บิเบลีย บันทึกไขปริศนาแห่งร้านหนังสือ 1

เรื่อง บิเบลีย บันทึกไขปริศนาแห่งร้านหนังสือ
ตอน คุณชิโอริโกะกับเหล่าลูกค้าผู้แปลกประหลาด
ผู้แต่ง เอน มิคามิ
ผู้แปล พลอยทับทิม ทับทิมทอง
สำนักพิมพ์ อนิแม็กบุ๊คส์
ราคา 290 บาท
โกระ ไดสึเกะ คือชายหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งที่อดีตเคยเป็นเด็กที่ชอบอ่านหนังสือมาก
แต่วันหนึ่ง .. ในวันที่เขาแอบเข้าไปหาหนังสืออ่านในห้องหนังสือต้องห้ามของยาย
และถูกจับได้ .. เขาถูกยายตีอย่างแรงในทันทีที่จับได้ .. และยังถูกดุซ้ำอีก
โดยที่ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำผิดอะไรมากไปกว่าการผิดคำสั่งของยาย
ความกลัวและความตกใจที่เกิดขึ้นทั้งหมด มีผลกระทบต่อจิตใจของเขา
นับจากนั้น เขากลายเป็นคนที่กลัวตัวหนังสือที่เรียงกันเป็นพืด
กลัวการอ่านหนังสือที่มีตัวหนังสือเยอะๆ และกลายเป็นคนที่ไม่ถูกโรคกับหนังสือตลอดมา
การที่คนเราอ่านหนังสือไม่ได้ .. หรืออ่านได้แต่จำกัดได้เพียงบางประเภทเท่านั้น
จะทำให้ชีวิตแตกต่างจากการเป็นตัวเราคนเดิมที่ยังอ่านหนังสือได้ขนาดไหนนะ?
โกระ ไดสึเกะ ในวัยมัธยม ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งในร้านหนังสือเก่าบิเบลีย
เขาสนใจเธอ แต่ก็รับรู้ได้ว่าโลกของเขาและโลกของเธอมันช่างแตกต่างกันอย่างสุดกู่
เมื่อโกระ ไดสึเกะ เติบโตจนถึงวัยจบมหาวิทยาลัย
เขาได้ค้นพบอีกครั้งว่า หนังสือเล่มที่เขาเคยเปิดอ่าน และเป็นความหลังฝังใจครั้งนั้น
คือหนังสือในชุดรวมผลงานของโซเซกิ โดยเล่มที่เขาเปิดอ่านคือเล่มที่ชื่อว่า จากนั้น
ระหว่างที่เขากับแม่กำลังช่วยกันจัดการหนังสืออันเป็นสมบัติที่หลงเหลืออยู่ของยาย
เขากับแม่ได้ค้นพบว่า หนังสือเล่มนั้นมีลายเซ็นลึกลับเป็นนามของผู้เขียนอยู่
เขียนอย่างชัดเจนว่ามอบให้คนคนหนึ่งที่ไม่ใช่ยายของเขา ..
หนังสือเล่มนั้นเป็นหนังสือที่มาจากร้านหนังสือเก่าบิเบลีย .. เมื่อเนิ่นนานมาแล้วนั่นเอง
ชิโนคาวะ ชิโอริโกะ คือชื่อของหญิงสาวคนนั้น
เธอเป็นเจ้าของร้านบิเบลียที่รับช่วงต่อมาจากพ่อที่เพิ่งเสียไป ..
ในเวลาไล่เลี่ยกับการจากไปของยายของไดสึเกะ
ชิโอริโกะ เป็นหญิงสาวที่ขี้อาย มนุษย์สัมพันธ์เข้าขั้นแย่
แต่ถ้าเป็นเรื่องหนังสือ เธอพูดได้ไม่หยุด
เธอมีความรู้เกี่ยวกับหนังสือมากมาย
และเธอมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ..
‘หนังสือเก่าไม่ได้มีคุณค่าแค่ที่เนื้อหา แต่หนังสือเองก็มีเรื่องราวของมัน’
และนั่นคือเสน่ห์ของหนังสือสำหรับเธอ ..
ชิโอริโกะได้ใช้ความช่างสังเกต และความรู้ที่เธอมีอยู่
ช่วยไดสึเกะไขปริศนาเกี่ยวกับหนังสือลึกลับในบ้านเล่มนั้นได้สำเร็จ
ความประทับใจเกิดขึ้นทำให้ชิโอริโกะชักชวนไดสึเกะ
ผู้เกลียดกลัวตัวหนังสือให้มาทำงานที่ร้านของเธอจนได้
ในท้ายบทที่หนึ่ง ไดสึเกะก็กลายร่างเป็นพนักงานแห่งร้านหนังสือเก่าบิเบลีย
เป็นพนักงานที่มีความสามารถในการอ่านหนังสือน้อยที่สุด
และมีความรู้เกี่ยวกับหนังสือน้อยเช่นกัน ..
แต่เขาก็มีความสุขในการทำงานท่ามกลางกองหนังสือพะเนินเทินทึกนั้น
นั่นคือปฐมบทของหนังสือเล่มนี้
หนังสือเล่มนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ตอน
แต่ละตอนถูกแบ่งออกเป็นต่างเรื่องราวกันไป
โดยมีตัวละครหลักคือชิโนคาวะ ชิโอริโกะ เจ้าของร้านบิเบลียยุคปัจจุบัน,
ชิโนคาวะ อายากะ สาวน้อยวัยมัธยมผู้เป็นน้องสาวของเจ้าของร้านหนังสือ
และโกระ ไดสึเกะ ชายหนุ่มผู้กลัวหนังสือ
ทั้งหมดจะช่วยกันไขปริศนาเกี่ยวกับหนังสือ (ที่ไม่มีฉากฆาตกรรม) ในตอนต่อๆ ไป
ในตอนที่สอง ชิดะ ลูกค้าขาประจำของร้านได้นำหนังสือหายากมาขายให้
และก็ได้ฝากให้ชิโอริโกะช่วยตามหาหนังสือเล่มหนึ่งที่ถูกขโมยไปด้วย
หนังสือเล่มที่ว่านั้นคือ เก็บฟาง/เซนต์แอนเดอร์สัน ของโคยามะ คิโยชิ
ฉบับพิมพ์ครั้งแรก โดยสำนักพิมพ์ชินโจบุงโกะ
(หนังสือที่อยู่ในแต่ละตอนน่าจะเป็นหนังสือที่มีอยู่จริง ..
น่าเสียดายที่เราไม่รู้จักสักเล่ม ..
น่าจะมีหนังสือแบบนี้โดยนักเขียนไทยบ้างเนอะ ^^)
การตามหาหนังสือเล่มนี้ .. เราเดาออกด้วย .. ฮูเร่ ๕๕๕
แต่เป็นการเดาออกอย่างกะปริบกะปรอยค่ะ
แต่ในรายละเอียดแล้ว ชิโอริโกะยังคงเป็นหญิงสาวที่น่าทึ่ง และน่าทึ่งมาขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าเจ้าของร้านหนังสือสาวแสนสวยคนนี้น่ารัก
เป็นความน่ารักที่ไม่ได้มาจากความสวย แต่มาจากนิสัย
แม้จะติดอ่างเวลาพูดกับคนที่ไม่คุ้นเคย
หรือแม้แต่คุ้นเคยขนาดทำงานด้วยกันนานๆ แล้วก็ยังติดอ่างอยู่ดี
ยกเว้นแต่เพียงกรณีเดียว คือกรณีที่คุยเรื่องเกี่ยวกับหนังสือ
ความอ่อนด้อยทางมนุษยสัมพันธ์นี้ต่างหาก ที่ทำให้เธอน่ารัก
ส่วนพระเอกของเรา แม้จะเป็นคนที่ดูจะไม่ได้เรื่องเท่าไร
แต่การที่เขากำลังแอบชอบคุณเจ้านายอยู่ ก็ทำให้เขาน่ารักด้วยเหมือนกัน
เป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้อมยิ้มๆ จิ้นเบาๆ พอชุ่มชื่นหัวใจ
ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ จะพากันชอบหนังสือเล่มนี้เป็นเสียงเดียวกัน
ตอนที่สาม เป็นตอนของหนังสือเล่มหนึ่งที่ถูกเก็บมานานหลายสิบปี
แล้ววันหนึ่ง เจ้าของก็ตัดสินใจขาย ..
มันไม่ใช่หนังสือที่มีราคาค่างวดอะไร ไม่ใช่หนังสือหายาก
แต่ทันทีที่เขากลับออกไปจากร้านบิเบลีย ภรรยาของเขาก็โทรศัพท์มาหาไดสึเกะ
และสอบถามถึงหนังสือเล่มนั้น และสามีของเธอ ..
หนังสือเล่มเดียว สามารถบอกเล่าประวัติของเจ้าของหนังสือถึงอดีตอันทึมเทา
และปริศนาบางอย่างที่เกี่ยวกับหนังสือและเจ้าของหนังสือ ..
กำลังจะถูกไขโดยชิโอริโกะอีกครั้ง
ในตอนสุดท้ายของเล่ม เป็นเรื่องราวของนักเขียนแปลกประหลาด
ผู้ใช้หนังสือเป็นจดหมายลาตายของตนเอง
หนังสือเล่มนั้นถูกเขียนมาตั้งแต่ตอนที่เขาเพิ่งอายุ 27 ปี
แถมนักเขียนคนนี้ยังผ่านการฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง!
หนังสือเล่มที่ว่านี้มีอายุกว่าครึ่งศตวรรษมาแล้ว
มันเป็นสมบัติตกทอดมาในตระกูลของชิโอริโกะ
มันเป็นหนังสือที่ผิดพลาดทางการพิมพ์เพียงเล่มเดียวที่มีลายเซ็นของนักเขียนด้วย!
ชิโอริโกะลงทุนนำหนังสือเล่มนี้ออกมาจากตู้เซฟของเธอ
และตั้งใจใช้มันเป็นเหยื่อล่อ .. เพื่อจับผู้ร้ายบางคนในคดีของตอนนี้!!
ตอนสุดท้ายนี้สนุกมาก คือนอกจากจะมีตอนของตัวเองแล้ว
มันยังสรุปรวมเหตุการณ์ในเล่มให้จบลงอย่างสมบูรณ์ ลงตัว
เป็นตอนที่พีคที่สุด
อ่านแล้วความรู้สึกที่เคยชอบเฉยๆ กลายเป็นชอบมากแบบพุ่งพรวดเลยค่ะ
บิเบลียฯ เป็นหนังสือที่มีกลิ่นอายของคนรักหนังสือกรุ่นกระจาย
เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นเพื่อคนรักหนังสือโดยแท้
คนรักหนังสือหลายคน จดจำวลีหรือประโยคในหนังสือได้ยาวๆ ท่องจำขึ้นใจ
ซึ่งคงเกิดจากความประทับใจสุดๆ รวมถึงอาจเคยอ่านมันซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่นับเที่ยว
คนแบบเดียวกัน ที่เข้าใจกัน .. เข้าใจพฤติกรรมของคนที่รักหนังสือ
และความสุขที่ได้สัมผัส ได้ดมกลิ่น ได้หยิบอ่าน และได้รู้เรื่องราวของมัน
ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงประวัติศาสตร์ของหนังสือแต่ละเล่ม ..
ตั้งแต่ตอนที่มันเริ่มก่อร่างเป็นต้นฉบับ
ตราบจนถูกตีพิมพ์จากหลายสำนักพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หนังสือทุกเล่มมีเรื่องราวเป็นของมันเอง .. ที่ล้วนน่าทึ่งสำหรับคนที่รักมัน
ทั้งหมดที่กล่าวมา .. เกิดขึ้นในบิเบลียฯ ค่ะ ^^
ปล. ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องนะคะ แต่ .. กุริกับกุระช่างเป็นหนังสือที่ดังมากในญี่ปุ่นจริงๆ
อ่านหนังสือแปลญี่ปุ่น 2 – 3 เล่มช่วงนี้ เอ่ยถึงหนังสือเล่มนี้เกือบทุกเรื่อง!
Comments are closed.