อ่านแล้วเล่า

สมุดบันทึกของฆาตกร

เรื่อง สมุดบันทึกของฆาตกร
ผู้แต่ง คิมย็องฮา
ผู้แปล สุมาลี สูนจันทร์
สำนักพิมพ์ ปริซึม
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161861407

นี่เป็นเรื่องเล่าผ่านสมุดบันทึกของ คิมบย็องซู
ชายอายุ 70 ปี ผู้เป็นอัลไซเมอร์
เขาเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนมามากมาย
แต่หยุดฆ่าคนไปเมื่อ 26 ปีก่อน
เพราะว่าความรู้สึกเพลิดเพลินในการฆ่านั้นหายไป
เขาประกอบสัมมาชีพเป็นสัตวแพทย์
และใช้ชีวิตปกติสุขกับลูกสาวเพียงคนเดียวมานับแต่นั้น
จวบจนกระทั่งวันนี้ .. วันที่เรื่องเริ่มต้นขึ้น

อาการหลงลืมเริ่มเกิดขึ้นกับเขา
ในวันที่เขาถูกหมอวินิจฉัยว่าเป็นอัลไซเมอร์
ได้มีการพบศพหญิงสาวที่ถูกฆ่าอย่างปริศนา
จำนวนศพเพิ่มจากหนึ่งไปเรื่อยๆ
และยังจับตัวฆาตกรไม่ได้
นี่เป็นฝีมือของฆาตกรต่อเนื่องคนใหม่?
หรือแท้ที่จริงคือตัวเขาเอง?
เขาเริ่มหวั่นวิตก
และไม่มั่นใจในความปลอดภัยของลูกสาวตัวเอง

เขาเป็นห่วงลูกสาว
แต่ก็หวั่นกลัวสัญชาตญาณดิบอันควบคุมไม่ได้
ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในจิตใจตัวเอง
นอกจากนี้ เขายังพบชายผู้ต้องสงสัย
ที่อาจจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องคนนั้น
เขาจะต้องปกป้องลูกสาว
และเปิดโปงตัวตนของเจ้าฆาตกรคนนั้น
นี่เป็นภารกิจที่ไม่อาจบอกใครได้
เขาต้องทำมันโดยลำพัง
ด้วยความทรงจำที่ถดถอย แหว่งวิ่น

เรื่องราวเล่าตัดสลับกันไปมาระหว่างเรื่องราวในอดีตและปัจจุบัน
เชื่อมต่อกันคล้ายรอยตัดปะ
และอาจเพราะคนเป็นอัลไซเมอร์เป็นคนเล่าเรื่อง
ทำให้ตอนที่อ่าน เราเลยรู้สึกเหมือนกับเป็นอัลไซเมอร์ไปด้วย
เรารับรู้เรื่องราวอย่างครึ่งๆ กลางๆ
ไม่รู้อดีตก่อนหน้า ไม่รู้อนาคตที่เคยคาดการณ์ไว้
ทุกความทรงจำมาเป็นชิ้นส่วน และเป็นชิ้นส่วนที่ไม่รู้ว่าเชื่อถือได้แค่ไหน
บางความทรงจำขัดแย้งกันเองด้วยซ้ำ

เป็นครั้งแรก ที่เราได้ตระหนักว่า โรคสมองเสื่อมช่างน่ากลัว
ก่อนหน้านี้ นิยายที่เล่าเรื่องของตัวละครที่เป็นโรคสมองเสื่อม –
มักจะมาในแนวที่อบอุ่น สร้างความเข้าอกเข้าใจ
แต่กับเล่มนี้ การเป็นโรคสมองเสื่อม
แบบที่ไม่สามารถจดบันทึกข้อมูลบางอย่างได้
หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองจดเลย
ไม่รู้อดีต ไม่รู้อนาคต ไม่รู้จักตัวเอง และคนรอบตัว
โลกใบนี้ช่างอันตราย และน่ากลัว

นอกจากเรื่องราวที่ต้องทำในแต่ละวัน
สมุดบันทึกของฆาตกร
เป็นบันทึกที่เต็มไปด้วยศาสนา ปรัชญา วรรณกรรม และบทกวี
มีโน้ตสั้นๆ ที่มาจากหนังสือหลายเล่มดัง
แต่ถูกตีความใหม่จนพลิกโลกของเราไปเลย
เป็นการมองมุมกลับที่ชวนคิด และน่าทึ่งคนเขียน

มันเป็นหนังสือเล่มบางๆ ที่เล่าเรื่องแตกต่างไปจากที่คุ้นเคย
เป็นหนังสือที่ดี แปลก และเราชอบในความแปลกนั้น
เสียดายอยู่นิดเดียว ที่ตอนจบยังหลงเหลือความคาใจทิ้งไว้
เป็นการจบค้างที่ไม่ใช่ผู้เขียนจบไม่ลงด้วย
แต่เป็นความตั้งใจว่าจะจบแบบนี้แหละ
นอกจากคาใจแล้ว ทำไมไม่รู้ มันรู้สึกเจ็บใจอยู่นิดๆ ด้วย

ถ้ามองกันในแง่ของงานเขียนแล้ว
นี่คือตอนจบที่ดีเลย
แต่ในแง่ของคนอ่าน
เราอยากให้มีภาคผนวกที่คุยกันรู้เรื่องมากกว่านี้อ่ะ >,<

Comments are closed.