เรื่อง ชีวิตไม่ไร้ความหมาย ผู้แต่ง วิกเตอร์ อี. ฟรังเคิล ผู้แปล นพมาส แววหงส์ สำนักพิมพ์ โซเฟีย สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์ เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161848286 ชีวิตไม่ไร้ความหมาย ถูกเขียนขึ้นโดย .. วิกเตอร์ อี. ฟรังเคิล จิตแพทย์ชาวออสเตรีย เขาถูกจับไปอยู่ในค่ายกักกันของนาซี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาถูกย้ายไปเรื่อยๆ ถึง 4 แห่ง ก่อนที่สงครามจะสิ้งสุดลง หนังสือเล่มนี้ พิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1946 ผู้เขียน เขียนส่วนแรกรวดเดียวจบ โดยใช้เวลาเพียง 9 วัน เราไม่แปลกใจเลย ที่เขาจะใช้เวลาเขียนน้อย เรื่องที่เล่ามันพรั่งพรู เขาเขียนออกมาจากความทรงจำรวดเดียว มันค่อนข้างวกวน ไม่รู้ว่าเป็นที่ผู้เขียนเองหรือผู้แปล แต่ถ้อยคำที่ใช้วกไปวนมาอยู่สักหน่อย หนังสือเล่มนี้ ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรก คือส่วนที่เขาเล่าประสบการณ์ในค่ายกักกันของนาซี ส่วนที่สอง คือรายละเอียดของโลโกเทอราปี[…]

เรื่อง ชาเขียวอุ่นๆ กับคุณในวันจันทร์ ผู้แต่ง มิจิโกะ อาโอยามะ ผู้แปล อภิวัฒน์ พวงไธสง สำนักพิมพ์ piccolo (สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์) เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161850135 ชาเขียวอุ่นๆ กับคุณในวันจันทร์ ดูจากชื่อเรื่องแล้ว .. เดาได้ไม่ยากเลยว่า หนังสือเล่มนี้ต้องเกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มก่อนหน้า .. โกโก้อุ่นๆ กับคุณในวันพฤหัสฯ อย่างแน่นอน แม้ว่าเรื่องจะเกี่ยวข้องกัน แม้ว่าเรื่องจะต่อเนื่องกัน แต่เราอ่านรีวิวแล้วพบว่า คนอ่านแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายที่ชอบโกโก้ฯ มากกว่า กับฝ่ายที่ชอบชาเขียวฯ มากกว่า ความแตกต่างระหว่างสองเล่มนี้อยู่ตรงที่ เล่มชาเขียวฯ ใกล้ตัวกว่า เข้าถึงคนทั่วไปได้ง่ายกว่า หากแต่ก็ไม่ซับซ้อน ไม่ท้าทาย ในขณะที่โกโก้ฯ มีตัวละครที่ซับซ้อนมากกว่า ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน แต่เรามักพบเจอตัวละครลับตามหลืบมุมต่างๆ ของเรื่องต่างหาก นอกจากนี้ ประเด็นที่นำเสนอ ยังเป็นประเด็นที่เฉพาะเจาะจง และอาจจะไกลตัวคนอ่านที่ไม่ได้มีประสบการณ์ร่วมกับตัวละคร ถ้าถามว่าเราต้องอ่านสองเล่มนี้ต่อเนื่องกันตามลำดับไหม สำหรับเรา เราว่าควรนะ เพราะ ชาเขียวอุ่นๆ กับคุณในวันจันทร์[…]

เรื่อง โกโก้อุ่นๆ กับคุณในวันพฤหัสฯ ผู้แต่ง มิจิโกะ อาโอยามะ ผู้แปล ธนพล ศักดิ์สมุทรานันท์ สำนักพิมพ์ piccolo (สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์) เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161842420 เราเริ่มต้นบทแรกด้วยความรู้สึกเฉยๆ ถึงอย่างนั้นก็อ่านได้ราบรื่นดี พอขึ้นบทที่ 2 .. บทที่ 3 .. และบทต่อๆ มา ไม่รู้ทำไม ยิ่งอ่านไปยิ่งสนุก ทั้งๆ ที่แต่ละบทก็แยกจากกัน ไม่ได้เล่าต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียว แต่ยิ่งอ่านยิ่งชอบ และยิ่งรู้สึกว่าผู้เขียนลึกซึ้ง ว่าถึงชื่อเรื่องก่อน โกโก้อุ่นๆ กับคุณในวันพฤหัสฯ ทีแรก เราเข้าใจว่าหนังสือชื่อแบบนี้ น่าจะเล่าเรื่องในร้านกาแฟร้านหนึ่งตลอดทั้งเล่ม เหมือนเล่ม คาเฟ่ลูส เมนูที่รักจากการเดินทาง หรือ เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น แต่จริงๆ แล้ว เล่มนี้ ร้านกาแฟเป็นเพียงจุดเชื่อมเล็กๆ เท่านั้นเอง เรื่องเปิดขึ้นที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง .. มาร์เบิ้ล คาเฟ่ แล้วหลังจากนั้นก็เชื่อมโยงตัวละครไปทีละตัว เป็นเรื่องสั้นๆ[…]

เรื่อง คุณ ผม และผู้คนที่สวนกันบนรถไฟสายฮังคิวผู้แต่ง อาริคาวะ ฮิโระผู้แปล พลอยทับทิม ทับทิมทองสำนักพิมพ์ piccolo(สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์)เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161850500 หนังสือเล่มนี้ เป็นผลงานของผู้เขียนคนเดียวกันกับที่เขียนหนังสือเรื่องผม แมว และการเดินทางของเรา ค่ะเราชอบเล่มแรกที่ได้อ่าน แล้วก็เลยคิดว่าน่าจะชอบเล่มนี้เช่นกันแล้วก็ชอบจริงๆ ด้วยค่ะ 🙂 ตลอดเวลาที่อ่าน เรารำพึงกับตัวเองว่า “น่ารักจัง” บ่อยมากกกกเราชอบวิธีเล่า ที่แบ่งเรื่องราวออกเป็นตอน ตามสถานีรถไฟแต่ละสถานี ของขบวนรถไฟสายฮังคิวเรื่องราวในตอนแรก เริ่มต้นด้วยเรื่องของชายหนุ่มที่ขึ้นรถไฟที่สถานีต้นทางเรื่องเล่าผ่านมุมมองของเขา ที่มักใช้เวลาในช่วงวันหยุดแวะมาที่ห้องสมุดที่อยู่ ณ ปลายทางของสถานีรถไฟแห่งนี้เขามาที่ห้องสมุดบ่อย จนจำผู้คนขาประจำของห้องสมุดได้หลายคนและเธอ .. คือหนึ่งในคนที่เขาจำได้ ..เรื่องราวเริ่มขึ้นแบบนั้น และจบตอนลงอย่างน่ารัก 🙂 แต่ว่า .. ผู้เขียนไม่ได้ทิ้งค้างเรื่องราวของตอนแรกเอาไว้แค่นั้นในระหว่างเรื่องราวของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ในตอนที่สองที่มาขึ้นรถไฟจากสถานีรถไฟที่สองของเส้นทางผู้เขียนได้แทรกฉากของชายหญิงคู่แรกบนรถไฟผ่านสายตาของหญิงสาวที่เป็นเจ้าของเรื่องเล่าในตอนนี้ เรื่องราวของคนคู่แรก และคนอื่นๆ ที่เป็นตัวเอกในแต่ละตอนยังถูกเล่าต่อๆ มา แทรกอยู่ในตอนต่างๆ และเรื่องราวต่างๆของผู้คนที่เดินทางสวนกันไปมาบนขบวนรถไฟสายนี้ ความเชื่อมโยง .. สายสัมพันธ์แบบไม่ผูกพันของผู้คนมากมายมันช่างเป็นวิธีเล่าเรื่องที่มีเสน่ห์และน่ารักแม้แต่ตอนที่เป็นเรื่องเศร้า ก็ยังมีมุมมองดีๆ เกิดขึ้นในเรื่อง หนังสือเล่มนี้ เล่าเรื่องด้วยจังหวะสบายๆ[…]

เรื่อง มีอะไรในสวนหลังบ้านผู้แต่ง คิมจินยองผู้แปล วิทิยา จันทร์พันธ์สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161829636 มันเริ่มจากกลิ่นเหม็นแปลกๆ ที่โชยคละคลุ้งอยู่ในสวนดอกไม้ของจูรันก่อนที่กลิ่นนั้น จะนำพาให้ตัวตนของเธอเปลี่ยนแปลงไปหมดสิ้นทุกอย่าง มีอะไรในสวนหลังบ้าน เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าผ่านผู้หญิงสองคนคือคิมจูรัน และอีซังอึน ตัดสลับกันอย่างลงตัว พอเหมาะผู้เขียนจงใจทิ้งปมง่ายๆ เอาไว้เป็นระยะๆให้เราคลำทางไปอย่างลุ้นๆในขณะที่อีกส่วนของเรื่อง กลับเป็นเผยตัวผู้ฆ่าอย่างโต้งๆเราค่อยๆ คลำทางไปเพื่อค้นหาว่า ปลายทั้งสองนี้จะไปเชื่อมต่อกันที่ใดและปมที่ผู้เขียนพาเราไปนั้น เป็นปมหลอกหรือไม่ เงื่อนงำ .. ความเชื่อใจและไม่เชื่อใจระหว่างคนในครอบครัวผู้เขียนเล่นกับความไม่แน่ใจในตัวเองของคนวิตกจริต ช่างระแวงความสงสัยที่ไม่กล้าเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความจริง ..หรือเป็นเพียงมโนภาพของตนเอง คำว่าผู้หญิง และสังคมเกาหลี ..เราได้รับอารมณ์และความรู้สึกแบบเดียวกัน –กับที่ได้รับเมื่อตอนที่อ่าน คิมจียองเกิดปี 82 มันรู้สึกอยู่จางๆผู้หญิงสองคนในเรื่องนี้ .. ภรรยาของชายผู้ร่ำรวย และภรรยาของชายที่ยากจนต่างก็มีความทุกข์ในแบบของตัวเองเป็นความทุกข์ที่มีรากฐานมาจากสังคมและค่านิยมแบบเกาหลีแบบที่ผู้หญิงด้อยกว่าผู้ชายเสมอ ไม่ว่าในสถานะไหนก็ตาม มีอะไรในสวนหลังบ้าน ดีงามทั้งการเปิดเรื่อง การดำเนินเรื่อง และพล็อตตอนที่ปมทุกอย่างค่อยๆ คลี่คลายออกมา มันพีคมากสำหรับเราก่อนหน้านี้เราเดาอะไรไม่ได้เลยได้แต่ตามเบาะแสเงื่อนงำที่ผู้เขียนค่อยๆ ปลดทีละเปลาะอย่างผู้ตามที่ดีแต่ไม่เคยตามทัน และยิ่งไม่อาจแซงหน้าผู้เขียนได้เลย ตอนที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบเรานึกถึงการดูข่าว หรืออ่านข่าวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเล่มนี้ .. ในวันรุ่งขึ้นแน่นอนว่าเนื้อหาข่าวไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแน่ๆทำให้เราหวนคิดถึงข่าวอีกหลายข่าวที่เราได้ฟังได้ดูมามันมีความจริงอยู่เท่าไรกัน และความจริงที่ว่านั้น มันเป็นความจริงในแง่มุมไหน มนุษย์นั้นซับซ้อน และเราไม่อาจตัดสินผู้คนได้จากเพียงการกระทำเดียวหรือจากมุมมองเพียงมุมเดียวที่เรารับรู้ เล่มนี้พีคมาก และเราชอบมากค่ะ  

เรื่อง ความทรงจำของวันพรุ่งนี้ผู้แต่ง โอกิวาระ ฮิโรชิผู้แปล หนึ่งฤทัย ปราดเปรียวสำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161834647 เราเองก็อายุไม่น้อยแล้วนะที่หยิบเล่มนี้มาอ่านก็เพราะรู้สึกว่าเราเองก็มีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์อยู่เหมือนกันเป็นเรื่องที่ไม่ไกลตัวเลย แต่ด้วยวิธีเล่าที่เริ่มต้นจากการบอกเล่าชีวิตประจำวันของผู้ชายญี่ปุ่นผู้เป็นหัวหน้าครอบครัววัยกลางคนเรื่องดำเนินไปอย่างเนิบนาบและไม่สามารถตอบโจทย์ความอยากรู้อยากเห็นของเราเกี่ยวกับอาการของโรคนี้ทำให้ช่วงต้นต่อติดได้ยากหน่อยกว่าจะผ่านไปแต่ละบท มันไม่มีอะไรดึงดูดเราเอาไว้ได้เลย ต่อเมื่ออ่านไปถึงช่วงหนึ่ง วิธีเล่าแบบนี้กลับเป็นประโยชน์มากเพราะมันทำให้เรารู้และเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้เข้าใจว่าอะไรที่เกิดขึ้นกับตัวเขา และเข้าใจว่าเขาคิดอะไร สะเอกิ คือชายวัย 50 ที่เริ่มมีอาการป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์นับตั้งแต่วันที่เขารู้ว่าตนเองป่วย คล้ายกับว่าอาการของโรคค่อยๆ พัฒนาไปทีละน้อยแต่ถ้านับจากวันป่วยจนถึงวันสุดท้ายในเล่มก็นับว่าอาการป่วยรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว สะเอกิต่อสู้เต็มที่กับความทรงจำที่กำลังจะลบเลือนเขาอ่านหนังสือเพื่อทำความรู้จักกับโรคที่ตัวเองเป็นเปลี่ยนวิถึชีวิต เปลี่ยนวิธีการดื่มกินอาหารเขาจดบันทึกข้อมูลสำคัญที่ได้รับจากการทำงานในแต่ละวันนอกจากนี้ยังจดบันทึกเหตุการณ์ประจำวันมีสมุดแพลนเนอร์ที่จดละเอียดมากพกแผนที่ติดตัวไปด้วย ฯลฯแต่ถึงอย่างนั้น ความกลัวและไม่มั่นใจ ก็มีปรากฏให้เห็น ความทรมานของโรคไม่ได้อยู่ที่การเจ็บป่วยทางกายแต่มันคือความหวาดกลัวว่าเราจะหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยรู้จักหลงลืมเพื่อน หลงลืมเพื่อนร่วมงาน หลงลืมแม้แต่คนในครอบครัวและท้ายที่สุดแล้ว คือการหลงลืมตัวเอง และสูญเสียความเป็นตัวเองไป การที่ล่วงรู้อยู่ก่อนแล้วว่าปลายทางที่โหดร้ายนั้นเป็นอย่างไรนั้นทำให้ระหว่างทางที่ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน เป็นวันที่น่าหวั่นใจไม่น้อย ในตอนใกล้จบเราลุ้น เอาใจช่วยกับการทำตามฝันอันบ้าบิ่นของชายผู้เป็นอัลไซเมอร์คนนี้มากและแม้ว่าเราจะพอเดาตอนจบของหนังสือเล่มนี้กันได้อยู่แล้วแต่ผู้เขียนก็สามารถสร้างตอนจบที่ละมุนละไม สวยงาม(ซึ่งในความสวยงามที่ว่านี้ ก็รู้แหละว่ามันคือความโหดร้ายในความเป็นจริง) ความทรงจำของวันพรุ่งนี้ เป็นหนังสือที่เริ่มต้นแบบง่วงๆ แต่กลับจบลงด้วยความดีงามเป็นอีกครั้งที่เราดีใจที่ได้อ่านมันจนจบไม่ได้เลิกอ่านไปก่อนตั้งแต่ไม่กี่หน้าแรก  

เรื่อง อกเกือบหักแอบรักคุณสามีผู้แต่ง นาวาร้อยกวีสำนักพิมพ์ อรุณ(สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์)เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161801052 เล่มนี้เป็นภาคต่อของ จนกว่ารักบันดาลใจซึ่งเป็นเรื่องราวความรักของปริวัตถ์ พี่ชายของพระเอกเรื่องนี้กับมนต์วธู หรือม่น อดีตแฟนเก่าที่กลับมารักกันและได้แต่งงานกันในที่สุดดังนั้น ระหว่างเล่า ผู้เขียนก็จะหยอดบทสวีทให้กับอดีตพระนางจากเรื่องแรกอยู่เรื่อยๆ (เราชอบชื่อเล่นนางนะ น่ารักดี)ซึ่งถ้าอ่านมาตั้งแต่เล่มแรก ก็อาจจะฟินและหายคิดถึงกันไปแต่เราไม่เคยอ่านมาก่อน เลยรู้สึกคล้ายเป็นคนวงนอกกลายๆ มาว่ากันที่เรื่องนี้ดีกว่า .. อกเกือบหักแอบรักคุณสามี ผู้เขียนเปิดเรื่องด้วยพรหมลิขิตหวานแหววเว่อร์วังมาพร้อมกับบุคลิกบ้าบิ่น เด็ดเดี่ยว รักเดียว ร่าเริงของ นทีริน หรือเมย นางเอกของเรื่องและความหยิ่ง เอาใจยาก ปากร้าย หน้าตาย เย็นชาหากแต่หล่อและเก่งอย่างร้ายกาจของ เธียรวัฒน์ พระเอก แม่ของนทีริน เป็นเพื่อนสนิทกับแม่ของเธียรวัฒน์มานานมากแล้วแม้ฐานะทั้งสองฝ่ายจะต่างกันมาก แต่ทั้งสองครอบครัวก็ผูกสมัครรักใคร่กันดีดีถึงขนาดที่ คุณนายศจี แม่ของพระเอกทำเนียนพาลจะอุ๊บอิ๊บลูกสาวเพื่อนเป็นลูกสาวตัวเองให้ได้อยู่เรื่อยเด็กหญิงชายทั้งสาม จึงเติบโตขึ้นมาคล้ายกับการเป็นพี่น้องกันกลายๆ แต่แล้ววันหนึ่ง ก็มีเหตุการณ์ให้ทั้งสองพระนางต้องตกกระไดพลอยโจนแต่งงานกันหลอกๆฝ่ายนางเอกนั้นแอบปลื้มพระเอกมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วแต่พระเอกนั้น ก็ขี้เก๊กอย่างที่บอกปฏิบัติการการตามจีบสามีตัวเองของนางเอกจึงเกิดขึ้น   ระหว่างนั้น ก็มีเรื่องราวอีรุงตุงนังเกิดขึ้นมากมายทั้งที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่พระเอกทำงานอยู่ทั้งที่บริษัทออกแบบตกแต่งภายในที่นางเอกทำงานอยู่ทั้งการชิงไหวชิงพริบกันระหว่างบริษัทคู่แข่ง การควบรวมบริษัทการแฮกข้อมูลสำคัญ(โดยตัวละครที่เก่งกาจโอเวอร์ แบบที่ทำงานออกแบบบ้านแต่มีความสามารถทางคอมพิวเตอร์ระดับแฮกเกอร์)ทั้งการใส่ร้าย การลอบฆ่า ความหึงหวง ฯลฯพ่วงไปกับการจีบสะบัดทั้งต่อหน้าและลับหลังของนางเอกมีปมให้ต้องลุ้น หักมุมจุ๊บจิ๊บแล้วก็กลายเป็นการชิงไหวชิงพริบระหว่างคู่สามีภรรยา (แต่ในนาม) แต่พล็อตไม่ได้เฉียบคมรัดกุมเป็นหนังฮอลลีวูดนะมีตะหงิดๆ แหละ[…]

เรื่อง ลอยไปในกังตั๋งผู้แต่ง สมพงษ์ งามแสงรัตน์สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์(สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์)เลขมาตรฐานหนังสือ 9789744751203 ลอยไปในกังตั๋ง เป็นเล่มที่สอง (ที่เราอ่าน) ของคุณสมพงษ์ งามแสงรัตน์ค่ะเล่มนี้ ผู้เขียนยังคงพาเราไปเที่ยวจีนเช่นเคยแต่เป็นจีนผ่านเส้นทางการเดินทัพในเรื่องสามก๊กก็ว่าอยู่ว่าเราคุ้นชื่อกังตั๋งที่แท้ ผู้เขียนก็มีแรงบันดาลใจในการเที่ยวสถานที่แห่งนี้จากการอ่านสามก๊กนี่เอง ใน ลอยไปในกังตั๋ง เล่มนี้นอกจากนี้ยังเล่าเรื่องราวของเมืองต่างๆ ที่เป็นฉากหลังของเหตุการณ์ในเรื่องสามก๊กแล้วเที่ยวชมวัด เขา และสวนหลายแห่งพร้อมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรื่องแล้วผู้เขียนยังเล่าประวัติศาสตร์จีน, พงศาวดารจีนฉบับย่อเอาไว้อีกหลายเรื่องเยี่ยมเยือนบ้านนักคิดนักเขียนชาวจีนหลายท่านเรียกว่า ถ้าตามรอยไปยังสถานที่ต่างๆ ที่ผู้เขียนไปเยือนเราก็จะได้อินกับเรื่องราวที่เป็นภูมิหลังอย่างนี้ไปด้วยฟินสองต่อกันไป กับเล่มนี้ เรารู้สึกว่าเนื้อหาเข้มข้นหนักแน่นมากกว่า จากเชียงรุ้งถึงฮอยอันโดยที่เล่มนี้จะเน้นไปที่เรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์มากกว่าเล่าถึงสถานที่ภาพประกอบก็ดูจะสวยน้อยกว่าหน่อย ทั้งๆ ที่คนวาดคนเดิมบางทีอาจเป็นที่อุปทานของเราเอง ก็งงๆ ตัวเองอยู่เหมือนกัน >,< เรารู้สึกว่าบรรยากาศแห่งการเที่ยวแบบอิสระเสรี ชิลด์ๆ หายไปแม้ว่าผู้เขียนอาจจะยังเที่ยวเหมือนเดิมแต่รูปแบบการเล่าที่เปลี่ยนไป ก็ทำให้เรารู้สึกเปลี่ยนไป แต่การอ่านแบบนี้ ก็ทำให้เราคิดถึง สามก๊ก ของคุณวินทร์อยู่น่าจะได้อ่านต่อกันเสียตั้งแต่วันที่อ่านเล่มนั้นเล่มของคุณวินทร์นั้นหนักแน่น คารมคมคายแต่เล่มนี้เล่าไม่ครบไม่ลึก หากแฝงอารมณ์ขัน สำนวนสนุกสนานช่วงนี้เที่ยวเองไม่ได้ ให้หนังสือพาเที่ยวก็สนุกดีไปอีกแบบ

เรื่อง จากเชียงรุ้งถึงฮอยอันผู้แต่ง สมพงษ์ งามแสงรัตน์สำนักพิมพ์ สุดสัปดาห์(สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์)เลขมาตรฐานหนังสือ 9749702115 จากเชียงรุ้งถึงฮอยอัน เป็นหนังสือเล่าเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองเพียงคนเดียวของผู้เขียนเริ่มต้นการเดินทางโดยรถทัวร์จากหมอชิต ไปสุดทางที่เชียงของข้ามฝั่งไปลาวเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อจะไปจีนโดยมีเป้าหมายเป็นสถานที่ต่างๆ รวม 3 ประเทศเริ่มต้นที่จีนคือ เชียงรุ้ง, คุนหมิง, ต้าหลี่, เจี้ยนชวน, ลี่เจียง และจงเตี้ยนหรือแชงกรีลา, แล้ววกเข้าเวียดนาม เยือนฮานอย, เว้, และฮอยอันปิดท้ายด้วยสวันเขตเป็นทางผ่านกลับไทย จากเชียงรุ้งถึงฮอยอัน  เป็นหนังสือเล่าเรื่องการท่องเที่ยวที่น่าอิจฉามากคือผู้เขียนมีแผนเพียงคร่าวๆ จากนั้นเกิดถูกใจที่ไหนก็แวะพัก แวะดูไปเรื่อยเที่ยวเดินดูบ้านเรือน ดูชุมชน ดูชีวิตผู้คนตามใจชอบเดินทางไปด้วย วาดรูปไปด้วย(ภาพประกอบทั้งหมดให้เล่มเป็นฝีมือของผู้เขียนเอง)มีเวลาเป็นเดือน เงินทองก็ใช้ไม่ค่อยเปลืองเท่าไร(ในยุคสิบกว่าปีก่อนล่วงมาแล้วนะ หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ พ.ศ. 2548)มาถึงวันนี้ อะไรๆ ก็คงเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็น่าตามรอยอยู่ดีไม่เคยนึกอยากเที่ยวเมืองจีนมากขนาดนี้มาก่อนเลย สำนวนการเล่าเรื่องสนุกออกรสชาติ ผสมอารมณ์ขันเมื่อเจอปัญหาระหว่างเดินทาง ก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ขำๆ กับมันไปทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านแล้วอารมณ์ดีอีกเล่มหนึ่งไม่ใช่ในแง่ที่มันตลก แต่เป็นแง่มุมของคนที่มองโลกในแง่ดีไม่เคร่งครัดเคร่งเครียดกับอะไรไปเสียหมด เมื่ออ่านจบ เราสัญญากับตัวเองเอาไว้เลยว่าถ้าจะไปเที่ยวจีนหรือเวียดนามเมื่อไรจะหยิบเล่มนี้มาอ่านอีกรอบแน่ๆ เพื่อทบทวนที่ที่อยากไปให้นั้นให้ขึ้นใจจะได้ไม่ลืมจับมันมาใส่ในแผนเที่ยวด้วย!!

เรื่อง ขนำน้อยกลางทุ่งนา ผู้แต่ง จำลอง ฝั่งชลจิตร สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์ เลขมาตรฐานหนังสือ 9748428664 ขนำน้อยกลางทุ่งนา เริ่มต้นเรื่องอย่างธรรมดา .. เล่าชีวิตเด็กชนบทในอีกแบบหนึ่งที่ต่างไปจาก ลูกอีสาน ลูกอีสาน นั้นเป็นเรื่องอันเป็นตัวแทนของกสิกรแห่งภาคอีสาน ในขณะที่ ขนำน้อยกลางทุ่งนา ย้ายพิกัดไปเล่าเรื่องชาวนาทางภาคใต้ ตัวละครในเรื่องผลัดกันเป็นตัวเอกในแต่ละตอน แต่ที่เด่นสุด ก็น่าจะเป็น เด่น ลูกชายประถม 5 ของแม่นวล เด่นเป็นเด็กชายช่างฝัน ที่มีความคิดนอกกรอบ เด่นเป็นเด็กที่เคยเรียนหนังสือเก่ง แต่กลับไม่ชอบเรียนหนังสือ ชอบใช้ชีวิตในทุ่งนา อยากทำงานเก็บเงินเลยโดยที่ไม่ต้องเรียน ถ้า คูน เป็นตัวแทนของเด็กชายอีสานผู้เล่าเรื่องลูกอีสานให้เราฟัง เด่น ก็เป็นเด็กชายหลัก ผู้เล่าเรื่อง ขนำน้อยกลางทุ่งนา เล่มนี้ ภาษาสำนวนที่ใช้ในเล่มนี้มีความสละสลวย มีสถานการณ์ที่มาที่ไป เป็นนิยายที่อ่านได้ลื่นไหลกว่าลูกอีสาน (รสนิยมส่วนตัวนะ) เรื่องถูกแบ่งออกเป็นตอนขนาดไม่สั้นไม่ยาว แต่ละตอนจบลงในตัวของมันเองคล้ายเรื่องสั้น มันมีเรื่องราวของมันเองอยู่ หากแต่ว่าในแต่ละตอนก็ต่อเนื่องเชื่อมโยง พาเรื่องให้ดำเนินไปทีละน้อย ในเนื้อเรื่องยังมีตัวละครเปรียบเทียบอีกคนหนึ่ง คือบ่าว ทางบ้านของบ่าว แม่ไม่สนับสนุนให้เรียนหนังสือ แต่เจ้าตัวกลับขวนขวายใฝ่รู้ทั้งๆ ที่ลำบาก เด็กชนบท[…]