อ่านแล้วเล่า

ติโต

140-1-%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b9%82%e0%b8%95

เรื่อง ติโต
Tito
ผู้แต่ง ฟิลลิส ออตี
พระราชนิพนธ์แปล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
สำนักพิมพ์ อมรินทร์ฯ
ราคา 250 บาท

ติโต คือการนำส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ใน นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ มาขยาย
โดยเบนเข็มมาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยูโกสลาเวีย
มีติโตเป็นศูนย์กลางของเรื่อง นับตัั้งแต่เขาเกิด จวบจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

ติโตเป็นบุตรชายคนที่เจ็ด ในบรรดาพี่น้องรวมเก้าคน
ของ ฟรันโยและมาเรีย โบรซ แห่งหมู่บ้านกุมโรเวค ในซาโกเรีย
อันเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสโตร-ฮังการี
บิดาของเขามีเชื้อสายโครแอต และมารดาของเขามาจากสโลเวเนีย
ตัวเขาเรียกได้ว่ามีเชื้อสายสลาฟใต้
อันเป็นชนชั้นที่ต่ำต้อยกว่า ภายใต้ปกครองของฮังการี
เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับภาพการถูกกดขี่ข่มเหงอย่างไม่ยุติธรรมของคนชั้นทาส
อยู่ในครอบครัวที่ยากจน แม้จะไม่ยากจนเท่าคนอื่นๆ รอบตัว

140-2-%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b9%82%e0%b8%95

โยซิป โบรซ คือชื่อที่แท้จริงของเขา
เขามีความทะเยอทะยาน รักอิสระ มีสายตามองโลกอันกว้างไกล
ดูขัดแย้งกับคอมมูนิสต์ทั่วไป แต่วิถีแห่งชีวิตก็นำพาให้เขากลายเป็นคอมมูนิสต์

เขาเริ่มชีวิตในเมืองด้วยอาชีพเด็กล้างชาม ผันตัวเองเข้ามาฝึกงานในอู่ซ่อมรถ
จากกรรมกร กลายเป็นทหารเกณฑ์
เขาถูกจับเป็นเชลย เพราะถูกหาว่าเป็นสายของพวกบอลเชวิค
เขาหนีไปจนพบพวกเร็ดการ์ด และกลายเป็นกึ่งๆ เชลย
มีหน้าที่ดูแลสายรถไฟ .. อยู่ในฐานะกองย่อยของพวกเร็ดการ์ด บอลเชวิค
เมื่ออังกฤษบุกรัสเซีย และจับพวกบอลเชวิค ติโตก็หนีอีกครั้ง
เขาได้รับการช่วยเหลือจากครอบครัวของเปลาเจีย เบลูโซวา (Pelagea Belousova)
ซึ่งกลายเป็นภรรยาคนแรกของเขา

ที่โครเอเชีย เขาได้กลายเป็นสมาชิกของพรรคโซเชียล เดโมแครติค โดยอัตโนมัติ
เพราะเขาเป็นสมาชิกของสหภาพช่างเหล็ก
และพรรคโซเชียล เดโมแครติค ก็ได้ผนวกเราเข้ากับพรรคคอมมูนิสต์แห่งยูโกสลาเวีย
ยิปโซ โบรซ จึงได้กลายมาเป็นคอมมูนิสต์โดยไม่ได้จงใจ
แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็มีบทบาทในพรรคคอมมูนิสต์นี้อยู่พอสมควร .. ในฐานะของคนตัวเล็กๆ

ติโต มีลูกกับภรรยาคนแรกถึง 4 คน แต่เสียชีวิตลงทั้งหมด
เหลืออยู่เพียงลูกชายที่ชื่อซาร์โก (Zarko)

ในด้านของคอมมูนิสต์ ติโตเติบโตขึ้นจนได้เป็นถึง
เลขาธิการของสหภาพกรรมกรช่างเหล็กและหนังแห่งซาเกร็บ
เขาได้เป็นเลขาธิการของคณะกรรมการพรรคคอมมูนิสต์ใต้ดินแห่งซาเกร็บ ในเวลาเดียวกันด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งผิดกฏหมาย และเขาต้องเป็นคอมมูนิสต์อย่างลับๆ
และได้รับการเพ่งเล็งจากตำรวจมาโดยตลอด
เขาถูกจับกุมหลายครั้ง แต่ก็ถูกปล่อยตัวทุกครั้ง ด้วยสติปัญญาของเขาเอง
เขาได้รับนามแฝงว่า ติโต ในที่สุด
เป็นหนึ่งในนามแฝงหลายๆ ชื่อของเขา .. แต่นี่เป็นชื่อที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จัก

ในระยะนั้น ยูโกสลาเวียมีความพยายามในการก่อตั้งเป็นรัฐใหม่
โดยรวบรวมกลุ่มต่างๆ ของชาวสลาฟใต้ อันได้แก่
เซอร์บ, โครแอต, สโลวีน ฯลฯ เข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
แต่อุปสรรคก็คือความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และศาสนา
ทำให้การรวมประเทศนี้ไม่เคยประสบผลสำเร็จ
ผู้ปกครองประเทศ ก็เป็นปัญหา
พระราชาธิบดีองค์ใหม่ คืออาเล็กซานเดอร์ คาราจอร์เจวิช ถูกยอมรับอย่างเสียไม่ได้

ติโตมีโอกาสได้ไปมอสโคว์ เพื่อผ่านการฝึกของคอมินเทอร์น
เขามีหน้าที่เขียนบันทึกและบทความ เข้าประชุม และทำรายงาน
เขาได้รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมูนิสต์แห่งยูโกสลาเวีย

ในช่วงต้นของสงครามโลก ครั้งที่ 2
ฮิตเลอร์ดำเนินการบุกประเทศต่างๆ ในแถบนี้
ติโตลักลอบเดินทางกลับมายังยูโกสลาเวีย และเริ่มต้นแผนการณ์ระยะยาว

การกลับมาอยู่ที่ซาเกร็บอีกครั้ง
ติโตกลายเป็นคนที่มีบุคลิกคนละแบบกับที่เขาเคยเป็น
จากกรรมกรหัวรุนแรง กลายเป็นวิศวกรผู้มีฐานะทางสังคมที่ดี
เป็นการพรางตัวในฐานะนักคอมมูนิสต์ที่แนบเนียน และสางไม่เจอต้นตอ

เมื่อเยอรมันยึดครองประเทศรอบๆ ยูโกสลาเวียได้สำเร็จ
ฮิตเลอร์ได้บีบบังคับเจ้าชายปอล ผู้สำเร็จราชการในขณะนั้น ให้เข้าข้างฝ่ายอักษะ
แต่ในที่สุด เยาวกษัตริย์ปีเตอร์ก็ขึ้นครองราชย์
ทำให้ผลการตัดสินใจของเจ้าชายปอลกลายเป็นโมฆะ
และยูโกสลาเวียยังคงความเป็นกลางในสงครามครั้งนี้
และนั่นยังผลให้ยูโกสลาเวียถูกฮิตเลอร์โจมตีอย่างหนัก เพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง

ยูโกสลาเวียถูกแบ่งออกเป็นส่วนเล็กส่วนน้อยอีกครั้ง
เยอรมันและอิตาลี ได้แบ่งกันถือครองยูโกสลาเวียกันคนละส่วน
และต่างฝ่าย ก็ดูท่าจะไม่พอใจต่อการแบ่งเช่นนี้
ติโตใช้ความร้าวฉานนี้ ค่อยๆ เซาะกร่อน ขยายให้เกิดความแตกแยกระหว่างทั้งสองฝ่าย

เขาได้ส่งข่าวไปยังพวกคอมมูนิสต์ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ
ให้ตั้งกลุ่มเล็กๆ ขึ้นในภูมิลำเนาของตน
สะสมอาวุธ ฝึกใช้อาวุธ สอนหลักสูตรพยาบาลและปฐมพยาบาล
รวบรวมข่าวสารต่างๆ และวางกำลังรักษาดินแดน
ความโหดร้ายอยุติธรรมของรัฐบาลหุ่นจากเยอรมันที่ปกครองอยู่
ทำให้ประชาชนทุกเผ่าพันธุ์ต่อต้านอักษะ และเริ่มเข้ากับฝ่ายของติโตมากขึ้น

เขาก่อตั้งกองทัพปาร์ติซาน ซึ่งเป็นกองทัพแบบกองโจร
มีเป้าหมายเดียวกันคือร่วมกันต่อสู้กับข้าศึก
โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา หรือลัทธิการเมือง
เป็นการต่อสู้เพื่อเอกราช  เพื่ออิสรภาพ และความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
เขาให้คำมั่นสัญญาว่าทุกชนชาติจะได้รับอิสระในการปกครองตนเองเมื่อสงครามสิ้นสุดลง

ติโตเป็นแม่ทัพที่ชาญฉลาดในการนำกองทัพที่ด้อยกว่าทั้งกำลังพล
อาวุธยุทโธปกรณ์ อาหาร และยา
กองทัพปาร์ติซานเอาตัวรอดอยู่ตลอดช่วงทำสงครามกับเยอรมันติดต่อกันหลายปี
กว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากฝ่ายพันธมิตรในช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2
เขาทำให้กองทัพมีกำลังใจที่เข้มแข็ง
เขามีคุณธรรม และไม่เคยทอดทิ้งผู้คนที่บาดเจ็บ
แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นภาระหนักหน่วงต่อกองทัพ
ความมุ่งหวังอันสูงสุดของติโต
คือการรวมประเทศยูโกสลาเวียให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
และเขาก็สามารถทำได้สำเร็จในที่สุด

หลังจากสงครมโลกครั้งที่ 2 ได้สิ้นสุดลง และการบรรเทาทุกข์หลังสงครามเริ่มขึ้น
ติโตได้จัดการเลือกตั้งอันเป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญแก่ชาวยูโกสลาเวีย
เขาได้รวบรวมกลุ่มคนในแถบนี้ขึ้นเป็นประเทศได้สำเร็จ
ปกครองในรูปแบบของสมาพันธรัฐ ..
ทุกแคว้นมีสิทธิในการปกครองตนเองอย่างเป็นอิสระ
การรวบรวมยูโกสลาเวียขึ้นเป็นประเทศ เป็นความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจ
และมันคงอยู่มาตลอดชั่วชีวิตของเขา ..

ถ้าดูจากบางส่วนเสี้ยวของนายอินทร์ฯ และพระราชนิพนธ์แปล ‘ติโต’ เล่มนี้แล้ว
เราว่าเนื้อหาในเล่มน่าจะจุดประกายให้ค้นคว้าหาชีวประวัติของติโต
และบุคคลสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกหลายคนมาอ่าน มาศึกษา
เพื่อเรียนรู้วิธีคิด อุดมการณ์ และวิถีแห่งการดำเนินชีวิตของพวกเขา
วิธีคิดและวิถีชีวิตที่หากแม้ไม่ได้อยู่ในภาวะสงคราม ..
ความรู้เหล่านี้ก็ยังเป็นประโยชน์อยู่นั่นเอง

เราอ่านนายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ และติโตจบ
มีความสนใจอยากอ่านหนังสือเล่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องขึ้นมาตะหงิดๆ
ที่เล็งๆ เอาไว้มีอยู่สองเล่มคือ ‘ปฏิบัติการณ์เดือด เชือดไฮดริด’
กับ ‘ในสาธารณรัฐไวมาร์ ฮิตเลอร์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง’
ติดอยู่อย่างเดียวว่าหนังสือทั้งสองเล่มยังไม่ได้ซื้อมา ;P
แล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าซื้อมาอ่านแล้ว เราจะชอบแนวนี้หรือเปล่า
และหนังสือที่อยากอ่าน และซื้อมาแล้ว ก็ยังวางรออยู่เต็มบ้าน ^^”

แปลกคนจริงๆ เลย อ่านประวัติศาสตร์แถบเอเชียนี่อินทะลุปรุโปร่ง
แต่อ่านเรื่องอิงประวัติศาสตร์แถบยุโรปนี่ไม่ค่อยจะเก็ตเอาซะเลย
อาจเป็นเพราะเราไม่ได้ถูกปลูกฝังลงในดีเอ็นเอตั้งแต่สมัยเรียน
เหมือนประวัติแถบบ้านเราก็เป็นได้ 🙂

 

Comments are closed.