เรื่อง ผมจะเฝ้ารอฆาตกรที่ร้านหนังสือแห่งความทรงจำ เรื่อง ช็องมย็องซ็อบ ผู้แปล มินตรา อินทรารัตน์ สำนักพิมพ์ ปริซึม เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161858063 เรื่องนี้สนุกออก ทำไมรีวิวใน goodreads ไม่ค่อยพีคเลย ผมจะเฝ้ารอฆาตกรที่ร้านหนังสือแห่งความทรงจำ เปิดเรื่องเล่าจากมุมมองของฆาตกรในฐานะของนักล่า ตัดสลับกับมุมมองของญาติของเหยื่อในอดีต เมื่อ 15 ปีก่อน อาจารย์ยูมย็องอู เป็นดอกเตอร์ด้านวรรณกรรม ที่มีชื่อเสียงด้านการเป็นนักสะสมหนังสือโบราณ เขากำลังจะเกษียณตัวเอง และเริ่มต้นทำตามสิ่งที่ติดค้างในใจมาตลอด 15 ปี ในอดีต 15 ปีก่อน ภรรยาและลูกสาวของเขาถูกฆ่า โดยฝีมือของฆาตกรต่อเนื่องคนนี้ และเพราะความระมัดระวัง และความโชคดีของฆาตกร จึงไม่ทำให้ตำรวจระแคะระคายใดๆ เลย คดีไม่คืบหน้า ฆาตกรลอยนวล หนำซ้ำยังคงลงมืออย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เราชอบความเชื่อมโยงระหว่างตัวละครทั้งสอง ที่ผู้เขียนผูกไว้ด้วยกัน แล้วก็ชอบวิธีการเล่าตัดสลับไปมาจากสองมุมมองตัวละคร ทำให้เราได้มองเห็นการเตรียมการทั้งจากฝ่างตั้งรับ และฝ่ายนักล่า ทำให้รู้สึกลุ้นและน่าติดตามไปตลอดทั้งเรื่อง ตัวละครทั้งสองฝ่ายเชื่อมโยงด้วยหนังสือเก่า ทั้งคู่ต่างมีใจรักหนังสือโบราณ และมีปมค้างคากันมาตั้งแต่ 15[…]

เรื่อง คดีฆาตกรรมปริศนากับนกฟลามิงโก ผู้แต่ง ชองแฮยอน ผู้แปล มินตรา อินทรารัตน์ สำนักพิมพ์ ปริซึม (สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์) เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161854614 เล่มนี้ดาร์ก และตีแผ่ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์แบบสุดๆ ไปเลย เรื่องเริ่มต้นที่ตัวละครสำคัญ 2 ตัว คือ แชดาฮย็อน เด็กนักเรียนชั้น ม.5 กับ คิมจุนฮู เป็นครูประจำชั้น วัย 45 ผู้เขียนเปิดเรื่องด้วยฉากสุดท้ายของดาฮย็อน เป็นฉากที่ดาฮย็อนกำลังจมลงสู่สายน้ำ และคนบรรยายภาพก็คือครูฮุนจูนี่เอง! ก่อนเกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ก่อนที่จุนฮูจะมาเป็นครูที่นี่ เขามีภรรยาอยู่แล้วที่ต่างเมือง เขาตั้งใจที่จะหย่า เพราะไม่สามารถเข้ากันได้ แต่แล้วภรรยาเกิดตั้งท้อง ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็ถูกย้ายไปเป็นครูในชนบท เหตุการณ์ที่จะหย่า เลยยังคาราคาซัง และค้างคาต่อมาอีก 3 ปี ในวันเกิดเหตุ จุนฮูทำงานล่วงเวลาอยู่ที่โรงเรียนเพียงคนเดียว ในตอนที่เขากำลังเคลียร์งานอยู่นั่นเอง ก็มีข้อความจากดาฮย็อนเข้ามา บอกว่า มาทำเรื่องเลวร้ายกันเถอะ จากนั้นดาฮย็อนก็เปิดประตูเข้ามา ครูและลูกศิษย์คู่นี้แอบคบกันและมีอะไรกันมาก่อนแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก[…]

เรื่อง ร้านไม่สะดวกซื้อของคุณทกโก ผู้แต่ง คิมโฮย็อน ผู้แปล มินตรา อินทรารัตน์ สำนักพิมพ์ piccolo (สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์) เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161848859 ปกเล่มนี้ไม่ชวนคิดว่าเป็นนิยายฟีลกู๊ดเลยค่ะ เราได้ยินรีวิวหนังสือเล่มนี้ผ่านตามาเรื่อยๆ นานๆ ครั้ง แม้จะไม่มาก แต่ก็ไม่ขาดสาย จากที่คิดว่าจะปล่อยผ่าน ก็มีเหตุให้ต้องหันกลับมามองทุกที แล้วในที่สุด ก็ตัดสินใจซื้อจนได้ หลังจากซื้อมาวางทิ้งไว้สักพัก ลืมเหตุผลไปแล้วว่าทำไมเราถึงเลือกซื้อเล่มนี้มา จำรีวิวไม่ค่อยได้แล้ว ว่าเขาป้ายยาอะไรไว้บ้าง .. จังหวะนั้นล่ะค่ะ เป็นเวลาอันดีที่จะหยิบมันมาอ่าน ร้านไม่สะดวกซื้อของคุณทกโก เริ่มเรื่องที่สถานีรถไฟ คุณยายวัย 70 กว่าปีคนหนึ่ง กำลังขึ้นรถไฟไปพูซาน บนรถไฟนั้นเอง ที่คุณยายพบว่ากระเป๋าใบเล็ก ที่ใส่เงินสด และบัตรสำคัญต่างๆ ของเธอหายไป ในตอนที่กำลังว้าวุ่นใจอยู่นั่นเอง ก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามา มันเป็นเบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย 02 เป็นเบอร์จากโทรศัพท์สาธารณะ เขาคือคนที่เก็บกระเป๋าของคุณยายได้ ตอนที่คุณยายกำลังนั่งรถกลับไปที่สถานีเดิม จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คนปลายสายบอกว่าเขาหิว ขอเอาเงินในกระเป๋าไปซื้อข้าวได้ไหม .. และคุณยายก็อนุญาต[…]

เรื่อง บริการสุดท้ายแด่ผู้ตาย เก็บกวาดความแตกสลายของชีวิต ผู้แต่ง คิมวัน ผู้แปล มินตรา อินทรารัตน์ สำนักพิมพ์ บิบลิ เลขมาตรฐานหนังสือ 9786168293690 มันก้ำกึ่งระหว่างความรู้สึกหดหู่ กับอบอุ่น หนังสือเล่มนี้เล่าถึงความตายในรูปแบบต่างๆ เล่าถึงผู้คนที่จากไป ผ่านสายตาของใครคนหนึ่ง .. เขาเป็นผู้ให้บริการทำความสะอาดห้องที่ผู้ตายเคยอยู่ ผู้ชายคนที่เล่าเรื่องนี้เป็นผู้ชายที่มีความอบอุ่น เขาเล่าเรื่องผ่านความคิด ผ่านมุมมองของเขา ทั้งภาพฉากของห้องต่างๆ และมุมมองที่มีต่อเจ้าของห้องที่จากไป เขาเป็นคนที่อ่อนโยน และปฏิบัติต่อข้าวของของผู้ตาย (และวิญญาณของผู้ตายในความคิดของเขา) ได้อย่างอ่อนโยน ความน่าอ่านของหนังสือเล่มนี้อยู่ตรงที่ ผู้เขียนได้บอกเล่าประสบการณ์ที่ไม่ว่าใครก็คงจะไม่คุ้นเคยเท่าไรนัก ถึงอย่างนั้น .. มันก็ไม่ใช่หนังสือที่อ่านสนุกสักเท่าไร มันค่อนข้างอัดแน่นไปด้วยความสิ้นหวังของผู้คน เป็นฟางเส้นสุดท้ายของพวกเขา ก่อนที่จะตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง แม้ทั้งหมดจะถูกเล่าออกมาในมุมที่อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจ แต่มันก็เป็นเพียงมโนของผู้เขียนเอง เราอดคิดไม่ได้ด้วยซ้ำว่า การเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมา ทำให้ผู้เขียนได้เยียวยาตนเอง ระหว่างการทำงาน เขาคงแบกรับความรู้สึกท่วมท้น ความคิดของเขา งานเขียนของเขา จึงเป็นเสมือนการระบายและการเยียวยา ขณะเดียวกัน งานเขียนเหล่านั้นก็อาจเยียวยาผู้อ่านไปพร้อมกันด้วย การอ่านหนังสือทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า สุดท้ายแล้วเราทุกคนก็เท่านี้ .. เราวิ่งวนกันอยู่บนสายพานทุกวี่ทุกวัน[…]