อ่านแล้วเล่า

ฉันสีแดง เธอสีฟ้า การเดินทางของภาพร่างบันดาลฝัน

เรื่อง ฉันสีแดง เธอสีฟ้า การเดินทางของภาพร่างบันดาลฝัน
ผู้แต่ง มิจิโกะ อาโอยามะ
ผู้แปล โชตินันท์ นิติกิจไพบูลย์
สำนักพิมพ์ glow
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786168329054

ไม่ว่าจะอ่านหนังสือของผู้เขียนคนนี้กี่เล่ม
เราก็ชอบไปเสียหมดทุกเล่มจนเหมือนลำเอียง

มิจิโกะ อาโอยามะ มีความสามารถในการเขียนเรื่องแบบเชื่อมโยงตัวละคร
จากตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่ง เชื่อมต่อกันไปเรื่อยๆ
ในจักรวาลวรรณกรรมของเธอ
เห็นได้จากงานเขียนเล่มอื่นๆ ที่เคยอ่าน
ทั้ง โกโก้อุ่นๆ กับคุณในวันพฤหัสฯ, ชาเขียวอุ่นๆ กับคุณในวันจันทร์
และเล่มล่าสุดที่ได้อ่าน หนังสือเล่มนี้ที่คุณตามหา
เล่มนี้ก็เช่นกัน
เวลาอ่านหนังสือของผู้เขียนคนนี้
จึงเหมือนกับเป็นการตามหาความลับต่างๆ ที่ผู้เขียนซุกซ่อนเอาไว้

เนื้อเรื่องภายในเล่มนี้ ถูกส่งผ่านต่อกันด้วยภาพร่างสีน้ำภาพหนึ่ง
เป็นภาพของหญิงสาวที่สวมเสื้อแขนสั้นสีแดง มีระบาย
ติดเข็มกลัดรูปนกสีฟ้าสดใส
เวลาที่เราอ่านเจอภาพนั้น จึงแอบดีใจว่า .. อยู่นี่นี่เอง ^^

แต่นอกจากภาพวาดที่ผู้เขียนใส่ไว้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว
การตามหาตัวละครของเรื่องหนึ่ง จากในอีกเรื่องหนึ่ง
ก็เป็นความสนุกจากการอ่านหนังสือของเธอด้วย

ฉากต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเล่มนี้
มีทั้งภายในประเทศญี่ปุ่น
และนอกประเทศญี่ปุ่น คือที่ออสเตรเลีย
มีตัวละครที่เป็นนักศึกษาศิลปะ เป็นจิตรกร
เป็นผู้ทำกรอบรูป เป็นเจ้าของสตูดิโอ เป็นผู้หลงใหลภาพวาด ฯลฯ
เราชอบมุมมองของผู้เขียนที่นำเสนอแง่มุมต่างๆ ที่มีต่อศิลปะ
เนื้อเรื่องไม่ได้ชี้นำไปในทางใดทางหนึ่ง
แต่ปล่อยให้ตัวละครถกเถียง แลกเปลี่ยนทัศนคติกันเอง
และเราคนอ่านก็ค่อยๆ ไตร่ตรอง และเลือกที่จะคิดเองอย่างอิสระ

นอกจากนี้ เรายังชอบการพัฒนาการของตัวละคร
มีความสุขที่ได้มองเห็นพวกเขาเติบโต
พวกเราทุกคนเติบโตกันอยู่ตลอดเวลา
ตราบใดที่ยังมีชีวิต การหมุนเวียน เปลี่ยนแปลง ย่อมเป็นธรรมดา
เรามีชีวิต เราใช้ชีวิต เราเรียนรู้ และเติบโต
ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด จะมีอายุเท่าไร
กระทั่งตัวละครในวัย 50 เศษ พวกเขาก็ยังไม่หยุดเติบโต

ในเรื่องสุดท้ายของเล่ม
ผู้เขียนเล่าถึงอาการของคนที่เป็นแพนิคเอาไว้ค่อนข้างละเอียด
ทั้งอาการในตอนที่เป็น ทั้งผลของยาในตอนที่เพิ่งเริ่มกิน
บางที การที่เราได้รู้อะไรแบบนี้
ก็ทำให้เข้าใจบางสิ่งบางอย่างมากขึ้น
มองเห็นภาพที่เคยรับรู้รางๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

และเราขนลุกกับตอนที่อ่านจบบทสุดท้ายในเล่มล่ะ
ขนลุกจริงๆ แบบที่เป็นอาการไม่ใช่การเปรียบเปรย

เสียดายอย่างเดียวที่เรารู้สึกว่าบทสรุปมันรวบรัดตัดจบเกินไปหน่อย
เรื่องราวโดยสรุป ถูกเล่าผ่านคนคนเดียว
ทั้งๆ ที่เราอยากเห็นรายละเอียดในบางเหตุการณ์ ที่ผู้เขียนละข้ามเอาไว้
ถึงอย่างนั้น เราก็ยังตกหลุมรักผลงานของนักเขียนคนเดิมอีกอยู่ดี
ทีแรก แอบลังเลกับอีกเล่มที่เป็นผลงานแปลไทยของนักเขียนคนนี้
ตอนนี้ตัดสินใจได้แล้วล่ะค่ะ
เราคงต้องไปตามเก็บให้ครบเสียแล้ว
แล้วจะเอามาเล่าให้ฟังนะคะ ^^

Comments are closed.