เรื่อง Japan vintage village ผู้แต่ง ทรงกลด บางยี่ขัน สำนักพิมพ์ abook ราคา 295 บาท การอ่านหนังสือสวยๆ ทำให้หัวใจชื่นมื่นมากกว่าปกติ 2% ค่ะ!! Japan vintage village เล่มนี้ปกสวยมาก เราตกหลุมรักมันตั้งแต่ยังไม่ได้อ่านเนื้อใน และตัดสินใจซื้อด้วยเหตุผลสองประการ คือปก และนักเขียนค่ะ 🙂 ร่วมสิบกว่าปีมาแล้วที่ได้รู้จัก (ตัวหนังสือของ) ทรงกลด บางยี่ขัน นับจากนายเท้าซ้าย เด็กชายเท้าขวา และนั่งฝั่งตะวันตื่น ยืนฝั่งตะวันตก ทรงกลดพัฒนาจากนักเขียนที่ชอบเล่นคำ มากลายเป็นนักเล่าที่ชอบเล่นเนื้อหา เนื้อหาของทรงกลดในระยะหลังๆ มีเหลี่ยมมุม มีลูกล่อลูกชน และตัดจบแบบชวนคิด เวลาผ่าน .. คนเราเรียนรู้และเติบโตขึ้น ทั้งทางร่างกายและทัศนคติ แต่บางที ความเยาว์วัยก็นำมาซึ่งความกล้า กล้าพูด กล้าทำ โดยไม่ติดอยู่ในกรอบของเหตุและผล หรือกรอบของความดีงามเท่ากับตอนที่เราโตแล้ว ก่อนหน้านี้ ถ้าให้ตัดสินใจเลือก[…]

เรื่อง หน่อไม้ ผู้แต่ง ทรงกลด บางยี่ขัน, นิ้วกลม, ทรงศีล ทิวสมบุญ สำนักพิมพ์ abook ราคา 210 บาท การผนึกกำลังของชายทั้งสามก่อร่างสร้างกิจกรรมที่ทั้งสามคนต่างก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้, จะได้ทำ หรือสุดท้ายแล้วมันจะสำเร็จด้วยดีหรือเปล่า แต่ทุกคนก็เก็บความไม่มั่นใจนั่นเอาไว้กับตัว ต่างคนต่างเห็นความมุ่งมันของกันและกัน และใช้มันเป็นแรงขับเคลื่อนของกันและกัน แอบคิดขำๆ ว่า ถ้าใครคนใดคนนึงสามารถอ่านใจ 1 ใน 3 คนได้ โครงการนี้คงเป็นอันพับไปก่อนที่มันจะได้เริ่มต้นเป็นแน่ .. โชคดีนะที่ไม่มีใครมีวิชาอ่านใจใคร ในฐานะที่ผู้เขียนทั้งสามเป็นนักผลิตหนังสือตัวยง (และเรานักอ่านก็ด้วย) ล้วนแต่มีส่วนร่วมสำคัญในการตัดต้นไม้มาทำหนังสือ พี่ก้องจึงเป็นคนต้นคิดว่าควรจะชวนทั้งคนอ่านและคนเขียนไปชำระบาปด้วยการปลูกต้นไม้คืนให้โลกบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้นของกิจกรรมดีๆ อย่างถั่วงอกนั่งรถไฟไปดาวหาง ส่วนหนังสือเล่มนี้ก็เป็นบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (เกือบ) ตลอดทริปนั่นเอง เหตุการณ์ในหนังสือถูกเล่าแบบเดียวกับการวิ่งผลัด โดยนักเขียนทั้งสามผลัดกันเล่าสลับกันไปมา ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว เล่ากันตามความพอใจ ความประทับใจ ตามจังหวะลีลาอันเหมาะสม กลมกล่อม การอ่านเรื่องของคนที่คุยกันเกือบตลอดทริป สนุกตรงหัวข้อคุยที่น่าสนใจ อ่านแล้วเหมือนได้คุยกับเขาไปด้วย แม้ว่าจริงๆ แล้วจะเป็นการคุยกับตัวเราเองก็ตาม นอกจากทริปจะสนุกสนานน่าสนใจแล้ว ผู้ร่วมทริปแต่ละคนก็น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน[…]

เรื่อง when the writer loves the reader ผู้แต่ง ทรงกลด บางยี่ขัน เป็นหนังสือทำมือ ขายในงาน abook fair ปี 2555 ราคา 65 บาท เล่มสุดท้าย (ในบ้าน) ในนามทรงกลด บางยี่ขันค่ะ when the writer loves the reader หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือทำมือ (ที่หน้าตาไม่เหมือนหนังสือทำมือ) ทำขายในงาน a book day เมื่อปี 2555 ในงานเดียวกันนั้น ก้องได้ออกหนังสือไม่ทำมืออีกเล่มมีชื่อว่า “โปรดอ่านใต้แสงเทียน เพราะผมเขียนใต้แสงดาว” จริงๆ แล้ว ชื่อหนังสือข้างบนนั้นมีที่มาจากงานเขียนชิ้นบุกเบิกของก้อง ก่อนที่ “นายเท้าซ้าย เด็กชายเท้าขวา” จะถือกำเนิดเสียอีก เมื่อวันเวลาผ่านไป ก้องได้รวบรวมผลงานเหล่านั้นกลับมานำเสนออีกที[…]

เรื่อง ที่นี่ที่รัก ผู้แต่ง ทรงกลด บางยี่ขัน สำนักพิมพ์ abook ราคา 235 บาท ซื้อหนังสือเล่มนี้มาได้ 2 ปีแล้ว สารภาพกันโต้งๆ เลยว่าเพิ่งได้โอกาสหยิบมาอ่านเป็นรอบแรกค่ะ ดองอย่างดีเอาไว้ในตู้ กำลังได้ที่เลยเชียว -*- เปิดอ่านแล้วถึงได้รู้ว่า “ทางรถไฟสายดาวตก” ไม่ใช่เล่มแรกที่ก้องเขียนถึงญี่ปุ่น ใช่แล้วค่ะ “ที่รัก” ของก้อง อยู่ที่ฟุกุโอะกะ ประเทศญี่ปุ่นนี่เอง .. ใครๆ ก็เล่าเรื่องการไปเที่ยวญี่ปุ่น ก้องเองก็ด้วย เล่มนี้เป็นเล่มแรกที่ก้องพูดถึงญี่ปุ่น (แต่เป็นเล่มที่สองที่เราอ่าน) ญี่ปุ่นเป็นเมืองที่เต็มที่ เวลาที่เขาทำอะไรเขาจะเต็มที่กับมัน ทำอาหาร ก็ใส่ใจลงไปให้สุด ทำสนามเบสบอล อันเป็นกีฬาสุดฮอตบ้านเขา ก็ช่างเป็นสนามที่เหมาะสมกับการทำกิจกรรมทุกอย่างเกี่ยวกับเบสบอล มีความสร้างสรรค์เท่าไร ใส่เต็มไปให้หมด สนามกีฬาจึงไม่เป็นแค่ที่เล่นกีฬา แต่เป็นลานความสุขของคนดูกีฬาด้วย มุมมองญี่ปุ่นแบบก้องๆ จึงอบอุ่น และสร้างสรรค์ เป็นการรวบรวมความอบอุ่นและสร้างสรรค์ของก้องและญี่ปุ่นผสมผสานกัน ให้ใครที่ไหนมาเล่า ก็ไม่มีทางเหมือนก้องจริงๆ ก้องยังคงเล่าเรื่องธรรมดาๆ[…]

เรื่อง สองเงาในเกาหลี ผู้แต่ง ทรงกลด บางยี่ขัน สำนักพิมพ์ abook ราคา 180 บาท สองเงาในเกาหลี .. อ่านเพลินตั้งแต่คำนำกันเลยทีเดียว!! อ่านทรงกลดติดต่อกันมาหลายเล่ม เล่มนี้ทรงกลดมาในมาดใหม่ค่ะ เขาไม่ได้เล่าเรื่องทั่วๆ ไป เป็นตอนๆ เหมือนอย่างเคย แต่กลายเป็นร้อยเรื่องราวทุกตอนให้เป็นเรื่องเดียว โรแมนติกมากกว่าที่เคยโรแมนติก เพราะในเล่มนี้เรามีตัวตนของหญิงสาวที่เขาเล่าถึงด้วย ถึงจะโรแมนติก และเกาหลี แต่ก็ไม่โหล เป็นโรแมนติกในแบบของก้อง ไม่ซ้ำใคร อย่างที่หลายคนรู้ (และเผื่อใครจะไม่รู้) สองเงาในเกาหลีเล่มนี้เป็นต้นกำเนิดของภาพยนตร์เรื่องกวน มึน โฮ อย่าคาดหวังนะคะ มันไม่ได้เหมือนกันเป๊ะๆ ผู้กำกับเคยบอกเราเอาไว้แล้วตั้งแต่แรกว่าหนังสือเล่มนี้เป็น (เพียง) แรงบันดาลใจเท่านั้นค่ะ เรื่องราวของนักท่องเที่ยวไทยสองคน ที่บังเอิญมาพบกันในเกสต์เฮ้าส์อบอุ่นแห่งหนึ่งในเกาหลี ทั้งสองคนมีแผนเที่ยวทับซ้อนกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วจะชักช้าอยู่ใย เที่ยวด้วยกันประหยัดกว่าเห็นๆ .. เรื่องมันเริ่มต้นง่ายๆ เพียงแค่นี้แท้ๆ จุดเริ่มต้นพอเหมาะ ในองค์ประกอบอันเหมาะสม .. แล้วความโรแมนติกก็เกิดขึ้นได้เอง นี่คือเรื่องราวของสองเงาในเกาหลี[…]

เรื่อง นั่งฝั่งตะวันตื่น ยืนฝั่งตะวันตก ผู้แต่ง ทรงกลด บางยี่ขัน สำนักพิมพ์ abook ราคา 160 บาท ตัวหนังสือของก้อง ทรงกลด ยังคงอบอุ่น น่ารัก โรแมนติค (ไม่แพ้พี่ก้อง สหรัฐ แห่งวงนูโวเลยทีเดียว) สำนวนของเขามีชีวิต และขี้เล่น มันเรียกรอยยิ้ม และบางครั้งแถมเสียงหัวเราะ (เบาๆ ถ้าไม่ได้อยู่คนเดียว) มีหลายตอนที่รสชาติจัดจ้านไม่แพ้เล่มแรก แต่ก็มีบางตอนที่เริ่มจะจืดชืดลงไป ความแพรวพราวเจือจางลงนิดนึง เมื่อเทียบกับเล่มแรกที่ยิงประโยคเด็ดอย่างไม่หยุดหย่อน สำหรับเล่มนี้ นับว่าทรงกลดยังปราณี มีช่วงแวะพักหายใจกันบ้าง การอ่านในช่วงต้นๆ ของเล่ม มีความรู้สึกคล้ายกับอ่านเมื่อคุณตาคุณยายยังเด็กในสำนวนที่เฮ้วกว่า และเป็นช่วงเวลาที่เขยิบมาเป็นเมื่อคุณแม่ยังเด็กแทน ตอนโปรดของเราในเล่มนี้ มีชื่อตอนว่า “น้ำลายแตกฟอง” กับตอน “หนังสือเดินทาง” โดยเฉพาะตอนหลังนี้ อ่านแล้วชวนให้เราอยากแปลงกายเป็นหนังสือ และออกเดินทางไปกับเจ้าของที่เป็นแบ็คแพ็คเกอร์ดูบ้าง อีกเรื่องที่ลืมชื่นชมในเล่มแรก และอยากชื่นชมในเล่มนี้คือภาพประกอบ ทั้งนายเท้าซ้ายฯ และนั่งฝั่งฯ ล้วนแต่มีภาพประกอบที่สร้างสรรค์ไม่ซ้ำใคร การเล่าเรื่องไปเที่ยวเมืองจีนช่วงท้ายๆ[…]

เรื่อง นายเท้าซ้าย เด็กชายเท้าขวา ผู้แต่ง ก้อง คาร์ ไว (ทรงกลด บางยี่ขัน) สำนักพิมพ์ abook ราคา 160 บาท นายเท้าซ้าย เด็กชายเท้าขวา เป็นหนังสือเล่มเปิดตัวของของก้อง คาร์ไว หรือก้อง ทรงกลด บางยี่ขัน มันเป็นการเปิดตัวที่สวยงาม เพราะเมื่ออ่านตอนแรกจบ ทรงกลดก็ส่งเท้าซ้ายเข้าไปโชะที่หัวใจเราเป็นดอกแรก และส่งเท้าขวาตามมาไม่ห่างเข้าที่ต่อมอารมณ์ดีในสมอง ความเป็นตัวเขาชัดเจนมากในเล่มแรกนี้ และมันส่งผลให้ชื่อของก้อง ทรงกลดเป็นที่จดจำของเราตั้งแต่บัดนั้น ก้อง ทรงกลดกำลังสดใหม่ ลูกเล่น ลูกล่อ ลูกชนแพรวพราว (แพรวพราวกว่าเรื่องหลังๆ โดยเฉพาะเรื่องล่าสุดอย่างเห็นได้ชัด) ความคิดและอารมณ์บางอย่างก็เกิดขึ้นได้เฉพาะช่วงวัยจริงๆ (การเขียนไดอารี ทำให้เราได้เห็นตัวเองในวัยเยาว์กว่านี้ และนั่นทำให้เราแปลกใจในตัวตนของตัวเอง) ทรงกลดเล่าเรื่องทั่วๆ ไป ธรรมดาๆ ในมุมมองที่เก๋ไก๋ ยั่วคิด อ่านได้เพลิดเพลิน ตัวหนังสือของเขามีอารมณ์ขัน (แบบที่ไม่ใช่อ่านแล้วหัวเราะออกมาดังๆ นะ) มองโลกในแง่สุข เป็นความคิดแง่บวก[…]

เรื่อง ทางรถไฟสายดาวตก ผู้แต่ง ทรงกลด บางยี่ขัน สำนักพิมพ์ abook ราคา 245 บาท ทางรถไฟสายดาวตก เล่มนี้ ทรงกลดเล่าถึงการท่องเที่ยวโดยรถไฟแบบถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง รถไฟในญี่ปุ่นไม่ได้มีแต่รถไฟสายด่วน เร็วปรู๊ดปร๊าดทันใจวัยรุ่นแต่อย่างเดียว แต่ยังมีรถไฟเนิบๆ ที่ขายความช้า ขายความสุนทรีย์ระหว่างการเดินทางอยู่อีกหลายขบวน ไม่ใช่นั่งรถไฟไปเที่ยว แต่เป็นการเที่ยวบนรถไฟเลยต่างหาก ทางรถไฟสายดาวตก เล่มนี้ปลุกความอยากขึ้นรถไฟของเราขึ้นมาอีกครั้งค่ะ (อ่านทีก็อยากที แต่ยังหาโอกาสไปนั่งจริงๆ ไม่ได้สักที -*-) ตอน “เที่ยวเที่ยง” เป็นตอนที่เราชอบมากตอนหนึ่ง ทรงกลดเล่าวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจถดถอยแบบญี่ปุ่น เมื่อการรถไฟประเทศญี่ปุ่นประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ การรถไฟทำการสร้างห้างสรรพสินค้าขึ้นครอบสถานีรถไฟ สนับสนุกกิจการทางการเกษตร เพื่อให้เกิดการจ้างงาน และคนงานก็ขึ้นรถไฟมากขึ้น สินค้าทางการเกษตรที่สร้างขึ้น ถูกนำมาใช้เป็นจุดขายของสถานี และวิถีวิธีอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้คนในชุมชนรักรถไฟ เป็นตอนที่อ่านแล้วได้อารมณ์แบบบวกบวกดีจัง ภูเขาและทะเล เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนญี่ปุ่น รถไฟเกือบทุกสาย (ในเล่มนี้) ถูกออกแบบมาให้สัมพันธ์กับสองสิ่งนี้เสมอๆ พออ่านไปหลายๆ ตอนเข้า ความทรงจำก็ดึงเรากลับไปถึงตอนที่อ่านโต๊ะโตะจัง โรงเรียนของโต๊ะโตะก็มีกิจกรรมอาหารกลางวันที่เกี่ยวพันกับสองสิ่งนี้เช่นกัน[…]

เรื่อง ดาวหางเหนือทางรถไฟ ผู้แต่ง ทรงกลด บางยี่ขัน สำนักพิมพ์ abook ราคา 255 บาท เรารู้จักตัวหนังสือของทรงกลดมาระยะหนึ่งแล้ว (ระยะหนึ่งที่ว่านี้เป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ไม่น่าจะถึง 10 ปี) รู้จักทรงกลดครั้งแรก เพราะไปสะดุดชื่อหนังสือเล่มหนึ่งของเขา “นายเท้าซ้าย เด็กชายเท้าขวา” กับอีกเล่ม “นั่งฝั่งตะวันตื่น ยืนฝั่งตะวันตก” เนื้อหาภายในหนังสือทั้งสองเล่ม คมขำ เล่นคำไม่ต่างจากชื่อหนังสือ อ่านแล้วทำให้ความคิดมันพลุ่งพล่าน ลื่นปรู๊ดปร๊าดดีไม่น้อย ดังนั้น พอเห็นชื่อผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มีนามว่า “ทรงกลด บางยี่ขัน” ก็เป็นอันตัดสินใจได้ว่า หนังสือเล่มนี้น่าจะอ่านสนุกแน่ๆ แต่จนแล้วจนรอด เราก็ยังไม่เคยอ่านมันเสียที หนังสือเล่มนี้วางแผงออกมาหลายปีดีดักเต็มทีแล้ว กว่าเราจะตัดสินใจซื้อ ก็ทำเอาหนังสือเกือบจะหมดสต็อค แล้วใช่ว่าซื้อแล้วจะเปิดออกอ่านเลย เรายังดองเปรี้ยวดองเค็มรถไฟสายนี้เอาไว้บนชั้นหนังสืออีกนานแสนนานกว่าจะหยิบมาอ่าน ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เดาเอาว่า .. ปัญหามันน่าจะเป็นเพราะ ก่อนหน้านี้ได้ไปอ่าน “นั่งรถไฟไปตู้เย็น” ของนิ้วกลมเข้า (มันเป็นภาพจำแบบคิดไปเองว่า หนังสือสองเล่มนี้มันดูคล้ายๆ กันเนอะ)[…]