ตราบแผ่นดินกลบหน้า
เรื่อง ตราบแผ่นดินกลบหน้า
ผู้แต่ง โรสลาเรน
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม
ราคา (เล่มละ) 200 บาท (2 เล่มจบ)
ตอนที่อ่านเล่มนี้เป็นครั้งแรก เล่นเอาแทบวาง แทบเลิกอ่านเหมือนกันค่ะ
(คาดว่าคงเหมือนใครอีกหลายๆ คน)
เพราะภาษาที่ผู้เขียนใช้เป็นภาษาประหลาดๆ ..
เป็นสำเนียงภาษาถิ่นที่อ่านไม่คุ้นลิ้น ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย
จริงๆ แล้ว ภาษาที่ดูจะอ่านยากพวกนี้
ล้วนเป็นคำไทยคำถิ่นค่ะ คล้ายๆ ภาษาเหนือแต่มีสำเนียงที่แปลกออกไปอีกหน่อย
แต่ถ้าคำไหนยากเข้าจริงๆ ผู้เขียนก็มีตัวช่วยค่ะ
ทั้งจากบริบท ทั้งแปลให้ฟัง ทั้งคำซ้ำ และหยิบคำแปลกมาใช้อีกซ้ำๆ
ไม่นานเกินรอก็เริ่มชิน ..
พอเริ่มชิน เวลาอ่านก็ออกสำเนียง (ในใจ) สูงต่ำตามภาษาเขียนไปด้วย
เพราะดี น่ารักดีเหมือนกัน
และอยากจะบอกว่า ตราบแผ่นดินกลบหน้า .. สนุกมาก
จงก้าวข้ามกำแพงภาษาไป ผลลัพธ์คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ
ตราบแผ่นดินกลบหน้า เป็นเรื่องราวของชนกลุ่มน้อยในประเทศสมมติ
พื้นที่เป็นภูเขาสูง ในเรื่องมีกล่าวถึงแม่น้ำพรหมบุตร
(ซึ่งถ้าเป็นพรหมบุตรเดียวกับที่มีอยู่จริง พื้นที่ในเรื่องก็น่าจะอยู่แถบเอเชีย
ไล่จากทิเบตลงมาถึงอินเดีย .. สักแห่ง ..
ผู้เขียนมีอ้างเอาไว้ด้วยว่ามีประเทศเพื่อนบ้านคือพม่าและเนปาล)
ชนกลุ่มน้อยใน ‘ตราบแผ่นดินกลบหน้า’ ก็ไม่ต่างจากชนกลุ่มน้อยอื่นๆ
ที่ประสบปัญหาเฉกเช่นเดียวกับชนกลุ่มน้อยทั่วโลก ..
คือโดนเจ้าของประเทศ (ตามกฏหมาย) ขับไล่ กวาดล้าง
เผ่านาคาเองก็เช่นกัน ชนภูเขาที่รักสงบและผูกพันกับธรรมชาติ
ต้องรวมตัวกันเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินของบรรพบุรุษ
หลังการกวาดล้างครั้งใหญ่ ชาวนาคากระจัดกระจายพลัดพรายจากแผ่นดินแม่
อาม หรือที่ออกสำเนียงเรียกกันว่า ‘อ๊าม’ ได้มาหลบทำงานอยู่ในไร่ชาสองปี้หน่อง
ของนายญิ้ง เอศวรี กับก็อกกายเดว (พี่ชาย) .. มเหนทรา
ไร่ชาเป็นเศรษฐกิจหลักของประเทศ
และสองปี้หน่องแห่งไร่ชาก็เป็นนับเป็นนักธุรกิจรายใหญ่
นอกจากนั้น มเหนทรา พี่ชายของนายญิ้งยังเป็นนายกสมาคมฯ ของนักธุรกิจเกี่ยวกับชา
เสียงจากไร่สองปี้หน่อง จึงเป็นเสียงสำคัญ
เป็นแกนหลักที่จะส่งเสียงไปยังทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายรัฐบาล
เสียงใหญ่เหล่านี้ จึงมีผลต่อนโยบายของประเทศด้วย
วันหนึ่ง นาเคนทร์ หรือนอเก้น ผู้อ้างเป็นพี่ชายของอ๊ามก็มาเยี่ยม
และมาขอทำงานด้วยอีกคน
เผ่าพันธุ์ของอ๊าม คือความลับต่อคนในไร่
เผ่าพันธุ์ของนอเก้น จึงเป็นความลับด้วย
เพราะนาคา คือเผ่าพันธุ์ที่ร่ำลือกันว่าเหี้ยมโหด เลวทราม แม้แต่เป็นผู้หญิง
สมควรแล้วที่ทางการจะปราบปราม
แต่ใครเลยที่จะรู้จักหัวใจของคนเผ่านาคาที่แท้จริง
เรื่องนี้สนุกตรงที่การดำเนินเรื่อง .. วิธีเล่า
ส่วนพล็อตนั้นสนุกอยู่แล้วตามแบบของผู้เขียน
ตัวละครที่เป็นสีสัน ทำให้เรื่องขำขันและอ่านสนุกคืออ่าม เจ้าติ้มผะ (กำพร้า) สุดป่วน
ป่วน เพราะความฉลาดแกมโกง
ป่วนขนาดผู้ใหญ่ยังยอมแพ้ จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
อ่ายเป็นตัวละครที่เรารักอีกตัวหนึ่งค่ะ ยิ่งอ่าน ยิ่งรัก ^^
นอกจากความสนุกขบขันแล้ว
ความคับแค้น ขมขื่นก็เป็นอีกรสชาติหลักของพล็อตเช่นนี้
ผู้เขียนบรรยายความขืนข่มของผู้ถูกรุกรานได้เห็นภาพ และกินใจ
อ่านแล้วเชื่อว่าคนที่พบเจอกันเหตุการณ์เช่นนี้ จะสามารถฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น
และยังมีกลายุทธการศึก วางแผนแบบการเมือง และสู้รบแบบกองโจร
ความรัก ความโรแมนติก ความหวาน ก็ไม่ขาดแคลน
พอเหมาะพอเจาะ ลงตัว .. เรียกว่าครบรสทีเดียวค่ะ
นิยายของผู้เขียนท่านนี้ ที่อ่านติดๆ กันในช่วงนี้ มีความคล้ายกันอยู่อย่างหนึ่ง
คือพระเอกรักนางเอกมาก และนางเอกก็รักพระเอกมาก
อาจแตกต่างกันไปในรายละเอียดและส่วนประกอบอื่นๆ
และในเรื่องนี้ก็เช่นกัน พระเอกเรื่องนี้เป็นนักรบ และก็เป็นคนมีการศึกษา
และที่สำคัญที่สุด ยิ่งอ่านไป ยิ่งสัมผัสได้ว่าเขารักเอศวรีมากๆ
เป็นความรักที่อ่านแล้วหวาน อบอุ่น ฟินๆ มีความสุข
ที่ดีกว่านั้นคือ เล่มนี้จบไม่เศร้าจ้า ^^ (มีเศร้านิดหน่อย แต่จบแฮปปี้)
มันเลยเป็นเรื่องที่อ่านแล้วชื่นใจ ไม่หดหู่เท่าเรื่องอื่นๆ
เรื่องนี้เป็นนิยายอีกเรื่องหนึ่ง ที่อ่านแล้วคิดถึงเสราดารัล ของกิ่งฉัตร
ถ้าชอบเสราดารัล จะต้องชอบเรื่องนี้ด้วยแน่ๆ ค่ะ
และถ้าชอบเรื่องนี้ ก็น่าจะต้องชอบเสาราดารัลด้วยเช่นกัน ^^
Comments are closed.