อ่านแล้วเล่า

ความสุขของกะทิ

04-2 ความสุขของกะทิ

เรื่อง ความสุขของกะทิ
ผู้แต่ง งามพรรณ เวชชาชีวะ
สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์
ราคา 105 บาท

แม้จะเด็กไม่ทันช่วงที่ ความสุขของกะทิ ถูกเขียนออกมาเป็นหนังสือสำหรับเด็ก
แต่การมาได้อ่านกะทิในตอนโต ก็ช่วยปลุกจิตวิญญาณวัยเด็กของเราให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
การอ่าน ความสุขของกะทิ เป็นครั้งแรกเมื่อราวสิบปีก่อน
สร้างความประทับใจให้เราเป็นอันมาก
เราประทับใจในเกือบทุกอย่างที่หนังสือเล่มนี้เป็น
เริ่มจากภาพปกสวยงาม ชื่อตอนแต่ละตอนในสารบัญ เป็นคำนามสั้นๆ ง่ายๆ
ที่ช่วงแรกบ่งบอกถึงชีวิตไทยในชนบท ต่อมามีกลิ่นอายจากทะเล
และปิดท้ายด้วยของสิ่งของในบ้านกลางเมือง
ที่ล้วนแต่เป็นกุญแจบ่งบอกถึงฉากที่เรื่องราวจะเกิดขึ้นในตอนนั้นๆ
โดยคำนามที่เป็นเจ้าของตอนเหล่านั้น จะมีหน้าที่เล่าเรื่องราวรอบๆ ตัวกะทิผ่านทางมัน
แล้วส่งไม้ผลัด ผลัดกันเล่าต่อไปเรื่อยๆ

นอกจากนี้ ในบริเวณบรรทัดบนสุดของทุกบทตอน
จะมีประโยคที่คล้ายว่าจะเป็นความในใจของกะทิ
มันดูเหมือนว่ามีรหัสบางอย่างซ่อนอยู่
เป็นประโยคที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องในตอนนั้น
แต่มันทั้งกระแทก ทั้งสะท้านสะเทือน .. เป็นประโยคที่พูดถึง ‘แม่’

แม้ว่าเรื่องราวที่เล่าในแต่ละบทนั้นจะไม่เคยเล่าถึงพ่อและแม่ของกะทิเลย
มันชวนให้เราอยากรู้ว่า ความลับที่ประโยคนั้นพยายามบอกใบ้เราอยู่คืออะไร
และเมื่อความสงสัยที่สะสมมาในแต่ละตอนถูกคลี่คลายออกมาในตอนกลางเรื่องนั้น
ก็เป็นความประทับใจในวิธีเล่าที่สุดบรรยายจริงๆ

ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้เราหลงรักกะทิแทบจะในแรกอ่าน
(คือรักตั้งแต่เริ่มอ่าน และยังอ่านไม่จบ)

04-5 ความสุขของกะทิ

ผู้เขียนเริ่มต้นด้วยการดำเนินเรื่องเรื่อยๆ เรียบง่าย สงบงาม ตามแบบครอบครัวชนบท (อยุธยา)
หลอกเราได้สนิทใจ ว่าเรื่องราวที่อ่านคงบอกเล่าวิถีไทยที่สวยงามเพียงเท่านั้น
หากมันเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว
เป็นเพียงภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำมาเพียงนิด
ซ่อนความแสนเศร้าเอาไว้ภายใต้พื้นน้ำที่สงบเงียบ

ภาษาที่ใช้เรียบง่ายเหมาะสำหรับเด็ก
แต่ก็สละสลวย สวยงาม น่ารัก ซ่อนอารมณ์ขันเรียกรอยยิ้มคนอ่านได้เสมอ
และแม้ถึงบทจะเศร้า ก็เศร้ากินใจเรียกน้ำตาคนอ่านได้ไม่แพ้กัน

แต่ละบทตอนถูกแบ่งออกเป็นตอนสั้นๆ
แต่ครบถ้วนทุกใจความที่ผู้เขียนต้องการนำเราไป
แม้แต่เด็กๆ ที่ขี้เบื่อและไม่รักการอ่าน
ก็คงไม่ยากเกินไปที่จะลองอ่านความสุขของกะทิเล่มนี้

04-1 ความสุขของกะทิ

เด็กหญิงกะทิอาศัยอยู่กับตายายในบ้านริมน้ำร่มรื่น
ตาของกะทิเป็นตาที่ใจดี มีอารมณ์ขัน
ในขณะที่ยายเป็นคนยิ้มยาก เข้มงวดอยู่แต่ในโลกอันจริงจัง
แต่ยายก็เป็นยายที่รักกะทิ เป็นความรักที่อมความทุกข์เอาไว้ด้วยพร้อมๆ กัน

04-4 ความสุขของกะทิ

แม้อยู่ในความเรียบง่ายของชนบท แต่ครอบครัวของกะทิก็ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา
ตาเป็นนักกฎหมายมือหนึ่งที่เกษียณอายุแล้วและเลือกที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ในชนบท
ส่วนยายก็เป็นอดีตเลขาฯ ของนายใหญ่โรงแรมห้าดาว
และแน่นอน .. พ่อและแม่ของกะทิ ก็ไม่ใช่หนุ่มสาวชนบทธรรมดาๆ ด้วยเช่นกัน

04-3 ความสุขของกะทิ

แต่ละบทที่ผ่านไป ค่อยๆ เผยความลับที่ผู้เขียนปกปิดออกมาทีละน้อย
เป็นการเปิดเผยแบบกั๊กๆ ให้ค่อยๆ ติดตามไปทีละบท
ยิ่งผ่านไปหลายบทเข้า ก็ยิ่งบีบเค้นความรู้สึก ..
เป็นความหดหู่ที่ปะปนไปด้วยความอบอุ่น
เป็นหัวใจที่ถูกบีบเค้นสลับกับพองฟู
เป็นความขัดแย้งที่ให้ความรู้สึกแปลกๆ ทั้งเศร้า ทั้งสุข .. ไปพร้อมๆ กัน

04-7 ความสุขของกะทิ

ความลับในชีวิตกะทิ นอกจากจะมีเรื่องแม่แล้ว เรื่องพ่อก็เป็นความลับด้วยเหมือนกัน
ผู้เขียนซ่อนเร้นความลับเกี่ยวกับแม่ของกะทิเอาไว้เฉลยเมื่อผ่านไปครึ่งเรื่อง
และเฉลยความลับเกี่ยวกับพ่อของกะทิอีกครึ่งเรื่อง
เป็นกลวิธีการเล่าที่สร้างสรรค์ ชวนให้ติดตามอ่านได้ตลอด

04-8 ความสุขของกะทิ

เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างหนักในความรู้สึก
แต่ด้วยวิธีเล่า และวิธีที่ตัวละครปฏิบัติต่อกัน ทำให้ความหนักหนานั้นบรรเทาเบาบางลง
เด็กๆ ที่อ่านจะได้รู้จักความทุกข์ และเรียนรู้วิธีก้าวผ่านความทุกข์ไปพร้อมๆ กับกะทิ
เป็นวิธีการสอนที่ละมุนละม่อม ทนุถนอมความรู้สึกของเด็กๆ

04-6 ความสุขของกะทิ

ในตอนท้ายเล่ม จิ๊กซอว์ต่างๆ ที่ขาดหายในใจของกะทิตอนต้นเรื่อง
ก็ถูกต่อเติมจนครบถ้วนในความรู้สึกของเธอเอง ..
เมื่ออ่านจนจบ ความประทับใจเมื่อแรกพบไม่ได้จางหายไปไหนเลย
กลับทวีเพิ่มพูนให้กับเนื้อเรื่อง และตัวละครประดามี
ความสุขของกะทิ เป็นอีกหนึ่งหนังสือรักของเราค่ะ

Comments are closed.