เรื่อง เดินเล่นบนหลังคาโลก ผู้แต่ง เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย สำนักพิมพ์ มติชน ราคา 105 บาท หนังสือเล่มนี้ดีตั้งแต่คำนำ!! ชื่อเรื่องก็บอก ว่าเป็นบันทึกความทรงจำในทิเบตของเพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย เพิ่งอ่านเนปาลประมาณสะดือมาหมาดๆ พอมาเจอ เดินเล่นบนหลังคาโลก เลยรู้สึกเหมือนได้ฟังนิทานเรื่องเดิม แต่เปลี่ยนคนเล่า เป็นคนเล่าที่มีลีลาการเล่าน่าฟังไม่น้อยไปกว่านักเล่านิทานคนแรกเสียด้วย แม้เพลงดาบไม่ได้เดินขึ้นเขาเอเวอร์เรส แต่ก็เฉียดๆ ได้รสและบรรยากาศใกล้เคียงกัน และถ้าให้ตั้งชื่อให้เข้ากัน คงต้องเป็นทิเบตประมาณตาตุ่ม ;P กว่าเดินเล่นบนหลังคาโลกจะเดินทางไปถึงโรงพิมพ์และกลายเป็นหนังสือในมือเรา เพลงดาบฯ ก็เขียนหนังสือมาแล้วหลายเล่ม (สุขสันต์วันธรรมดา เหยียบโลกเล่นไม่เห็นช้ำ เอนหลังอ่าน บุคคลไม่สำคัญของโลก เด็ดดอกไม้ริมทาง บันทึกคนเดินช้า ..) สำบัดสำนวนในเล่มนี้จึงกลมกล่อมนวลเนียนอ่านลื่นกว่าสองเล่มแรกที่เพิ่งรีวิวไป (บันทึกคนเดินช้า และสุขสันต์วันธรรมดา) เพลงดาบฯ เล่าประสบการณ์ท่องเที่ยว 7 วันในทิเบต แม้จะไม่โลดโผน ยากลำบากแบบวิธีเล่าของนิ้วกลม แต่เพลงดาบฯ ก็มีมุมมองดีๆ สวยๆ และอารมณ์ขัน บวกกับสำนวนดีอย่างที่ว่าแล้ว ทำให้หนังสือเล่มบางๆ เล่มนี้จบเร็วเกินทำใจ ตัวหนังสือของเพลงดาบฯ[…]

เรื่อง สุขสันต์วันธรรมดา ผู้แต่ง เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย สำนักพิมพ์ แพรวสำนึกพิมพ์ (สนพ. ในเครืออมรินทร์) ราคา 78 บาท ยกเซ็ตเพลงดาบฯ มาอ่านค่ะ .. แม้จะไม่ครบถ้วน แต่ก็หมดบ้านแล้วนะ .. สุขสันต์วันธรรมดา เป็นหนังสือเล่มแรกของเพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย แถมด้วยภาพประกอบฝีมือโน้ส อุดม (ปลาบปลื้มมาก) จำได้ว่าตอนเด็กๆ สมัยริอ่านเพลงดาบฯ ในวันนั้นเราชอบบันทึกคนเดินช้า ด้วยว่ามันพูดถึงความฝันและการเดินทาง โตขึ้นมาจนวัยใกล้จะแก่ กลับย้อนวัยไปชอบสุขสันต์วันธรรมดา ด้วยว่ามันพูดถึงชีวิตวัยเยาว์ คนเราก็มันจะชอบสิ่งที่เราทำหาย หรือยังหาไม่พบ วัยหมดฝัน หรือฝันจางรางเลือน ก็เลยย้อนกลับไปชอบเหตุการณ์ในวัยก่อฝันแทน สุขสันต์วันธรรมดา นับเป็นงานถอดบันทึกจากเรื่องราวจริงของเพลงดาบฯ (และเพื่อนๆ) ย้อนเวลาสมัยที่เธอยังเป็นนักศึกษา (คนอ่านเองก็จินตนาการย้อนวัยตัวเองตามไปด้วย) เรื่องหลายเรื่องดูเหมือนเรื่องสมมติ แต่เราทึกทักเชื่อเอาเองว่ามันต้องมีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงบ้างล่ะ แม้จะจะไม่เคยพบ ไม่เคยรู้จัก ไม่ได้เรียนที่เดียวกัน และไม่ได้เป็นนักศึกษาในยุคเดียวกัน แต่บางสถานการณ์ของเพลงดาบฯ ก็ชวนให้คิดถึงบางสถานการณ์ของเรา เรียกว่า ถึงเหตุการณ์จะไม่ซ้ำกัน แต่บางอารมณ์นั้นซ้ำแน่ๆ สุขสันต์วันธรรมดา มีความน่ารักสดใสมากกว่าบันทึกคนเดินช้า[…]

เรื่อง บันทึกคนเดินช้า ผู้แต่ง เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย สำนักพิมพ์ แม่ขมองอิ่ม (มติชนหนุนหลัง) ราคา 160 บาท แรกพิมพ์ บันทึกคนเดินช้าถือกำเนิดในมติชนสุดสัปดาห์ หน้า 14 หน้าเดียวกันกับที่เราได้รู้จักบินหลา (พี่จุ้ยและพี่จิกก็ได้ความความคิดให้เราอ่านในหน้าเดียวกันนี้ด้วย) ตัวหนังสือของเพลงดาบฯ มีรสเหงา .. เพลงดาบเปิดเล่มด้วยความเหงา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบันทึกเล่มนี้จะเหงาไปตลอดทั้งเล่ม บันทึกคนเดินช้า เป็นคอลัมน์จบในตอนคล้ายๆ กับของบินหลา แต่มีความเป็นผู้หญิงมากกว่า มีความอบอุ่น มีอารมณ์ขันแบบเบาๆ แล้วก็เหงานิดๆ เป็นความอบอุ่นแบบเจือความเบาๆ ของชีวิต เพลงดาบฯ เป็นแรงบันดาลใจสีน้ำสำหรับเรา จากเด็กผู้หญิงที่คะแนนวิชาศิลปะต่ำเตี้ยเรี่ยมีน เริ่มกล้าที่จะจับพู่กันระบายสีนอกห้องเรียนอีกครั้ง และเขยิบพัฒนามาเรื่อยๆ กลายเป็นศิลปะแขนงอื่นๆ สีอื่นๆ จนกล้าเพ้นท์ผนังในที่สุด (อย่าเข้าใจผิด ฝีมือไม่ได้ดีขึ้นหรอก แค่มั่นใจมากขึ้น) ก็ด้วยแรงบันดาลใจเริ่มต้นจากเพลงดาบฯ นี่แหละ เรื่องเล่าของเพลงดาบฯ เกือบทุกเล่มมีภาพประกอบเป็นสีน้ำและโปสการ์ด บางทีก็มาควบคู่กัน บางทีก็มาในรูปสมุดบันทึก และทั้งหมด มันมีอิทธิพลต่อเรา .. หนังสือที่เข้ามาในช่วงวัยรุ่น[…]

เรื่อง บินทีละหลา ผู้แต่ง บินหลา สันกาลาคีรี สำนักพิมพ์ มติชน ราคา 155 บาท บินทีละหลา แตกต่างจากหลังอานนิดหน่อย เพราะบินทีละหลา เป็นเล่มที่บินหลาจำพรรษาหน้าฝน หยุดพักจากการเดินทางท่องโลก มาเดินทางท่องใจตัวเอง รำลึกถึงการเดินทางนานาครั้งที่ผ่านมา สำหรับหลังอาน บินหลาเล่าทริปยาวๆ เป็นภาพต่อเนื่องกันไปในแต่ละตอน แต่เล่มนี้บินหลาเดินทางอยู่กับที่ หยิบยกเหตุการณ์ต่างสถานที่ ต่างวาระมาเล่าเป็นตอนๆ ไม่เกี่ยวเนื่องกัน เล่าการท่องเที่ยวตลอดชีวิต ที่ไม่มีจุดหมายปลายทาง มีเพียงเหตุการณ์และสถานการณ์ ขยำ ยำ ปรุง ในรสชาติแบบบินหลา พร้อมเสิร์พเป็นตอนๆ อันว่าด้วยความหมายของการท่องเที่ยวมากกว่าจุดหมายที่ใดที่หนึ่ง แม้จะเป็นประสบการณ์การเดินทางแบบเป็นต่อนๆ ไม่ต่อเนื่อง บินหลายังสามารถเขยิบดีกรีสร้างความเร้าใจให้เพิ่มขึ้นในทุกตอนได้แบบเดียวกันกับ ‘ลองทริป’ นับเป็นลีลาการเล่าอันร้ายกาจเฉพาะตัวจริงๆ ตัวหนังสือของบินหลามีความรู้สึก คำบรรยายบั้งรอกใหญ่ในแบบของบินหลา และบางบท บางย่อหน้า ก็อ่านแล้วจี๊ดๆ ในหัวใจ อ่านบินหลามาตั้งแต่หัดมีฝัน จวบจนบัดนี้ผ่านมาหลายสิบปี บางฝันก็ยังคงเป็นแค่ฝันอยู่ แต่การใช้บินหลามากวนตะกอนฝันอีกครั้ง มันก็คันๆ หัวใจดีพิลึก ปล.[…]

เรื่อง หลังอาน ผู้แต่ง บินหลา สันกาลาคีรี สำนักพิมพ์ มติชน ราคา 140 บาท เราอ่านหนังสือเล่มนี้มาตั้งแต่ยังขี่จักรยานไม่เป็น แม้เมื่อตอนมาหัดจักรยานในวัยสามสิบ ก็ยังไม่ได้นึกถึงบินหลา แต่คาดว่าคงมีบางส่วนเสี้ยวที่ค้างคาอยู่ในจิตใต้สำนึก ที่ทำให้เราหัดมันจนสำเร็จ พฤติกรรมขี่จักรยานท่องเที่ยวของคนยุคนี้ ต้องมีบางคน .. หลายๆ คน ที่มีบินหลาเป็นไอดอล ก่อนที่จักรยานจะมาฮอตฮิต สุดเท่ สุดชิคอย่างในยุคสมัยนี้ ย้อนไปเกือบ 20 ปีก่อน ชายร่างอวบคนหนึ่งเคย “ลาออก” ไปปั่นนำเทรนด์คนไทยทั้งประเทศมาแล้ว!! ถ้ายุคนี้เห่อนิ้วกลมกัน ยุคเราต้องเห่อพี่จุ้ย เพลงดาบฯ และบินหลา ชายผู้ทำความฝันให้เป็นความจริงได้ด้วยการปลดเปลื้องพันธนาการตามขนบสังคมเมือง บ้าน รถ และงานประจำ ความฝันที่ใครๆ ก็อยากละทิ้ง ไปมีชีวิตตามใจต้องการ หลายคนฝัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำสำเร็จ บินหลา สันกาลาคีรี ทำให้เราดูแล้ว บินหลาไม่ใช่คนที่ขี่จักรยานเก่ง ไม่ใช่คนที่มีแรงบันดาลใจแก่กล้า เป็นแค่คนธรรมดาที่ฝันสูง แล้วก็กลับกลัวที่จะทำตามฝันนั้น เหมือนคนทั่วๆ[…]

เรื่อง เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม ผู้แต่ง โมริ เอโตะ ผู้แปล วิยะดา คาวางุจิ สำนักพิมพ์ JBOOK ราคา 145 บาท “ผม” คือวิญญาณที่ทำบาปมหันต์จนไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้อีก แต่เขาเกิดได้รับรางวัลจับฉลากจากบนสวรรค์ ที่ทำให้เขามีโอกาสกลับไปแก้ตัวที่โลกมนุษย์อีกครั้ง ไม่ใช่การไปเกิดใหม่ แต่เป็นการไปอาศัยร่างของมนุษย์ที่เพิ่งตาย และนับจากนี้ “ผม” คือโคบายาชิ มาโคโตะ ผู้ซึ่งครอบครัวมีปัญหาแบบสุดๆ และผมจะต้องอยู่ในร่างนี้ กับครอบครัวนี้ ไปจนกว่าความทรงจำเมื่อครั้งก่อนตายได้กลับคืนมา “ผม” ได้มาอาศัยอยู่ในบ้านของมาโคโตะ ครอบครัวสุดมีปัญหาของมาโคโตะ .. ทุกๆ คนล้วนมีแต่สิ่งที่น่าคลางแคลงใจ ยากที่จะทำใจให้รักและภูมิใจที่ได้อยู่ในครอบครัวแบบนี้จริงๆ เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม เป็นหนังสือที่สนุก ชวนติดตาม ค้นหาคำตอบว่าในท้ายที่สุด “ผม” จะเปลี่ยนชีวิตของมาโคโตะได้ไหม แท้ที่จริงแล้ววิญญาณในร่างของมาโคโตะคนนี้คือใคร และทำบาปอะไรมากันแน่ “ใครๆ ในโลกนี้อาจจะมีชีวิตอยู่โดยเข้าใจคนอื่นผิด หรือถูกใครบางคนเข้าใจผิดไป” มนุษย์ ไม่ได้มีแค่สีดำกับสีขาว แต่เป็น colorful ต่างหาก หนังสือเล่มนี้ดองอยู่บนชั้นร่วมหลายปีแล้ว (ตั้งแต่ สนพ.[…]

เรื่อง ตลอดกาลน่ะนานแค่ไหน ผู้แต่ง เถี่ยหนิง ผู้แปล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำนักพิมพ์ นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์ ราคา 135 บาท คำนำได้ตอบคำถามเราว่า สาเหตุที่นางเอกในยุคโบราณ ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เสมอ ก็คงเพราะเธอเป็นคนดีนี่เอง? ไป๋ต้าสิ่ง เป็นเด็กผู้หญิงแบบที่พวกผู้ใหญ่เรียกเธอว่า “เหรินอี้” หมายถึงมีคุณธรรม เธอเป็นเด็กที่ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบได้โดยไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่กล้าแม้แต่ที่จะคิดทำอะไรไม่ดีๆ เธอแอบรักผู้ชายคนหนึ่ง แต่สิ่งที่เธอทำต่อหน้าเขาคือ ทำตัวให้เรียบ เก็บตัวให้เงียบที่สุด เหมือนว่าไม่มีเธออยู่บริเวณนั้น เธอรัก ทุ่มเทในรัก แล้วความรักก็จากไป คนเรา เมื่อเอาเปรียบคนอื่นได้ แทนที่จะพอใจ ก็กลับได้ใจและเอาเปรียบเขาเพิ่มขึ้น แล้วไป๋ตาสิ่งก็เป็นคนที่ถูกใครๆ เอาเปรียบตลอดมา .. ด้วยความเต็มใจของเธอเอง ระหว่างที่อ่านเรื่องนี้ ความคิดแปลกๆ ที่ตอบตัวเองไม่ได้ก็วนๆ เวียนๆ อยู่ในหัว คนที่เป็นคนดีนี่ แท้ที่จริงแล้วเขาดีจากเนื้อในจริงๆ หรือดีเพราะไม่กล้าเป็นคนเลว ไม่กล้าทำผิดกรอบจารีตประเพณี เพราะกลัวคนอื่นจะว่า กลัวผลจากความเลวจะมาถึงตัว แล้วคนที่ดีเพราะอยากดี กับคนดีเพราะไม่อยากเลวนี่ ดีเหมือนกันไหม[…]

เรื่อง ก็องดิด ผู้แต่ง วอลแตร์ ภาพประกอบ มอโร เลอ เฌิน ผู้แปล วัลยา วิวัฒน์ศร สำนักพิมพ์ มติชน ราคา 170 บาท ก่อนหน้านี้ เราได้รู้จักเศษเสี้ยวของวอลแตร์ผ่านประวัติศาสตร์ปรัชญา ฉบับกะทัดรัดไปแล้ว ต่อมายังเล่มนี้ เราจะทำความรู้จัก (ความคิดของ) เขาเพิ่มมากขึ้นผ่านทางนิยายของเขา ก็องดิดเป็นปรัชญนิยาย คือนิยายที่ว่าด้วยปรัชญา ขึ้นต้นมาอย่างนี้ก็น่ากลัวเกินจะอ่านแล้ว .. จะยากไหม จะอ่านเข้าใจไหมเนี่ยะ? ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่า ในเล่มนี้มีบทวิเคราะห์ในตอนท้าย บทวิเคราะห์ท้ายบทนี้จะช่วยอธิบายความคิดของวอลแตร์ขณะเขียนเรื่องก็องดิด เราได้มองเห็นสภาพสังคม ความรู้สึกนึกคิด มุมมองของคนร่วมสมัยกับวอลแตร์ นิยายเสียดสีสังคมคงอ่านไม่สนุก ถ้าเราไม่รู้ว่าเขาเสียดสีอะไร ซึ่งท้ายบทนี้ช่วยได้มาก สารภาพกันซื่อๆ เลยว่า เราเปิดท้ายบทอ่านก่อนเริ่มต้นเนื้อหาบทแรกเสียอีก หนังสือเล่มนี้เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวชายหนุ่มแบ๊ว โลกสวย ผู้มีนามว่าก็องดิด หนังสือเล่มบางๆ ได้บอกเล่าชีวิตของเขาตั้งแต่เริ่มต้นวัยหนุ่ม (และพกพาความแบ๊วมาแต่กำเนิด) ชีวิตเขาได้ผ่านประสบการณ์ เหตุการณ์ร้ายแรงหลายอย่าง ได้เรียนรู้ชีวิต ได้ประสบชะตากรรม ตกยาก ทุกข์ทน[…]

เรื่อง ประวัติศาสตร์ปรัชญา ฉบับกะทัดรัด ผู้แต่ง ไนเจล วอร์เบอร์ตัน ผู้แปล ปราบดา หยุ่น และรติพร ชัยปิยะพร สำนักพิมพ์ ไต้ฝุ่น ราคา 320 บาท เชื่อว่า ในช่วงที่เราเริ่มเป็นวัยรุ่น หลายคนคงเคยครุ่นคิดถึงความเป็นตัวเอง คิดถึงความเป็นมนุษย์ คิดหาคำตอบเกี่ยวกับการเกิด การมีชีวิต การตาย และชีวิตหลังความตาย ไม่รู้คนอื่นเป็นหรือเปล่า แต่สำหรับเรา .. เมื่อเติบใหญ่ขึ้น ช่วงเวลาแบบน้อยค่อยๆ ลดลงและหายไป หนังสือเล่มนี้ ดึงเรากลับมาถกปัญหานั้นอีกครั้ง .. เราได้คุยกับตัวเอง .. นั่งอ่านไป ก็ทะเลาะกับตัวหนังสือไป ถก เถียง คัดค้าน หรือไม่ก็นั่งพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วย นานมาแล้วที่เราไม่ได้มานั่งวิเคราะห์ ทบทวนตัวเอง เราโตขึ้น และข้างในของเราก็เปลี่ยนแปรไปตลอดเวลา เป็นการดีไหม .. ถ้ามีสักช่วง ที่เราจะกลับมาตรวจสอบสภาพจิตใจ ตรวจวัดความนึกคิด ความคิดเห็นที่เรามีต่อสิ่งต่างๆ[…]

เรื่อง กาลครั้งหนึ่งกับเด็กหญิงนักประวัติศาสตร์ศิลป์ ผู้แต่ง เหมือนฝัน คุณาวงศ์ สำนักพิมพ์ อมรินทร์ ISBN 9789747808995 ราคา 209 บาท หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มหนึ่งในหลายเล่มของเรา .. ที่หยิบมาอ่านแล้วอ่านไม่จบ ตอนที่ซื้อหนังสือเล่มนี้ ใจเราเหมาเอาเองว่ามันจะบอกเล่าเกี่ยวกันประวัติศาสตร์ศิลป์ด้วยภาษาง่ายๆ พอเริ่มอ่าน แล้วเจอการเล่าเรื่องแบบความเรียงกึ่งบันทึกของเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่เดินทางไปเรียนต่อประวัติศาสตร์ศิลป์ที่อังกฤษ เราเลยช็อตไปรอบนึง เก็บหนังสือขึ้นหิ้งไปร่วมปี ตอนนี้จูนเครื่องใหม่ก่อนอ่านแล้วค่ะ เปิดใจกว้างๆ แล้วไปตามติดชีวิตหนูน้อยคนนี้กันค่ะ แม้จะเริ่มต้นได้ไม่ค่อยดีเท่าไร (ในความอคติของเราเอง) แต่การเล่าด้วยภาษาเด็กๆ ไม่มีชั้นเชิง เห็นอะไรก็เล่าตรงๆ ทื่อๆ แต่นั่นก็มีมุมดีๆ มุมใสๆ ซ่อนอยู่ บันทึกเล่มนี้ บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่เด็กหญิงดรีมออกเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ บันทึก เริ่มต้นด้วยความตื่นเต้น ดี๊ด๊า ตื่นตาตื่นใจต่อโลกใหม่ .. คนเล่าสดใส โลกก็สดใส และเป็นเพราะเล่ากันตั้งแต่เริ่มต้นเลยนี่เอง เราจึงได้เริ่มเรียนประวัติศาสตร์ศิลป์ไปพร้อมๆ กับเด็กหญิงดรีมด้วย ถ้าจะพูดให้ชัด เนื้อหาในเล่มเล่าประวัติศาสตร์ศิลป์ได้ไม่ค่อยดีเท่าไร (คือหวังตรงนี้เอาไว้เยอะไง) ไม่มีหมวดหมู่ ไม่มีที่มาที่ไป มีภาพประกอบบ้างบางส่วน[…]