เรื่อง สไปรัล พันธุ์อาถรรพ์ ผู้แต่ง ซุสุกิ โคจิ ผู้แปล น้ำทิพย์ เมธเศรษฐ สำนักพิมพ์ JBOOK (สำนักพิมพ์ในเครือ อิมเมจ) ราคา 190 บาท ในตอนจบของริง คำสาปมรณะนั้น เป็นตอนจบที่ตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ในตอนต้นเรื่องได้กระจ่างแจ้ง แต่มันกลับเป็นปัญหาใหม่ จบคำถามหนึ่งด้วยอีกคำถามหนึ่ง นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ริงฯ มีภาคต่อ .. สไปรัล พันธุ์อาถรรพ์ คำเตือน : เนื้อหาในภาคนี้ สปอยล์ตอนจบของริง คำสาปมรณะบางส่วน ทาคายามะ ริวจิ ชายผู้เป็นเพื่อนกับอาซาคาว่า และช่วยเขาไขปริศนาของซะดะโกะได้อย่างกระจ่างแจ้ง ใน ริง คำสาปมรณะ นั้น กำลังนอนเป็นศพอยู่บนเตียงผ่าศพในขณะนี้ อย่างที่รู้ เขาตายในตอนจบของริงนั่นเอง ตายด้วยสาเหตุเดียวกันกับวัยรุ่นทั้งสี่ตอนต้นเรื่อง! คำสาปยังอยู่!! หญิงสาวผู้พบศพ คือทาคาโนะ ไม นักศึกษาภาควิชาปรัชญา ลูกศิษย์ที่มีความตั้งใจ และมีสมองล้ำเลิศของเขานั่นเอง[…]

เรื่อง ริง คำสาปมรณะ ผู้แต่ง ซุสุกิ โคจิ ผู้แปล น้ำทิพย์ เมธเศรษฐ สำนักพิมพ์ อิมเมจ ราคา 170 บาท อ่านจิตกาธานหนแรกแล้วก็ชวนให้คิดถึงเดอะริง เป็นเพราะว่าแรกเริ่มเดิมที เราเริ่มต้นหยิบเดอะริงซีรี่ส์ (ทั้ง 4 เล่ม) มาอ่านจบก่อนจิตกาธาน นิยายสองเรื่องเข้ามาในชีวิตเราไล่ๆ กัน พออ่านจบทั้งสองเรื่อง เรากลับรู้สึกว่านิยายสองเรื่องนี้มีความคล้ายกันยังไงไม่รู้ เป็นนิยายสยองขวัญเหมือนกัน .. อันนั้นใช่ แต่ความเหมือนยังมีมากกว่านั้นอีก คือใส่ความเป็นวิทยาศาสตร์เข้ามาในนิยายสยองขวัญ เป็นเรื่องของปีศาจความกลัวที่คืบคลานมาหาเราผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ใช้สื่อวิทยุ โทรทัศน์ VDO เป็นการแพร่พันธุ์ความกลัวให้กระจายออกไปสู่คนอื่นๆ ในวงกว้าง เนื้อเรื่องกดดัน เล่นกับความกลัวของคนอ่าน (อันนี้เป็นสูตรเฉพาะของนิยายแนวนี้ ไม่นับ) แต่นั่นแหละ เราว่านิยายสองเรื่องนี้คล้ายกัน (เนอะ) เรื่องย่อของ “ริง คำสาปมรณะ” หรือ “เดอะริง” เป็นเรื่องราวสยองขวัญที่น่าจะกลายเป็นอมตะไปได้แล้ว คนส่วนมากก็รู้เรื่องราวของมันกันมาแล้วทั้งนั้น[…]

เรื่อง จิตกาธาน ผู้แต่ง สรจักร สำนักพิมพ์ มติชน ราคา 210 บาท เราอ่านจิตกาธานครั้งแรกตอนเรียนมหาวิทยาลัย จำได้ว่าหลังอ่านจบ เรายังหลอนติดต่อกันไปอีกหลายวัน แม้มันจะมิใช่นิยายผีแต่ประการใด อ่านหนังสือเล่มนี้จบในครั้งนั้น ก็คืนหนังสือให้แก่ร้านหนังสือที่เราเช่ามาอ่านตามปกติ แต่ก็ยังอดคิดถึงจิตการธานอยู่เรื่อยๆ ประทับใจยืนยาวมาหลายปี พอเติบโต เริ่มมีกำลังทรัพย์ และเริ่มสะสมหนังสืออย่างเป็นล่ำเป็นสันยิ่งขึ้น เรากลับหาจิตกาธานไม่พบอีกเลย จวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ สำนักพิมพ์มติชนได้หยิบจิตการธานกลับมาพิมพ์ซ้ำอีกครั้ง และเราก็รีบแสดงความเป็นเจ้าของทันทีหนึ่งเล่ม .. และหนังสือเล่มที่ว่านั้น ก็เริ่มปลุกความหลอนของเราขึ้นอีกรอบ “ยิ่งดำดิ่งลงไปค้นหาต้นเหตุและพัฒนาการของความผิดปกติในจิตมากเท่าใด เราก็จะยิ่งค้นพบความเกี่ยวพันระหว่างโรคกับผลผลิตอื่นๆ อันเกิดจากการทำงานภายในสมองมนุษย์มากเท่านั้น เราต้องยอมรับความจริงไว้เสมอว่า ระหว่างอารยธรรมอันสูงส่ง กับความกดดันที่มนุษย์เผชิญในสิ่งแวดล้อมที่เป็นจริง มนุษย์ไม่เคยพอใจสภาพที่ดำรงอยู่ เขาจึงจำต้องสร้างจินตนาการแบบตนถึงพอใจเก็บไว้ในใจเสมอ เพื่อเป็นการชดเชยสิ่งที่ขาดไป เป็นการตอบสนองความสุขทางใจ แม้จินตนาการจะเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่สิ่งเพ้อฝันเหล่านี้ยังประกอบด้วยความจริงบางประการ ที่เป็นองค์ประกอบของบุคลิกภาพของบุคคล และมีแนวโน้มของความเป็นจริงที่ถูกเก็บกดไว้ ผู้ที่ขยันขันแข็งและประสบผลสำเร็จ คือผู้ที่รู้จักแปลงจินตนาการเพ้อฝันเหล่านี้ให้กลายเป็นจริงด้วยการทำงาน ส่วนผู้ที่อ่อนแอไม่สามารถเผชิญปัญหาอุปสรรคภายนอกก็จะยึดติดอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ กลายเป็นคนที่มีความคิดฟุ้งซ่าน เขาจะเชื่อมโยงจินตนาการเข้ากับความเป็นจริง (จนไม่อาจจำแนกจากกันได้) และถอยหลังกลับสู่วัยเด็ก …”                                                                                                           […]

เรื่อง สองฝั่งคลอง ผู้แต่ง ว.วินิจฉัยกุล สำนักพิมพ์ ทรีบีส์ (สนพ. ในเครือ สนพ.อักษรโสภณ) ราคา 390 บาท สองฝั่งคลอง เป็นนิยายพีเรียดที่เนื้อหาค่อนข้างจะทันสมัยทีเดียว เรื่องราวเกิดขึ้นในปลายรัชสมัย รัชกาลที่ 6 ค่านิยมส่วนมากยังนิยมให้เด็กผู้หญิงฝึกเรื่องการบ้านการเรือนมากกว่าจะให้ไปเรียนหนังสือ ทับทิมเอง ก็เติบโตขึ้นในบ้านที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บ่าวไพร่ และแม้แต่ญาติพี่น้องหลายๆ คน ก็ยังไม่เห็นดีเห็นงามกับการส่งลูกสาวไปเรียนหนังสือ โชคยังดี ที่เด็กกำพร้าแม่ หน้าตาไม่สะสวยอย่างทับทิมได้รับความเมตตาจากคุณปู่คุณย่า ให้ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนฝรั่งนำสมัย เด็กหญิงทับทิมในตอนนั้น ซึ่งฉลาดเกินวัย และรักการอ่านหนังสือ จึงมีชีวิตวัยเด็กที่ค่อนข้างสงบสุขพอประมาณ อาจารย์วินิตาบรรยายความงามของฉากธรรมชาติ และบ้านเรือนในสมัยโบราณไว้อย่างสวยงามจนเราเห็นเป็นภาพได้ และเมื่อเป็นภาพที่สร้างจากภาพจริงๆ ที่อาจารย์ได้ฟังจากมารดาของท่านเองตั้งแต่ยังเด็ก ยิ่งทำให้ภาพนั้นเป็นดังภาพประวัติศาสตร์ที่เราล้วนเกิดไม่ทัน (แต่อาจจะมีความรู้สึกร่วมในตอนที่ได้ฟังคุณย่าคุณยายเล่าถึงอดีตบ้างเหมือนกัน) ทั้งหมดนี้ ทำให้ภาพของทับทิม และภาพบ้านเรือนแถวคลองสาน สมัยปลายรัชกาลที่ 6 และเรื่อยมานั้นปรากฏขึ้นในมโนภาพของเรา นอกจากนี้ อาจารย์วินิตายังได้บันทึกเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เอาไว้ในเรื่องด้วย บันทึกเอาไว้ด้วยสายตาของไพร่ฟ้าประชาชนในบ้านใหญ่หลังหนึ่ง สภาพธรรมชาติที่ใสสะอาดของบ้านริมคลองในยุคนั้น สัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์[…]

เรื่อง โคลงกลอนของครูเทพ รวมเล่ม 1 – 3 ผู้แต่ง ครูเทพ (เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี) สำนักพิมพ์ ผีเสื้อ (ดวงกลมสมัยจัดจำหน่าย) ราคา 493 บาท (ฉบับปกอ่อน พิมพ์ครั้งที่ 3 พฤศจิกายน 2556) (ฉบับปกแข็ง ต้องสั่งจองตามรายละเอียดนี้ค่ะ) หลังจากได้รับหนังสือโคลงกลอนของครูเทพ ฉบับปกแข็งมาเมื่อประมาณครึ่งเดือนก่อน หยิบๆ วางๆ ด้วยความปลาบปลื้มอยู่หลายวัน แต่ก็ไม่กล้าตัดใจเอามาอ่านเสียที สุดท้ายจึงตัดสินใจที่จะซื้อฉบับปกอ่อนไว้สำหรับอ่านอีกที หนังสือเล่มนี้ เราไม่ได้อ่านรวดเดียวจบ หากแต่ค่อยๆ ละเลียดอ่านสลับไปกับการอ่านหนังสือเล่มอื่นๆ โคลงกลอนบทแรกของครูเทพ เป็นโคลงดั้นบาทกุญชร (ไม่ได้รู้เองหรอกค่ะ มีวงเล็บบอกไว้ในหนังสือ) (คล้ายๆ โคลงสี่สุภาพ มีความต่างกันเพียงบางส่วน .. เราเองก็เพิ่งรู้จากกูเกิ้ล ;P) โคลงบทแรกของเล่ม เป็นโคลงบทสดุดีพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรี นับแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จวบจนถึงรัชกาลปัจจุบันในสมัยนั้น (รัชกาลที่ 7 ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง)[…]

เรื่อง เหมือนแม่ครึ่งหนึ่งก็พึงใจ ผู้แต่ง กลุ่มกระดาษพ่อดินสอแม่ สำนักพิมพ์ ฤดูร้อน ราคา 95 บาท เหมือนแม่ครึ่งหนึ่ง..ก็พึงใจ เล่มนี้เองคือจุดเริ่มต้นของ “แม่เภา” ที่เราเพิ่งอ่านจบไปเล่มที่แล้ว หนังสือเล่มนี้มิใช่นิยาย หากแต่เป็นบทละครแท้ๆ ล้วนๆ แบบเดียวกันกับที่ใช้ในละครเลยทีเดียว ในตอนที่แม่เภาเป็นละคร เราไม่ได้ดูหรอก และตอนที่บทละครของแม่เภากลายเป็นหนังสือ ก็ยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ เพิ่งมาได้รู้จักกับแม่เภาเอาตอนรวมเล่มไปอย่างที่เคยเล่าน่ะแหละ ครั้งนั้น เมื่อตอนที่เราได้อ่านแม่เภาครั้งแรก ก็ได้ชื่นชมอย่างออกหน้าออกตาใน facebook เพื่อนคนหนึ่งรู้เข้า จึงได้ส่งหนังสือเล่มนี้มาให้ หนังสือที่มีคุณค่า และน่าจะหาอ่านได้ยากเต็มที ต้องขอบคุณเพื่อนจริงๆ สำหรับหนังสือเล่มนี้จ้ะ จากวันนั้น เราก็ยังดองหนังสือเล่มนี้จนเปรี้ยวเค็มอยู่บนชั้นหนังสือเกินพอดีมาเป็นปี .. ออกจะเกรงใจเพื่อนที่ให้มาอยู่เหมือนกัน ด้วยว่าช่วงนั้นห่างหายจากหนังสือไปนาน หยิบเล่มไหนมาก็ไม่อยากอ่านไปเสียหมด (คาดว่าคงเป็นลูปหนึ่งของชีวิต) และแล้ว .. เราก็กลับมาอ่านเป็นบ้าเป็นหลังอีกครั้ง และก็ยังคิดถึงหนังสือเล่มนี้อยู่ตลอด และแล้ว .. เมื่อฤกษ์งามยามดี ทุกอย่างลงตัว .. ท่าทางถึงเวลาที่รอคอยนั้นแล้วสิคะ ..[…]

เรื่อง แม่เภา ผู้แต่ง ประภาส ชลศรานนท์ สำนักพิมพ์ เวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง จำกัด ราคา 79 บาท จากที่วัยเด็ก เคยไม่ประทับใจสุธีมาก่อน .. ดังนั้น แม้ว่าเราจะเคยเห็นแม่เภามาก่อน แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำความรู้จักกันแม้สักครั้ง จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่กำลังนั่งรอลูกสาวเรียนวาดรูป .. แม่เภาก็เข้ามาทำความรู้จักกับเรา การได้รู้จักกับแม่เภาในครั้งนั้น เปลี่ยนทัศนคติที่เรามีต่อแม่เภาโดยสิ้นเชิง หรือถ้าพูดให้ถูก ต้องบอกว่า เปลี่ยนทัศน (อ) คติ ที่เรามีต่อตัวหนังสือของคุณประภาสโดยสิ้นเชิง แม่เภามีอิทธิพลถึงเพียงนั้น!! หลังจากพบกันครั้งนั้น เราก็เริ่มอยากจะสนิทสนมกับแม่เภามากขึ้นไปอีก แน่นอนค่ะ จุดนัดพบของเราอยู่ที่งานหนังสือที่ใกล้จะถึงในช่วงนั้นนั่นเอง .. แต่ว่าหลังจากที่พาแม่เภากลับมาถึงบ้านแล้วนั้น เรากลับไม่ได้พูดคุยกับแม่เภาอีกเลย รู้สึกผิดอยู่นิดหน่อย มาวันนี้เลยอยากจะพาแม่เภามาทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ค่ะ แม่เภาคือตัวละครตัวหนึ่งในละครเรื่อง “เหมือนแม่ครึ่งหนึ่งก็พึงใจ” ที่เคยฉายในช่วงวันแม่แห่งชาติมาก่อน บุคลิกของแม่เภามีลักษณะเฉพาะตัวมาก จนทำให้คนจดจำและคิดถึงอยู่เสมอ หลังจากนั้น คุณประภาสจึงได้นำแม่เภามาช่วยในการตอบจดหมายในคอลัมน์ในมติชน โดยที่นานๆ ทีแม่เภาจะปรากฏตัวสักครั้ง[…]

เรื่อง รวมเรื่องสั้นชุด “สุธี” ผู้แต่ง ประภาส ชลศรานนท์ สำนักพิมพ์ เวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง จำกัด ราคา 100 บาท ตอนเด็กๆ เคยหลงซื้อหนังสือชื่อแปลกมาเล่มหนึ่ง หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า “ขอชื่อสุธีสามสี่ชาติ” ซื้อมาตั้งแต่ยังไม่รู้จักผู้ชายที่ชื่อประภาส ชลศรานนท์เลย แต่ซื้อมา .. แล้วก็ได้แต่วางเฉยๆ สุธีไม่ถูกจริตกับเด็กผู้หญิงวัยประถมและมัธยมต้นสักที วันเวลาผ่านเลย แล้วสุธีก็หายไป วันเวลาผ่านเลยอีกครั้ง ชีวิตมีโอกาสได้รู้จักกับวงดนตรีที่มีชื่อว่าเฉลียง เริ่มรู้จักจากเพลงก่อน เพลงที่มีลักษณะเฉพาะ แบบที่มีลูกเล่นทางความคิด จากนั้น จึงค่อยๆ รู้จักสมาชิกในวงทีละคน เริ่มจากพี่จุ้ยก่อนเลย เพราะพี่จุ้ย นอกจากจะร้องเพลงแล้ว เรายังสนิทกับงานเขียนของพี่จุ้ยอีกหลายเรื่อง จากนั้น จึงขยับขยายมารู้จักผู้ที่เขียนเพลงให้กับเหล่าเฉลียง และนั่นเอง คือหนทางที่ทำให้เรารู้จักกับผู้ชายที่ชื่อประภาส ชลศรานนท์ โดยส่วนตัว ไม่เคยอ่านหนังสือของคุณประภาสได้จบเล่มเลย ชุดตอบจดหมาย อาทิแมงกะพรุนถนัดซ้าย มะเฟืองรอฝาน ฯลฯ ก็ไม่เคยอ่านจริงจัง เปิดผ่านๆ[…]

เรื่อง เพลงดวงดาว ผู้แต่ง วาวแพร สำนักพิมพ์ หนังสือเยาวชน (ปัจจุบันจัดจำหน่ายในนามสำนักพิมพ์ผีเสื้อ) ราคา 40 บาท ขอบคุณคุณน้าผู้มอบหนังสือเล่มนี้เป็นของขวัญให้เรา เมื่อ 24 ปีก่อน อยากรู้จัง ว่าผู้ใหญ่ที่เขียนเรื่องของเด็กๆ ด้วยสำนวนและวิธีคิดของเด็กๆ เองนั้น เขามีกล่องเก็บความทรงจำวัยเด็กเอาไว้ตรงไหนกันนะ เนื้อเรื่องถึงได้เข้าอกเข้าใจเด็กๆ ได้ขนาดนั้น .. เพลงดวงดาวเป็นหนังสือที่เหมาะกับเด็กๆ (ไม่ว่าจะอ่านเองหรือผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง) เพราะนอกจากจะมีเนื้อหาน่ารัก มีจินตนาการเต็มเปี่ยม .. วาวแพรยังแทรกเนื้อหาที่สอนให้เด็กๆ ทำความดี ด้วยมุมมองของเด็กๆ เอง ความดีไม่ใช่สิ่งที่เข้าใจยาก ไม่ใช่เรื่องที่ต้องฝืนทำ แต่เป็นสิ่งที่เราทำได้ตลอดเวลา เป็นเรื่องง่ายๆ ที่แม้แต่เด็กๆ ก็ทำได้ เพลงดวงดาวเป็นหนังสือที่นอกจากจะเหมาะกับเด็กๆ แล้ว ยังเหมาะกับว่าที่คุณแม่ หรือคุณแม่มือใหม่อีกด้วย เหตุผลก็คือ เพลงดวงดาวจะช่วยทบทวนความรู้สึกนึกคิดแบบเด็กๆ ความละเอียดอ่อนของหัวใจเด็ก ที่เราต่างก็เคยมี แต่หลงลืมกันไปเกือบหมดแล้ว สิ่งที่ได้จากเพลงดวงดาว จะทำให้เราคิดก่อนจะประพฤติปฏิบัติกับเด็กๆ อย่างที่เคยชิน ..[…]

เรื่อง ข้างหลังภาพ ผู้แต่ง ศรีบูรพา สำนักพิมพ์ ดอกหญ้า ราคา 95 บาท หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ของเราแต่แรกหรอกค่ะ เล่มของเราหายสาบสูญไปแล้ว เล่มนี้ไปซื้อของเก่ามือสองมาเนียน ;P ข้างหลังภาพ เป็นอีกหนึ่งหนังสือที่เริ่มต้นด้วยความน่าเบื่อ (น้อยกว่าเวลาหน่อยนึง) ถูกบังคับอ่านเพราะเป็นหนังสือนอกเวลาเหมือนกัน แถมยังหลงรักหลังมันหลังอ่านจบเหมือนกันด้วย!! เล่มนี้โชคดีกว่าหน่อยนึงค่ะ ตรงที่ในช่วงที่ครูให้อ่าน .. ห้องสมุดโรงเรียนจัดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้พอดี เป็นเวอร์ชั่นของพี่หนุ่ย อำพล กับนาถยา แดงบุหงา แต่ขอบอก หนังก็เนิบนาบน่าเบื่อ และใช้ภาษาโบราณพอกัน โชคดีที่มันจบภายในสองชั่วโมง และนั่นก็เปลี่ยนความรู้สึกของเราที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ทันที (อันที่จริงแล้วก็จำไม่ได้เหมือนกันว่า ตกลงแล้วอ่านจบก่อนหรือดูหนังจบก่อนกันแน่) ผ่านเวลาล่วงเลยมาหลายปี หยิบข้างหลังภาพมาอ่านอีกครั้ง ระหว่างอ่านหนนี้ ไม่นึกอิ่มเอมเหมือนที่เคยเป็น วันเวลาเปลี่ยน ค่านิยมเปลี่ยน อ่านแล้วก็ค้านความรู้สึกจนต้องคอยบอกตัวเองว่า .. อ่านอย่างเป็นวรรณกรรมเถิด อย่าอ่านด้วยคำตัดสิน อย่าเอาค่านิยมยุคนี้ไปตัดสินคนยุคก่อนเลย ก็ค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าถามว่า แล้วรักหนังสือเล่มนี้น้อยลงหรือ ก็คงต้องตอบว่าเปล่าเลย ในการอ่านครั้งนี้ เรายังรักในความเฉลียวฉลาดของคุณหญิงกีรติ[…]