เรื่อง ปริซึม สีของความรู้สึก ผู้แต่ง ซนว็อนพย็อง ผู้แปล วิทิยา จันทร์พันธ์ สำนักพิมพ์ piccolo (สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์) เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161848903 ปริซึม สีของความรู้สึก เริ่มต้นเล่าเรื่องผ่านตัวละคร 2 คน คือเยจิน กับโดวอน เยจิน เป็นสาวออฟฟิศ ทำงานอยู่ในบริษัทของเล่น ที่มีสำนักงานอยู่บนอาคารแห่งหนึ่งกลางกรุงเกาหลี ในขณะที่โดวอน มีอาชีพเป็นซาวด์เอ็นจิเนีย มีหน้าที่แก้ไขเสียงภาพยนตร์ ทั้งสองคนเจอกันโดยบังเอิญ ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับบริษัท มันเป็นร้านการแฟลับๆ ในซอกหลืบ ถึงแม้ย่านนั้นจะพลุกพล่น แต่ร้านกาแฟแห่งนั้นกลับเงียบสงบ ทั้งสองคนก็เลยเจอกันบ่อยๆ แล้วก็เริ่มรู้สึกดีต่อกัน ก่อนหน้านั้น หนังสือปูพื้นถึงความทรงจำที่ฝังใจเยจินมาตั้งแต่เด็ก ที่บ้านของเธอในชนบท เคยเลี้ยงวัวมาก่อน มีลูกวัวตัวหนึ่งที่เธอรักมาก ถูกขายไป พ่อนำเงินจากการขายลูกวัวตัวนั้นไปซื้อเครื่องเขียนสวยๆ ให้เธอ หนึ่งในเครื่องเขียนเหล่านั้น มีอันหนึ่งเป็นปริซึมทรงสามเหลี่ยมพีระมิด แม้จะเสียใจที่วัวถูกขายไป แต่ข้าวของเหล่านั้น โดยเฉพาะปริซึม ก็เป็นเสมือนตัวแทนของลูกวัวตัวนั้น เธอหลงใหลแสงที่ถูกส่องผ่านปริซึม และกระจายออกเป็นสีรุ้ง[…]

เรื่อง วันที่แม่ไม่อยู่ผู้แต่ง ชินกยองชุกผู้แปล วิทิยา จันทร์พันธ์สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161834425 วันที่แม่ไม่อยู่ เล่าเรื่องของครอบครัวเกาหลีซึ่งประกอบไปด้วยพ่อแม่วัยชรา และลูกๆ วัยทำงานอีก 5 คนวันที่เรื่องเริ่มต้นขึ้น คือวันที่แม่หายตัวไปหนึ่งสัปดาห์แล้วเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นคือ ในทุกช่วงวันเกิดของพ่อ ทั้งพ่อและแม่จะเดินทางมายังโซล เพื่อเยี่ยมลูกๆ และจัดงานวันเกิดเป็นการจัดงานวันเกิดของพ่อและแม่รวมกัน ในการเข้าเมืองแต่ละครั้ง พ่อและแม่จะสลับกันไปนอนบ้านของลูกคนใดคนหนึ่งและจะมีลูกคนใดคนหนึ่งมารับที่ปลายทางเสมอ แต่เหตุการณ์ในวันนั้นต่างออกไปพ่อและแม่ตัดสินใจจะนั่งรถไฟใต้ดินไปบ้านลูกชายคนรองเองระหว่างนั้น เกิดเหตุพลัดหลงกับแม่ ทำให้แม่หลงหายไปผู้เขียนเริ่มต้นที่ตรงนั้น .. ก่อนที่เรื่องราวของแม่จะถูกถ่ายทอดออกมา ผู้เขียนเล่าเรื่องผ่านสายตาของตัวละครจากลูกคนหนึ่ง ไปยังอีกคนหนึ่ง .. ผ่านสายตาของพ่อ และคนอื่นๆทำให้เรามองเห็นตัวตนของแม่ ผ่านมุมมองรอบด้านขณะที่แม่หายตัวไป ผู้เล่าแต่ละคนจะเริ่มคิดถึงแม่ และคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เขากับแม่เคยทำด้วยกันขณะที่เรากำลังเดินเข้าไปในความทรงจำของพวกเขาเหล่านั้นความทรงจำระหว่างเรากับแม่ก็ค่อยๆ ผุดซ้อนขึ้นมา สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘แม่’ มีอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน เมื่อแม่หายไป ..ความกระวนกระวาย พ่วงเอาความรู้สึกผิดที่ต่างฝ่ายต่างคิดว่าพี่น้องคนอื่นดูแลแม่ไม่ดีพอและท้ายที่สุดนั้น ความโกรธที่สุดตกอยู่กับตัวเองที่ก็เป็นหนึ่งในลูกที่ดูแลแม่ไม่ดีพอด้วยเช่นกัน วันที่แม่ไม่อยู่ เป็นหนังสือที่พล็อตดี เล่าเรื่องดี ภาษาดี แปลดีนอกจากนี้ เชิงอรรถยังมีประโยชน์อย่างโดดเด่นมันบอกเราในสิ่งที่ควรรู้ขยายความข้อมูลเฉพาะเจาะจงทางด้านสังคม วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ด้วยถ้อยคำสั้นกระชับช่วยแปลงค่าเงินและขนาดพื้นที่ให้ทุกครั้งด้วยซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับคนไม่คุ้นเคย ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่สะดุดใจเราก็คือ สรรพนามที่ใช้เล่าในการเล่าเรื่องผ่านตัวละครแรก และตัวละครที่สอง ยังไม่สังเกตเท่าไรมาชัดเจนตอนเล่าถึงตัวละครที่สาม คือใช้ ‘คุณ’ เป็นสรรพนามบุรุษที่หนึ่งซึ่งแปลกมาก[…]

เรื่อง หลับฝันดีนะแม่จ๋า ผู้แต่ง ซอมีแอ ผู้แปล วิทิยา จันทร์พันธ์ สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์ เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161837532 ความทรงจำแรกสุดของคุณคืออะไร? ครั้งหนึ่งที่ร่วมกิจกรรม Quiet Book Club กับเพจ nananatte สมาชิกคนหนึ่งนำหนังสือเล่มนี้มาอ่าน นอกจากอ่าน เธอยังเป็นผู้แปลหนังสือเล่มนี้ด้วย .. ในวันนั้น .. คุณจ๋าถามเราด้วยคำถามข้างต้น มันเป็นคำถามที่ตัวละครหลักในเรื่องให้ความสำคัญ เขาเชื่อว่า ความทรงจำแรกที่เกิดขึ้น กำหนดชีวิตในอนาคตของคนคนนั้น มาวันนี้ .. ตอนที่เริ่มอ่านหนังสือเล่มนี้ คำถามเดียวกัน ก็หวนกลับมาในห้วงความคิดอีกครั้ง ตัวละครหลักของเรื่องนี้มี 3 คน คือ ยูนฮายอง เด็กหญิงวัย 11 ขวบ ที่พ่อแม่หย่าร้าง แม่เพิ่งตายลงได้ไม่นาน และบ้านที่อยู่กับตายายไฟไหม้ ซอนกยอง เจ้าหน้าที่สาว ที่ทำงานเกี่ยวกับด้านอาชญาวิทยา และ เจซอง คุณหมอพ่อหม้ายที่เพิ่งแต่งงานใหม่ อันที่จริงยังมีฆาตกรต่อเนื่องอีกหนึ่งคน ชื่อ อีบยองโด เป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญของเรื่อง[…]

เรื่อง มีอะไรในสวนหลังบ้านผู้แต่ง คิมจินยองผู้แปล วิทิยา จันทร์พันธ์สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161829636 มันเริ่มจากกลิ่นเหม็นแปลกๆ ที่โชยคละคลุ้งอยู่ในสวนดอกไม้ของจูรันก่อนที่กลิ่นนั้น จะนำพาให้ตัวตนของเธอเปลี่ยนแปลงไปหมดสิ้นทุกอย่าง มีอะไรในสวนหลังบ้าน เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าผ่านผู้หญิงสองคนคือคิมจูรัน และอีซังอึน ตัดสลับกันอย่างลงตัว พอเหมาะผู้เขียนจงใจทิ้งปมง่ายๆ เอาไว้เป็นระยะๆให้เราคลำทางไปอย่างลุ้นๆในขณะที่อีกส่วนของเรื่อง กลับเป็นเผยตัวผู้ฆ่าอย่างโต้งๆเราค่อยๆ คลำทางไปเพื่อค้นหาว่า ปลายทั้งสองนี้จะไปเชื่อมต่อกันที่ใดและปมที่ผู้เขียนพาเราไปนั้น เป็นปมหลอกหรือไม่ เงื่อนงำ .. ความเชื่อใจและไม่เชื่อใจระหว่างคนในครอบครัวผู้เขียนเล่นกับความไม่แน่ใจในตัวเองของคนวิตกจริต ช่างระแวงความสงสัยที่ไม่กล้าเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความจริง ..หรือเป็นเพียงมโนภาพของตนเอง คำว่าผู้หญิง และสังคมเกาหลี ..เราได้รับอารมณ์และความรู้สึกแบบเดียวกัน –กับที่ได้รับเมื่อตอนที่อ่าน คิมจียองเกิดปี 82 มันรู้สึกอยู่จางๆผู้หญิงสองคนในเรื่องนี้ .. ภรรยาของชายผู้ร่ำรวย และภรรยาของชายที่ยากจนต่างก็มีความทุกข์ในแบบของตัวเองเป็นความทุกข์ที่มีรากฐานมาจากสังคมและค่านิยมแบบเกาหลีแบบที่ผู้หญิงด้อยกว่าผู้ชายเสมอ ไม่ว่าในสถานะไหนก็ตาม มีอะไรในสวนหลังบ้าน ดีงามทั้งการเปิดเรื่อง การดำเนินเรื่อง และพล็อตตอนที่ปมทุกอย่างค่อยๆ คลี่คลายออกมา มันพีคมากสำหรับเราก่อนหน้านี้เราเดาอะไรไม่ได้เลยได้แต่ตามเบาะแสเงื่อนงำที่ผู้เขียนค่อยๆ ปลดทีละเปลาะอย่างผู้ตามที่ดีแต่ไม่เคยตามทัน และยิ่งไม่อาจแซงหน้าผู้เขียนได้เลย ตอนที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบเรานึกถึงการดูข่าว หรืออ่านข่าวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเล่มนี้ .. ในวันรุ่งขึ้นแน่นอนว่าเนื้อหาข่าวไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแน่ๆทำให้เราหวนคิดถึงข่าวอีกหลายข่าวที่เราได้ฟังได้ดูมามันมีความจริงอยู่เท่าไรกัน และความจริงที่ว่านั้น มันเป็นความจริงในแง่มุมไหน มนุษย์นั้นซับซ้อน และเราไม่อาจตัดสินผู้คนได้จากเพียงการกระทำเดียวหรือจากมุมมองเพียงมุมเดียวที่เรารับรู้ เล่มนี้พีคมาก และเราชอบมากค่ะ  

เรื่อง ถ้าวันหนึ่งนั้น … ฉันตายผู้แต่ง อีกยองเฮผู้แปล วิทิยา จันทร์พันธ์สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161830267 ถ้าวันหนึ่งนั้นฉันตาย ความตายของฉันจะมีความหมายอย่างไรกันคือประโยคแรกที่ปรากฏบนหน้าแรกในสมุดบันทึกของฮวังเจจุนเด็กนักเรียนมัธยมต้น เพื่อนคนที่สนิทที่สุดของจินยูมี นักเรียนห้องเดียวกันนั่นคือปมเริ่มเรื่อง และเรื่องราวทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดออกมาหลังจากนั้น .. มันไม่ได้มีปมสลับซับซ้อนอย่างที่เรานึกกลัวเป็นเรื่องที่เล่าด้วยจังหวะเนิบช้า ของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนรักมีความอบอุ่นอยู่จางๆ ระบายอยู่ในเล่ม มีหลายแง่มุมที่น่าสนใจแต่โดนรวมทั้งหมด ไม่ได้สร้างความรู้สึกรุนแรงต่อผู้อ่านเป็นการนำพาอารมณ์ไปอย่างเนิบๆ เรื่อยๆมากกว่าอ่านได้สบายๆ ทั้งเรื่อง แม้จะไม่ได้มีปมน่าติดตามถึงขนาดวางไม่ลงแต่ในทางปฏิบัติ มันก็อ่านได้เรื่อยๆ เพลินๆ รวดเดียวจบอยู่ดีเพราะผู้เขียน (ผู้แปล) ใช้ภาษาที่อ่านง่าย ไม่ซับซ้อนอ่านจบก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนะ แต่ก็ไม่ได้อยากอ่านซ้ำเช่นกันจัดอยู่ในโหมดกลางๆ ค่อนไปในทางบวกสำหรับเรา