้าบ้านเจ้าเรือน
เรื่อง เจ้าบ้านเจ้าเรือน
ผู้แต่ง แก้วเก้า
สำนักพิมพ์ ทรีบีส์
(สนพ. ในเครือ สนพ.อักษรโสภณ)
ราคา 480 บาท
ได้เวลาหยิบเจ้าบ้านเจ้าเรือนมาอ่านอีกรอบแล้วสินะ ..
ทำไมน่ะหรือคะ? .. ก็พี่ติ๊กรับเล่นแล้วนี่ .. ฮิ้ววววว!!
เรื่องนี้นางเอกเป็นแม่ม่าย และพระเอกเป็น .. ผีที่ (เคย) เจ้าชู้มาก ..
คุณสมบัติของตัวละครเริ่มสร้างความน่าสนใจพอที่จะอ่านแล้วหรือยังคะ?
ถ้าจะนับชีวิตของแพรขาวว่าเป็นภาคต่อของนิทานหลอกเด็กซินเดอเรลลา
ที่นิยายนับร้อยเรื่องเอาพล็อตไปเขียนแล้วล่ะก็
รับรองว่าจะทำให้นิยายเหล่านั้นหมดความโรแมนติคไม่มีเหลือทีเดียว
เพราะชีวิตของแพรขาว เป็นนักศึกษาธรรมดาๆ ที่บ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไร (ติดจะยากจนด้วยซ้ำ)
ส่วนพัสกร เป็นชายหนุ่มรูปงามสุดโก้ ร่ำรวยเงินทอง ขับรถไม่ซ้ำคันมาเรียนทุกวัน
ชายหนุ่มผู้เป็นที่หมายปองของสาวๆ คนนี้ไม่สนใจผู้หญิงคนไหน
แต่เขากลับมาสนใจผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างแพรขาว
สนใจจนถึงขนาดรักจริงหวังแต่ง และสุดท้ายก็ได้แต่งงานกันจริงๆ
แพรขาวรู้สึกเหมือนเธอเป็นซินเดอเรลลาที่เจ้าชายมาหลงรักและขอแต่งงาน ..
แล้วเวลาแห่งความสุขแบบเทพนิยายก็กลับมีระยะเวลาเพียงแค่ 6 ปี
หลังจากนั้นคือชีวิตจริงล้วนๆ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของนิยายเรื่องนี้
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อแพรขาว ภรรยาผู้แสนดีที่สุดของพัสกร
เดินทางมาถึงปลายทางความอดทน .. สามีของเธอพาผู้หญิงอีกคนและลูกของเธอคนนั้นเข้าบ้าน!!
แพรขาวตัดสินใจย้ายออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ บ้านที่สะดวกสบายของครอบครัวสามี
.. เพื่อเป็นเจ้าของชีวิตตัวเองเสียที
บ้านหลังที่แพรขาวตั้งใจจะอพยพหลบภัยสามีไปอยู่นั้น
เป็นบ้านเรือนแบบเก่าที่มีลักษณะของบ้านสวนชานเมือง
เพื่อนของเธอ .. นลิน แบ่งห้องให้เช่า
โดยมีคุณป้าสมพร และคุณยายเกสร แม่และยายของนลินช่วยดูแล
บ้านที่มีผู้ใหญ่อบอุ่น ปลอดภัย เพียงพอที่เธอจะอุ่นใจฝากลูกสาวตัวน้อยไว้ได้บางเวลา
แต่เพียงคืนเดียวที่แพรขาวได้นอนหลับลงที่บ้านหลังนี้
เธอก็รับรู้ได้ทันทีว่า บ้านหลังนี้มีความ ‘ไม่ธรรมดา’
อะไรบางอย่างปกปักษ์รักษาเธอกับลูกจากอันตรายที่มองไม่เห็น
หลังจากแพรขาวย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ได้ไม่นาน พัสกรก็ตามมาก่อกวน
เขาหมดรักเธอแล้ว แต่ปัญหาสำคัญอีกอย่างคือลูก ..
เขาอาจจะรักลูกหรือไม่ก็ทำตามคำสั่งมารดาผู้เป็นย่าของหนูชมพู
บางทีเขาอาจต้องการลูกเพียงเพื่อเอาชนะ แต่ลูกคือทั้งหมดของเธอ
อีกครั้งที่เจ้าบ้านเจ้าเรือนได้ช่วยเหลือเธอ .. ด้วยมือที่มองไ่ม่เห็น
ในช่วงนั้นเอง ที่ฝั่งตรงข้ามคลอง
ที่ดินที่เต็มไปด้วยวิญญาณเร่ร่อนผู้เต็มไปด้วยความทุกข์ ได้ถูกแปรเปลี่ยนอีกครั้ง
แม้เจ้าของหลายต่อหลายเจ้าจะเพียรก่อกิจการใดๆ ขึ้น มันก็เป็นอันพังพาบไปในเวลาไม่นาน
ล่าสุด ลลิต เจ้าของรายใหม่ของที่ดินผืนนั้นได้สร้างมันเป็นสปา
ลลิตได้ชวนแพรขาวไปเป็นพนักงานต้อนรับที่สปาแห่งนั้นนอกเหนือเวลางานประจำ
ด้วยค่าใช้จ่ายที่เธอต้องรับผิดชอบ แพรขาวตัดสินใจทำงานที่นั่น ..
งานพิเศษจะช่วยให้เธอมีเงินเก็บเพื่อหนูชมพู ลูกสาวของเธอ
ในการทำงานใกล้บ้านครั้งนี้ เจ้าบ้านเจ้าเรือนก็ได้มาเตือนเธอให้ระมัดระวังอันตรายบางสิ่งบางอย่าง
อันตรายที่ไม่สามารถบอกได้ว่าคืออะไร
เมื่อพบกันบ่อยครั้งเข้า แพรขาวกับท่านเจ้าบ้าน .. คุณไรวินทร์ก็ถูกอัชฌาสัยกัน
คุยกันถูกคอ จนบางทีแพรขาวก็ลืมสถานะที่แตกต่างกันระหว่างเธอกับเขา
ไรวินทร์ไม่ได้แสดงความเจ้าชู้ต่อแพรขาว แม้เขาจะถูกชะตากับเธอเป็นอย่างมาก
เขาเพียงรู้สึกกับเธออย่างผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็กๆช่างซักช่างถามคนหนึ่ง
(ขืนไรวินทร์เป็นผีแล้วยังเจ้าชู้อยู่อีก แพรขาวก็คงจะเปิดหนีเหมือนกัน
ลำพังสามีตัวเองก็ยังคาราคาซังไม่จบอยู่เลย)
ความเป็นมาของเขา ค่อยๆ ถูกถ่ายทอดมาสู่เธอ (และเราผู้อ่าน) ทีละน้อย
ค่อยๆ คลี่ความลับของสิ่งลึกลับ .. ทั้งที่เธอควรจะกลัว ..
ชีวิตของคุณไรวินทร์ ค่อยๆ ถูกเล่าผ่านตัวละครทั้งหลาย และถ่ายทอดสู่เราผู้อ่าน
วิธีเล่าเรื่องของอาจารย์วินิตาจะมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่อ่านแล้วชื่นตาสบายใจ
อาจารย์วินิตาอธิบายลักษณะของวิญญาณอย่างคุณไรวินทร์ได้สมจริง เป็นเหตุเป็นผล
อ่านแล้วก็นั่งพยักหน้าหงึกๆ พร้อมกับ “อ๋อ” ในใจ
แม้ไม่รู้ว่าความจริงแล้วจะเป็นอย่างที่อาจารย์บอกหรือเปล่าก็เถอะ แต่มันก็ทำให้นิยายมีมิติ
และทำให้ตัวละครดูมีตัวตนจริง
อย่างหนึ่งที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของคุณเจ้าบ้านคนนี้คือตีขิมฝีมือระดับเทพค่ะ
พระเอกเรื่องนี้เป็นนักดนตรีเสียด้วย .. ถึงจะเป็นนักดนตรีไทยยุคโบราณก็เถอะ
รอลุ้นภาพพี่ติ๊กตีขิมแบบนุ่มๆ นวลๆ และฟังศรีริต้าร้องเพลงไทยเดิม (หึมม์ ;P)
คาดหวังเป็นอย่างยิ่งกับเพลงประกอบละครเรื่องนี้ค่ะ เพราะอย่างอื่นสมหวังเกือบหมดแล้ว ^^
เรื่องราวของไรวินทร์ ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อและคุณแม่ ดูเหมือนจะเป็นภาพซ้อนกับเหตุการณ์ของแพรขาว
ผู้ชายรูปหล่อ ปากหวาน เจ้าชู้ และไม่รู้จักพอ ครอบครัวของไรวินทร์เหมือนคนบ้านแตก
ต่อเมื่อไรวินทร์เติบใหญ่ ชีวิตของเขาก็กลับดำเนินซ้ำรอยพ่อของเขาดังกงเกวียน
ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจว่าจะไม่ทำตัวแบบเดียวกับพ่อของเขา
จะไม่ยกย่องใครเหนือภรรยาของเขา จะไม่ทำให้แม่และเมียต้องเสียใจ
แต่มนุษย์มักมีข้อยกเว้นให้กับความผิดพลาดของตนเองเสมอ ..
ไรวินทร์ยอมตกลงปลงใจแต่งงานกับหญิงสาวที่แม่ของเขาเลือกให้อย่างเต็มใจ
เขาถือว่าเป็นหน้าที่ของลูกที่จะแสดงความกตัญญูต่อแม่ที่เขารัก
แต่ชะตาชีวิตของคนก็ไม่ได้เป็นดังเส้นตรงที่ขีดไว้
ก่อนแต่งงาน ไรวินทร์ได้แอบมีบ้านน้อยอีก 2 หลัง และยังให้ความหวังผู้หญิงไว้อีกหนึ่งคน
ทั้งผู้หญิงที่มีสถานะทางสังคมต่ำกว่าเขา .. บัวน้อย
ผู้หญิงผู้มีสถานะทางสังคมเท่าเทียมกับเขา .. รำไพ
และผู้หญิงที่เป็นถึงลูกเจ้านายของเขา .. สุดสวาท
.. นี่ขนาดตั้งใจว่าจะไม่ดำเนินรอยตามพ่อของเขานะนี่!!
โชคดี ที่คุณไรวินทร์ที่มาพบกับแพรขาว เป็นคุณไรวินทร์เวอร์ชั่นผู้ใหญ่ใจดี
ถึงอย่างนั้นก็ยังเสน่ห์แพรวพราวจนแพรขาวสนิทใจพูดคุยด้วยทุกคืน (ในฝัน)
เส้นชีวิตที่ไรวินทร์เริ่มต้นขีดไว้ ส่อเค้าความยุ่งขิงในตอนท้ายเห็นๆ
บางปุ่มปมของเส้นนั้น ทำให้วิญญาณของเขาถูกสาป ขังติดอยู่กับบ้านหลังนี้นับร้อยปี
การเล่าเรื่องของอาจารย์วินิตาเป็นเรื่องเล่าชนิดยาวครอบคลุมชีวิตของตัวละครตัวหนึ่ง
ซึ่งก็เกี่ยวโยงไปยังตัวละครอื่นๆ อีกหลายตัว
เราจึงได้เห็นภูมิหลังของเขา เห็นที่มาที่ไป เห็นวิธีที่เขาถูกเลี้ยงดู และผลเมื่อเติบใหญ่
ได้เห็นการกระทำ และผลจากการกระทำนั้น
ไรวินทร์เอง แม้จะเจ้าชู้มาก แต่เขาก็เป็นผู้มีความกตัญญูเป็นอันมาก
แม้เขาจะไม่ได้รักภรรยา และทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจโดยไม่ตั้งใจ (มั๊ย?)
แต่เขาก็ไม่เคยด่าว่าหรือทำร้ายร่างกาย
ในแง่หนึ่ง เขาเป็นคนเลว แต่เขาเองก็มีความดีปะปนอยู่ในตัวตน เหมือนดังมนุษย์ทั่วๆ ไป
มีผิด มีพลั้งพลาด และก็มีผลกรรมที่เกิดจากความผิดพลาดนั้น
ตัวละครอื่นๆ นอกจากไรวินทร์ ก็เป็นเช่นเดียวกันนี้ด้วย
ผู้หญิงคนสำคัญที่สุดที่เข้ามาย้ำการกระทำของไรวินทร์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นก็คือมาลาตี
วิธีการเขียนหนังสือของแก้วเก้าคือ ใช้วิธีบอกเล่าพฤติกรรมของตัวละครทั้งหมด
ทั้งทางถูกและทางผิด ทางขาวและทางดำ
โดยไม่ชี้นิ้วตัดสินว่าใครถูกใครผิด ใครดีใครเลว ให้คนอ่านตัดสินกันเอง
ดังนั้น ผู้หญิงอย่างมาลาตีจึงไม่ใช่นางอิจฉาอย่างในละครทั่วไป
ถ้าเอานิสัยอย่างมาลาตีไปให้นักเขียนท่านอื่นบรรยาย
มาลาตีคงไม่พ้นจะได้รับบทนางซุปเปอร์ร้ายเต็มขั้นทีเดียว
ถึงอย่างนั้น ตัวตนของมาลาตีที่ค่อยๆ เปิดเผยแง่มุมแต่ละแง่ออกมา
ก็เป็นมินิไคลแมกซ์ที่ทำให้ใจเต้นตึกตักวางไม่ลงอยู่เหมือนกัน
เรื่องราวเช่นนี้ ถ้าให้คนอื่นเล่าคงไม่สนุกเท่าวิธีเล่าของแก้วเก้าแน่ๆ
อาจารย์วินิตาเล่าเรื่องของทั้ง 2 ฝั่งขนานกันไปเหมือนเส้นขนาน
ชีวิตครอบครัวอันอีรุงตุงนังของไรวินทร์
และชีวิตที่กำลังจะหย่าขาดจากสามีของแพรขาว
ตัวละครอีกตัวที่น่าสนใจคือลลิต เจ้าของสปาและเจ้านายของแพรขาว ที่มีทีท่าสนอกสนใจเธอเป็นพิเศษ
ลลิต เป็นชายหนุ่มที่มั่นอกมั่นใจในตัวเอง เขามีความแปลกประหลาดบางอย่าง
ดูเหมือนเขาจะเชื่อในวิญญาณที่มองไม่เห็น แต่เขาก็ดูจะมั่นใจว่าตัวเองเหนือกว่าวิญญาณเหล่านั้น
หลายครั้งเมื่อเธอได้อยู่ใกล้เขา เธอมีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่าง
สำหรับปัญหาครอบครัวของแพรขาวเองนั้น เธอมืดมนอบจนหนทาง
พัสกร สามีของเธอตัดสินใจจะฟ้องหย่า ทั้งๆ ที่เขาเป็นฝ่ายมีคนอื่นแท้ๆ
เพื่อถือสิทธิ์ครอบครองลูก กฎหมายย่อมยุติธรรมสำหรับคนที่มีเงินมากกว่าอยู่แล้ว
ท่ามกลางความมืดมนของชีวิต ..
แพรขาวไม่คิดเลยว่าแสงสว่างน้อยนิดจะมาจากผู้ที่เป็นทนายความของฝ่ายตรงข้าม
สาโรจน์ ทนายความผู้มีความดี (เกินผู้ร่วมอาชีพในละครทั่วๆ ไป ;P) เขาให้ความยุติธรรมแก่เธอ
เป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำที่ดี
แพรขาวตัดสินใจใช้ไม้อ่อน เป็นการประนีประนอมแทนการเอาชนะคะคาน
ในช่วงท้ายของเรื่อง ชีวิตของแพรขาวเหมือนโดนพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก
นานาเหตุการณ์ประดังเข้ามาในเวลาใกล้จบเรื่อง
อ่านไปก็เหนื่อยไป เอาใจช่วยเธอไปตลอด
เจ้าบ้านเจ้าเรือน เป็นนิยายที่รายละเอียดเยอะ ตัวละครแยะ
และทุกตัวต่างก็มีบทบาทสำคัญด้วยกันทั้งนั้น
ดังนั้น แม้นิยายจะเล่มหนา แต่ผู้เขียนก็ดำเนินเรื่องไปไวมากๆ
อ่านเพลินไม่รู้สึกว่ายืดเยื้อแม้แต่น้อย
อ่านรอบที่ 2 หนนี้ สนุกกว่าครั้งมาเมื่ออ่านตอนรอบแรกค่ะ
อ่านอย่างไม่คาดหวังอะไร จึงจบอย่างอิ่มเอมและเป็นสุข ^^
ปล. นิยายเรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่า คำว่า “ผีเห็นผี” นั้นไม่จริงเลย (อิอิ)
Comments are closed.