เรื่อง ฉันจะไม่ลืมร้านหนังสือโมริซากิ ผู้แต่ง ยางิซาวะ ซาโตชิ ผู้แปล ธนัญ พลแสน (แอดมินเพจ ถุงกล้วยแขก) สำนักพิมพ์ บิบลิโอ เลขมาตรฐานหนังสือ 9786168293836 เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ เริ่มต้นขึ้นในช่วงฤดูร้อนคาบเกี่ยวกับต้นฤดูใบไม้ผลิ ที่ย่านจิมโบโจ ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ย่านนี้เป็นย่านที่รวมร้านขายหนังสือเก่าเอาไว้มากมายนับร้อยร้าน เป็นแหล่งขายหนังสือมือสองที่ใหญ่ที่สุดของโลก หนังสือเล่มนี้แบ่งเรื่องเล่าออกเป็นสองส่วน ที่จะเรียกว่าเชื่อมต่อกันเป็นเรื่องเดียวก็เรียกได้ แต่จะเรียกว่าแยกจากกันเด็ดขาดชัดเจน ก็ได้เช่นกัน โดยที่เรื่องหลังเว้นช่วงห่างจากการเขียนเรื่องแรกออกมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และมุ่งจุดสนใจไปยังตัวละครคนละคนกัน โดยส่วนตัว เราว่าเนื้อหาทั้งสองส่วนนี้แตกต่างกันไม่น้อยเลย เนื้อหาส่วนแรก มีชื่อว่า วันวาน ณ ร้านหนังสือโมริซากิ ร้านหนังสือโมริซากิ เป็นร้านหนังสือเก่าที่ตั้งอยู่ในย่านจิมโบโจดังกล่าว เจ้าของร้าน เป็นชายวัยน้า หัวยุ่ง เสื้อยับ ที่ชื่อว่าซาโตรุ เขาสืบทอดร้านแห่งนี้มาจากพ่อและตา ตัวละครที่เล่าเรื่องในหนังสือเล่มนี้คือหลานสาวของซาโตรุซัง เธอมีชื่อว่า ทาคาโกะจัง ทาคาโกะเพิ่งออกจากงานเพราะสุดจะทน ที่แฟนกำลังจะไปแต่งงานกับแฟนของแฟน (ที่เธอไม่เคยรู้ว่ามี) และทั้งหมดนี้ทำงานอยู่ที่เดียวกัน!! เธอหมดสภาพ หมดกำลังใจ เอาแต่นอนกับนอนตลอดเวลา จนกระทั่งวันหนึ่งที่ได้รับโทรศัพท์จากน้าซาโตรุ น้าชวนให้เธอมาช่วยดูแลร้านหนังสือกะเช้า ตอบแทนด้วยที่พักฟรี พร้อมสาธารณูปโภคครบครัน[…]

เรื่อง ภารกิจห้องสมุดของคนเกลียดการอ่าน ผู้แต่ง อาโอยามะ มามิ ผู้แปล ธนัญ พลแสน (แอดมินเพจ ถุงกล้วยแขก) สำนักพิมพ์ บิบลิโอ เลขมาตรฐานหนังสือ 9786168293706 เพราะไม่รู้ว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมอะไรดี อาราซากะ โคจิ นักเรียนชาย ชั้น ม.5/6 เลยเลือกมั่วๆ มาได้เป็นกรรมการห้องสมุด ซึ่งในการประชุมกรรมการห้องสมุดครั้งแรก ครูคาวาอิให้ทุกคนแนะนำตัว และแนะนำหนังสือที่ชอบ พร้อมทั้งบอกเหตุผล โคจิ ตอบตามความจริงไปว่าเขาไม่มีหนังสือที่ชอบ อันที่จริงแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลยด้วยซ้ำ ครูจึงมอบหมายให้เขาทำวารสารห้องสมุด วารสารห้องสมุดของโรงเรียนนี้ เคยถูกจัดทำติดต่อกันมาอย่างยาวนาน แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป คนเข้าห้องสมุดน้อยลง วารสารห้องสมุด ก็ค่อยๆ ออกช้าลง และหายไปในที่สุด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อราว 10 ปีก่อน มาถึงวันนี้ คุณครูคาวาอิจึงอยากให้ห้องสมุด กลับมาออกวารสารห้องสมุดอีกครั้ง โดยเนื้อหาของวารสารห้องสมุดในครั้งนี้ จะมีส่วนเพิ่มเติม เป็นบทความแนะนำหนังสือโดยคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ อย่างโคจิคุงนี่เอง ภารกิจครั้งนี้ ฟังดูโหดร้ายสำหรับคนไม่ชอบอ่านหนังสืออย่างโคจิมากๆ ครูจึงส่งเด็กสาวที่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน .. ฟุจิโอะ โฮตารุ[…]

เรื่อง ระลอกคลื่นยามค่ำคืนผู้แต่ง คิซาระ อิซึมิผู้แปล ฤทัยวรรณ เกษสกุลสำนักพิมพ์ บิบลิเลขมาตรฐานหนังสือ 9786168293416 เป็นหนังสือที่ดีต่อใจจังเลย .. ระลอกคลื่นยามค่ำคืน เล่าเรื่องของผู้คนรอบตัวของผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง นาสึมิ คือหญิงสาววัย 40 นิดๆเธอเป็นลูกคนกลางของครอบครัวที่มีลูกสาว 3 คนน้องสาวแต่งงานมีครอบครัวแล้วส่วนพี่สาวยังโสดและมีอาชีพการงานที่ดีนาสึมิเองก็มีสามีแล้วเช่นกัน ชื่อว่า ฮิเดโอะนอกจากนี้ ยังมีคุณย่าที่อยู่ด้วยกันอีกหนึ่งคน ก่อนจะล้มป่วยจนช่วยตัวเองไม่ได้นาสึมิดูแลร้านชำของครอบครัวที่เป็นมรดกตกทอดมาจากพ่อแม่แม้ร้านจะตั้งอยู่ในจุดที่มองเห็นวิวฟูจิได้ แต่ก็เป็นมุมอับ และขายไม่ค่อยดีนักถึงอย่างนั้นมันก็เป็นร้านที่ผูกพัน เป็นบ้านที่ผูกพัน .. เรื่องเริ่มต้นในช่วงเวลาสุดท้ายของนาสึมิบทแรกเลย นาสึมิเป็นผู้เล่าเรื่องเอง แต่หลังจากที่เธอตายลงบทต่อๆ มา เรื่องก็ถูกเล่าผ่านมุมมองของ พี่สาว น้องสาว สามี และคนอื่นๆ อีกมากมาย ผู้เขียนพาเราเดินทางไปในแต่ละช่วงวัยของนาสึมิ .. อย่างไม่เป็นลำดับขั้นบางครั้ง บางตัวละครที่เล่าเรื่องก็พาเราย้อนกลับไปในสมัยเรียนของเธอบางครั้งก็เป็นช่วงเวลาที่เธอไปใช้ชีวิตอยู่ในโตเกียวเป็นตอนที่มีชีวิตคู่กับสามีตอนที่ทะเลาะเบาะแว้งกันด้วยเรื่องงี่เง่าสุดท้ายแล้ว เรื่องที่ทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายในวันนั้นกลับกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เธอหัวเราะได้ในวันนี้ เมื่อถึงเวลาหนึ่ง .. เมื่อเราหวนนึกถึง .. เรื่องบ้าบอในอดีตก็เป็นเพียงเรื่องเรื่องหนึ่งในชีวิตมันผ่านมา และจบลง ..หนำซ้ำบางเรื่องยังกลับกลายเป็นเรื่องน่าตลกที่ทำให้ยิ้มได้ เราชอบที่ผู้เขียนเล่าถึงตอนที่นาสึมิตายเรื่องสุดท้ายในชีวิตที่นึกถึง .. เรื่องที่ติดค้างในใจ ..การปลดระวางพันธะที่ยึดถือ .. ในส่วนที่ลึกที่สุดในความทรงจำเป็นการตายที่ดีจริงๆแล้วก็นำพามาซึ่งสิ่งดีๆ[…]

เรื่อง บริการสุดท้ายแด่ผู้ตาย เก็บกวาดความแตกสลายของชีวิต ผู้แต่ง คิมวัน ผู้แปล มินตรา อินทรารัตน์ สำนักพิมพ์ บิบลิ เลขมาตรฐานหนังสือ 9786168293690 มันก้ำกึ่งระหว่างความรู้สึกหดหู่ กับอบอุ่น หนังสือเล่มนี้เล่าถึงความตายในรูปแบบต่างๆ เล่าถึงผู้คนที่จากไป ผ่านสายตาของใครคนหนึ่ง .. เขาเป็นผู้ให้บริการทำความสะอาดห้องที่ผู้ตายเคยอยู่ ผู้ชายคนที่เล่าเรื่องนี้เป็นผู้ชายที่มีความอบอุ่น เขาเล่าเรื่องผ่านความคิด ผ่านมุมมองของเขา ทั้งภาพฉากของห้องต่างๆ และมุมมองที่มีต่อเจ้าของห้องที่จากไป เขาเป็นคนที่อ่อนโยน และปฏิบัติต่อข้าวของของผู้ตาย (และวิญญาณของผู้ตายในความคิดของเขา) ได้อย่างอ่อนโยน ความน่าอ่านของหนังสือเล่มนี้อยู่ตรงที่ ผู้เขียนได้บอกเล่าประสบการณ์ที่ไม่ว่าใครก็คงจะไม่คุ้นเคยเท่าไรนัก ถึงอย่างนั้น .. มันก็ไม่ใช่หนังสือที่อ่านสนุกสักเท่าไร มันค่อนข้างอัดแน่นไปด้วยความสิ้นหวังของผู้คน เป็นฟางเส้นสุดท้ายของพวกเขา ก่อนที่จะตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง แม้ทั้งหมดจะถูกเล่าออกมาในมุมที่อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจ แต่มันก็เป็นเพียงมโนของผู้เขียนเอง เราอดคิดไม่ได้ด้วยซ้ำว่า การเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมา ทำให้ผู้เขียนได้เยียวยาตนเอง ระหว่างการทำงาน เขาคงแบกรับความรู้สึกท่วมท้น ความคิดของเขา งานเขียนของเขา จึงเป็นเสมือนการระบายและการเยียวยา ขณะเดียวกัน งานเขียนเหล่านั้นก็อาจเยียวยาผู้อ่านไปพร้อมกันด้วย การอ่านหนังสือทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า สุดท้ายแล้วเราทุกคนก็เท่านี้ .. เราวิ่งวนกันอยู่บนสายพานทุกวี่ทุกวัน[…]

เรื่อง ทุกวันเป็นวันที่ดี ความสุข 15 ประการที่การชงชาสอนฉัน ผู้แต่ง โมริชิตะ โนริโกะ ผู้แปล สิริพร คดชาคร สำนักพิมพ์ บิบลิ เลขมาตรฐานหนังสือ 9786168293324 เรื่องเริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่าย ของชีวิตนักศึกษาวัยเพิ่งจะ 20 คนหนึ่ง โมริชิตะ โนริโกะ ถ่ายทอดประสบการณ์การเรียนชงชาของตนเอง ที่เริ่มต้นในวัยที่ยังเป็นนักศึกษา เธอเป็นนักศึกษาปีท้ายๆ ในมหาวิทยาลัย ที่ยังไม่มีเป้าหมายในชีวิตชัดเจนนัก แล้วในวันหนึ่ง การเรียนชงชาก็เข้ามาในชีวิตของเธอ ทุกวันเป็นวันที่ดี : ความสุข 15 ประการที่การชงชาสอนฉัน แม้ชื่อของหนังสือเล่มนี้ จะดูเป็นหนังสือแนวพัฒนาตนเอง และเนื้อแท้ของเรื่อง ถ่ายทอดออกมาจากประสบการณ์จริงของผู้เขียน แต่เรื่องราวถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของเรื่องแต่ง การเล่าเรื่องลื่นไหลเหมือนอ่านนิยายธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง เราไม่รู้สึกถึงการถูกบอกถูกสอนตรงไหนเลย เรื่องเล่าต่างๆ ผ่านเข้ามาสู่ตัวเราอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อหนังสือเริ่มต้นเรื่องด้วยการเริ่มต้นเรียนชงชาของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ทัศนคติของเด็กคนนั้นจึงไม่แตกต่างจากทัศนคติของผู้อ่าน ที่มีความรู้เรื่องการชงชาเพียงน้อยนิด ไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของมัน ภาพที่เห็น ก็เป็นเพียงภาพรวมภายนอก เช่นเดียวกันกับที่คนทั่วไปเห็น อาจตัดสิน จัดระดับ[…]

เรื่อง ที่จริงแล้ว ฉันเป็นคนเก็บตัวนะ ผู้แต่ง นัมอินซุก ผู้แปล สาริญา แซ่ตั้ง สำนักพิมพ์ บิบลิโอ เลขมาตรฐานหนังสือ 9786169352549 ที่จริงแล้ว ฉันเป็นคนเก็บตัวนะ เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องของคนเก็บตัวนั่นแหละ แต่สำหรับเรา มันไม่ใช่หนังสือของคนเก็บตัวทุกคน มันเป็นหนังสือของผู้เขียน เป็นการอธิบายอินโทรเวิร์ตในแบบของผู้เขียน เธอเขียนอธิบายตนเอง มากกว่าอธิบายความเป็นอินโทรเวิร์ตเสียอีก คนเก็บตัวทุกคนไม่จำเป็นต้องชอบแมว ไม่จำเป็นต้องชอบดูซีรี่ส์สืบสวน ฯลฯ และแน่นอน คนที่ไม่เก็บตัวอีกจำนวนหนึ่ง อาจจะชอบก็ได้ หนังสือทำให้เรารู้สึกว่า การเป็นคนเก็บตัว ทำไมต้องยุ่งยากวุ่นวายขนาดนั้นด้วย จริงอยู่ที่คนเรามักจะครุ่นคิดคำนึง และหาคำอธิบายในสิ่งที่ตนเองเป็น แต่คำอธิบายของเราก็อาจจะไม่ตรงกับคำอธิบายของผู้เขียน นอกจากนี้ เรายังไม่จำเป็นต้องรู้บางสิ่งบางอย่างในหนังสือเล่มนี้ด้วย มันเป็นเพียงคำอธิบายตัวตนของผู้เขียน ที่ไม่มีประโยชน์ต่อเราเลย หนังสืออ่านยาก ทั้งที่เนื้อหาไม่มีอะไร มันอ่านไม่สนุก ไม่ค่อยดึงดูด ทั้งๆ ที่เรา (คิดว่า) เราเป็นคนเก็บตัวนะ แต่ไม่ค่อยรู้สึกเชื่อมโยง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับหนังสือเลย แน่นอนว่ามันมีประโยคที่โดนใจอยู่บ้าง แต่พอผ่านประโยคนั้นไป ความรู้สึกเดิมๆ ก็ย้อนกลับมาอีก เป็นแบบนี้ไปตลอดทั้งเล่ม ไม่ได้อ่านหนังสือแนวพัฒนาตนเองมานานนับสิบปี[…]

เรื่อง จักรยานที่หายไปผู้แต่ง อู๋หมิงอี้ผู้แปล รำพรรณ รักศรีอักษรสำนักพิมพ์ บิบลิโอเลขมาตรฐานหนังสือ 9786168293058 เท่าที่จำได้ เราไม่เคยอ่านวรรณกรรมจากไต้หวันมาก่อนเลยเล่มนี้เป็นเล่มแรกในความทรงจำแต่ถึงจะไม่เคยอ่านมาก่อน แต่ผลงานที่เกิดขึ้นในโซนเอเชียด้วยกันก็ยังมีกลิ่นอายของวิถีชีวิต วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกันอยู่ซึ่งความเชื่อมโยงนี้ ทำให้เราเข้าถึงความรู้สึกของผู้เขียนได้มากกว่าการอ่านวรรณกรรมจากฝั่งตะวันตก (อันนี้คือสำหรับเรานะ) จักรยานที่หายไป เป็นนิยายที่มีส่วนผสมระหว่างเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และจินตนาการซ้อนทับกันอยู่เนื้อเรื่องเล่าถึงตัวละครชายที่เป็นนักเขียนคนหนึ่ง นามว่าเสี่ยวเฉิงเราเชื่อว่าเสี่ยวเฉิง มีส่วนเสี้ยวของ อู๋หมิงอี้ (ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้) อยู่ไม่น้อย ตัวละครเสี่ยวเฉิง เป็นลูกชายคนสุดท้องของครอบครัวที่มีลูก 7 คนครอบครัวของเขา อาศัยอยู่ในตลาดแห่งหนึ่งความทรงจำวัยวัยเยาว์ค่อยถ่ายทอดออกมาในช่วงแรก เหตุการณ์ที่ถูกเล่า ผูกพัน เชื่อมโยงอยู่กับจักรยานอย่างน้อย 3 คัน ที่เป็นของครอบครัวและแล้ว จักรยานคันสุดท้ายของครอบครัวก็หายไป พร้อมๆ กับการหายไปของพ่อเรื่องของพ่อกลายเป็นเรื่องต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องจวบจนกระทั่งเขาเติบใหญ่ และมีชีวิตเป็นของตัวเอง เสี่ยวเฉิงกลายเป็นนักเขียนเล็กๆ คนหนึ่งหนังสือของเขาได้รับการตอบรับจากผู้อ่านพอสมควรรวมถึงจดหมายฉบับหนึ่ง ที่ทวงถามถึงเรื่องราวในนิยายที่บังเอิญเป็นส่วนที่พ้องกันกับเรื่องราวในชีวิตจริงของเขาผู้อ่านถามถึงจักรยานที่หายไปของพ่อ .. คำถามจากผู้อ่าน ทำให้เสี่ยวเฉิงหวนคิดถึงคำตอบนั้นในโลกของความจริงขึ้นมาและนั่น ได้จุดประกายความคิดให้เขาคิดที่จะตามหาพ่อ ผ่านจักรยานคันที่หายไป การสืบหาในครั้งนี้ ทำให้เขาเริ่มสนใจจักรยานเก่าได้รู้จักกับจักรยานเก่ารุ่นต่างๆและเริ่มสนใจประวัติศาสตร์ผ่านจักรยานแต่ละรุ่นเหล่านั้น ผู้เขียนเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนและจักรยานในขณะที่เสี่ยวเฉิงตามหาจักยานจักรยานเองก็ตามหาเขาด้วยเช่นกัน จักรยานคันหนึ่ง ถูกส่งมอบจากคนคนหนึ่งไปยังอีกคน และอีกคนแต่ละครั้งที่เปลี่ยนเจ้าของ มันได้นำพาเรื่องราวต่างๆ ของพวกเขาติดไปกับมันด้วยจักรยานมีเรื่องเล่าและจักรยานที่เป็นของคนหลายคนจึงเต็มไปด้วยเรื่องราวซึ่งทั้งหมดนั้นถูกถ่ายทอดออกมาทีละน้อย คนไม่รู้จักที่รักจักรยานเหมือนกันคนหนึ่งสะสม อีกคนหนึ่งตามหา และเรื่องราวของจักรยานแต่ละคัน เชื่อมโยงพวกเขาเข้าด้วยกัน[…]

เรื่อง ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือผู้แต่ง นัตสึคาวะ โซสุเกะผู้แปล ฉัตรขวัญ อดิศัยสำนักพิมพ์ Bibliเลขมาตรฐานหนังสือ 9786169352532 เรื่องมันเริ่มขึ้นหลังจากที่ปู่ของรินทาโร่ตายแล้วจู่ๆ ก็มีแมวพูดได้โผล่ออกมามันก็พาให้รินทาโร่เดินผ่านทางเดินในบ้านของเขาเองทางเดินที่สองข้างทางขนานไปด้วยชั้นหนังสือสูงทางเดินในบ้าน .. ที่ทอดยาวออกไปสุดตา .. ราวกับไม่รู้จบเขากับเจ้าแมวเดินเข้าไปในเขาวงกต เพื่อทำภารกิจบางอย่างที่เจ้าแมวร้องขอ .. ในเรื่องนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่รักหนังสือแต่เขามีมุมมองแปลกๆ และกระทำการแปลกๆ กับหนังสือเหล่านั้นและรินทาโร่ถูกมอบหมายให้แก้ไขสถานการณ์ที่ว่านั้น ทั้งๆ ที่ตัวละครหลักในเรื่องนี้ชอบหนังสือและเราเองก็ชอบหนังสือแต่เรากลับรู้สึกไม่ค่อยเชื่อมโยงกับตัวละครเหล่านี้สักเท่าไร ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ เป็นวรรณกรรมแฟนตาซีเป็นแฟนตาซีที่ทำให้เรารู้สึกเฉยๆไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหรือประทับใจเป็นพิเศษมีความเป็นวรรณกรรมเยาวชนอาจเหมาะกับเด็กๆ มากกว่าผู้ใหญ่ และเพราะความที่เป็นวรรณกรรมเยาวชนนี้เองที่ทำให้การโต้เถียงกันในเชิงตรรกะ ถูกลดทอนความเข้มข้นและความสมจริงลงไป เรารู้สึกว่าผู้เขียนมีคำตอบสำเร็จรูปอยู่แล้วหนังสือไม่เปิดทางให้คิด เขาบอกเราในสิ่งที่เขาคิดมาแล้วเป็นคำตัดสิน เป็นบทสรุปที่อยู่ในกรอบ