เรื่อง daylight ’till nighttime : วันยันค่ำ ผู้แต่ง กรกฎ พัลลภรักษา สำนักพิมพ์ ฤดูร้อน ราคา 150 บาท วันยันค่ำ เป็นหนังสือที่ถือกำเนิดมาไล่ๆ กับไม่ซ้ำหน้าค่ะ ปกเล่มต่อมาของกรกฎยังคงเตะตาเราเช่นเคย (และก็จำเนื้อหาภายในเล่มไม่ได้เช่นเคย) มาค่ะ เราจะเล่าให้เหมือนอ่านเป็นครั้งแรกเลยทีเดียวเชียว ;P ตัวหนังสือของกรกฎในเล่มนี้เป็นกันเองคล้ายสมุดบันทึก แต่ละบทจะเล่าเรื่องราวในท้องถิ่นต่างๆ และท้ายบทมีรายละเอียดทริปทิ้งท้ายไว้ให้ วันยันค่ำ เปิดเรื่องมาด้วยการท่องเที่ยวแบบอกสั่นขวัญแขวนที่สุดเท่าที่เคยอ่าน จำไม่ได้เลยว่าเคยอ่านเรื่องแบบนี้ด้วย แอบอึ้งเบาๆ กรกฎเล่าเรื่องการพายเรือคายัคล่องแม่น้ำลียาวนานกว่า 5 ชม. จนมืดค่ำ..กลางแม่น้ำ พร้อมประสบการณ์สุดหลอนของนักท่องเที่ยวหญิง .. โชคยังดีจบตอนอย่างปลอดภัย (?) เป็นอันว่าเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นขนาดนั้นมีแค่ตอนแรกตอนเดียวค่ะ ตอนหลังๆ นับเป็นการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างปกติสุข หนึ่งตอนหนึ่งเมือง เล่าไม่หมด แตะเมืองละนิดละหน่อย พอเป็นแรงบันดาลใจให้พออยากไป จากนั้นก็ไปหาข้อมูลละเอียดๆ จากเล่มอื่น (หรือเว็บไซด์อื่น) กันอีกที แต่ละตอนในเล่ม ค่อนข้างสั้นและกระชับกว่า “ไม่ซ้ำหน้า” เล่มก่อนค่ะ อิ่มใจน้อยกว่า[…]

เรื่อง facing faces : ไม่ซ้ำหน้า ผู้แต่ง กรกฎ พัลลภรักษา สำนักพิมพ์ fullstop ราคา 140 บาท สิ่งแรกที่เตะตาเราคือปกค่ะ ย้อนวัยไปประมาณสิบกว่าปีก่อน เราพบกันบนร้านหนังสือ นั่นคือการพบกันครั้งแรกของเรากับ (หนังสือของ) กรกฎ พัลลภรักษาค่ะ หลงรักหนังสือของเธอตั้งแต่หน้าปกเลยทีเดียว ความประทับใจแรกไม่ได้สิ้นสุดอยู่ตรงแค่หน้าปก เพราะเมื่อเราเปิดหนังสือของเธอออกอ่าน เราก็เกิดอาการ “ตกหลุมรัก” ซ้ำสอง และนั่นทำให้เรากลายเป็นแฟนหนังสือของเธอไปโดยปริยาย นั่นคือความทรงจำที่เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้!! (ซึ่งถึงแม้จะชอบ แต่ก็ไม่ได้หยิบมาอ่านบ่อยๆ ไม่ได้หยิบนานจนจำเนื้อหาไม่ได้แล้ว) หยิบไม่ซ้ำหน้ามาอ่านวันนี้ เลยเหมือนอ่านใหม่ด้วยหัวกลวงๆ .. ถือว่าเป็น second first date ละกัน ไม่ซ้ำหน้า บอกเล่าเรื่องราวของบุคคลในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่กรกฎได้เที่ยวท่องล่องผ่าน ‘หน้า’ เหล่านั้นไม่ได้เป็นหน้าคนดังที่ไหน แต่เป็นหน้าของคนท้องถิ่น พร้อมเรื่องเล่าน่าประทับใจ ชวนให้อมยิ้ม (บางคนก็ชวนให้เจ็บใจนะ เป็นความประทับใจด้านลบที่ทำให้ลืมไม่ลงอยู่เหมือนกัน) เน้นแหล่งท่องเที่ยวโซนเอเชียด้วยกัน อย่างเวียดนาม[…]

เรื่อง หน่อไม้ ผู้แต่ง ทรงกลด บางยี่ขัน, นิ้วกลม, ทรงศีล ทิวสมบุญ สำนักพิมพ์ abook ราคา 210 บาท การผนึกกำลังของชายทั้งสามก่อร่างสร้างกิจกรรมที่ทั้งสามคนต่างก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้, จะได้ทำ หรือสุดท้ายแล้วมันจะสำเร็จด้วยดีหรือเปล่า แต่ทุกคนก็เก็บความไม่มั่นใจนั่นเอาไว้กับตัว ต่างคนต่างเห็นความมุ่งมันของกันและกัน และใช้มันเป็นแรงขับเคลื่อนของกันและกัน แอบคิดขำๆ ว่า ถ้าใครคนใดคนนึงสามารถอ่านใจ 1 ใน 3 คนได้ โครงการนี้คงเป็นอันพับไปก่อนที่มันจะได้เริ่มต้นเป็นแน่ .. โชคดีนะที่ไม่มีใครมีวิชาอ่านใจใคร ในฐานะที่ผู้เขียนทั้งสามเป็นนักผลิตหนังสือตัวยง (และเรานักอ่านก็ด้วย) ล้วนแต่มีส่วนร่วมสำคัญในการตัดต้นไม้มาทำหนังสือ พี่ก้องจึงเป็นคนต้นคิดว่าควรจะชวนทั้งคนอ่านและคนเขียนไปชำระบาปด้วยการปลูกต้นไม้คืนให้โลกบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้นของกิจกรรมดีๆ อย่างถั่วงอกนั่งรถไฟไปดาวหาง ส่วนหนังสือเล่มนี้ก็เป็นบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (เกือบ) ตลอดทริปนั่นเอง เหตุการณ์ในหนังสือถูกเล่าแบบเดียวกับการวิ่งผลัด โดยนักเขียนทั้งสามผลัดกันเล่าสลับกันไปมา ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว เล่ากันตามความพอใจ ความประทับใจ ตามจังหวะลีลาอันเหมาะสม กลมกล่อม การอ่านเรื่องของคนที่คุยกันเกือบตลอดทริป สนุกตรงหัวข้อคุยที่น่าสนใจ อ่านแล้วเหมือนได้คุยกับเขาไปด้วย แม้ว่าจริงๆ แล้วจะเป็นการคุยกับตัวเราเองก็ตาม นอกจากทริปจะสนุกสนานน่าสนใจแล้ว ผู้ร่วมทริปแต่ละคนก็น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน[…]

เรื่อง กล่องไปรษณีย์สีแดง ผู้แต่ง อภิชาติ เพชรลีลา สำนักพิมพ์ นกดวงจันทร์ ราคา 205 บาท เมื่อตอนที่อ่านหนุ่มนักโบกกับสาวขี้บ่น ช่วงที่พี่จุ้ยและผองเพื่อนตระเวนเที่ยวหาดต่างๆ ที่สมุย มีบางอารมณ์ที่ชวนให้คิดถึงไข่ย้อยผู้พเนจรร่อนเร่ไปตามแต่ละหาดเหมือนกัน มีบางความตั้งใจของไข่ย้อยที่จะไปสมุยด้วย แต่ดูเหมือนจะไปไม่ถึง .. บางเหตุการณ์กลับเกิดขึ้นเสียก่อน และนั่นพลิกสถานการณ์ตามท้องเรื่องได้ขัดใจคนอ่านดีจริงๆ -*- กล่องไปรษณีย์สีแดง .. ถ้าใครไม่คุ้นชื่อหนังสือ ก็อยากจะบอกคุณว่ามันเป็นต้นกำเนิดของภาพยนตร์เรื่อง “เพื่อนสนิท” ค่ะ ในมุมมองของเรา การเล่าเรื่องด้วยตัวหนังสือของอภิชาติมันมีความเรียบง่ายกว่าตัวหนัง (ภาพยนตร์) บทภาพยนตร์จำเป็นต้องเติมรายละเอียดต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าไข่ย้อยรู้สึกกับดากานดาอย่างไร แต่ตัวหนังสือไม่ต้อง อภิชาติเล่าซึ้งๆ ง่ายๆ ภาพไข่ย้อยติสต์ๆ นิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกภายในอัดแน่น ก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าจินตภาพของเรา กล่องไปรษณีย์สีแดง เล่าเรื่องด้วยโปสการ์ดจากไข่ย้อยที่เพียรเขียนถึงดากาดา นับจากวันที่ได้บอกรัก ไข่ย้อยก็จับรถไฟลงใต้ ย้ายภูมิประเทศจากภูเขาสู่ทะเล แล้วเขาก็เริ่มต้นการเป็นหนุ่มพเนจร ร่อนเร่ไปตามกำลังทรัยพ์อันน้อยนิด ระหว่างทางก็เล่าเรื่องราวต่างๆ ลงในโปสการ์ดที่ลงชื่อสุดท้ายปลายทางถึงดากานดา เรื่องราวของสองหนุ่มสาวแต่หนหลังก็ค่อยๆ เปิดเผยออกสู่คนอ่านพร้อมๆ กับเรื่องเล่าในโปสการ์ดนั้นเอง กล่องไปรษณีย์สีแดงเป็นเรื่องราวโรแมนติค เรียบง่ายแต่สวยงามและเข้าถึงใจคนอ่าน[…]

เรื่อง ด้วยรักแกมรำคาญ ผู้แต่ง สมจุ้ย เจตนาน่าสนุก สำนักพิมพ์ ไปยาลน้อย ราคา 120 บาท อารมณ์ยังติดพัน หยิบหนังสือสำนวนของพี่จุ้ยมาอ่านต่ออีกสักเล่ม .. ด้วยรักแกมรำคาญค่ะ เล่มนี้เป็นรวมบทความที่เคยลงในนิตยสารแพรวฯ เช่นเดียวกับหนุ่มนักโบกฯ เนื้อหาไม่เฉพาะเจาะจง แบ่งเป็นตอนๆ ไม่เกี่ยวกันแต่ก็พอไปในทางเดียวกันได้อยู่ ดูๆ ไปก็เหมือนงานเขียนแนวทดลองบวกล้อเลียน ทั้งจดหมาย ไดอารี่ ดีเจ ประชุมสภาฯ ฯลฯ สารพัน บทความเปื้อนอารมณ์ขันคันใจ ทั้งสะกิดทั้งขึงเชือกให้สะดุด สำนวนหยิกแกมข่วน หยอกแกมหยวน เล่าเรื่อยเปื่อย เฉื่อยๆ แต่เฉี่ยวทุกเรื่อง แซววัยรุ่นยันวัยยายถ้วนหน้า เข้าถึงทุกระดับประทับใจบ้างไม่ประทับใจบ้างตามชื่อเรื่องน่ะแหละ ด้วยรักแกมรำคาญ .. แปลว่า ไม่รักไม่พูดถึง ไม่กัด ไม่แซวไง หรือไม่อีกทีอาจจะแปลว่า ไม่รำคาญไม่พูดถึง ไม่กัด ไม่แซว (;P) แถมท้ายด้วยย่อหน้าเด็ด กับโคลงดีประจำเล่มค่ะ ^^

เรื่อง หนุ่มนักโบกกับสาวขี้บ่น ผู้แต่ง สมจุ้ย เจตนาน่าสนุก, วายร้ายสีแดง, ตุ้มพุทรา สำนักพิมพ์ ไปยาลน้อย ราคา 120 บาท เมื่อโบกแล้ว ก็ยากที่จะหยุด!! นับจากคำให้การของสาวนักโบก อีกเล่มที่เรามักจะหยิบมาอ่านคู่กันบ่อยครั้งก็คือ หนุ่มนักโบกกับสาวขี้บ่นเล่มนี้ค่ะ หนังสือคู่หูที่ถ้าหยิบเล่มหนึ่งมาอ่านแล้ว เป็นต้องหยิบอีกเล่มมาอ่านต่อกันแทบทุกทีแบบไม่มีเหตุผล ขนาดวางบนชั้นหนังสือ ยังจองพื้นที่ติดกันถาวรเลย ไม่ว่าจะย้ายมากี่ชั้นแล้วก็ตาม หลังจากที่เราตระเวนต่างประเทศมาแล้วจนปรุ (ด้วยสายตา) ในคำให้การของสาวนักโบก เล่มนี้ พี่จุ้ยและเหล่าผองเพื่อนทั้ง 5 จะพาเราตระเวนเที่ยวเมืองไทยค่ะ เรื่องของเรื่องก็คือ ช่วงปิดเทอมหนึ่งในรั้วมหาวิทยาลัย พี่จุ้ยคิดจะเดินทางกลับบ้านที่สมุยโดยการโบกรถกลับ หลังจากนั้นก็เป็นกระบวนการหาแนวร่วม จับพลัดจับผลูมาได้ถึง 5 คน!! (และมีเพิ่มขึ้นตามรายทางด้วย!!!) นับว่าเป็นปริมาณเยอะ เป็นกลุ่มใหญ่เกินกว่าหลักสูตรของคุณแพน พัชรินทร์ (ในคำให้การฯ) ไปอักโข แต่ด้วยความที่เราเป็นคนท้องถิ่นโบกรถคนภาษาเดียวกัน แถมคนไทย (ยุคโน้น) ยังใจดีต่อเด็กๆ หน้าละอ่อน การโบกรถในครั้งนี้จึงสำเร็จลุล่วงไปได้ตลอดรอดฝั่ง เนื้อเรื่องในเล่ม เป็นกึ่งจริงกึ่งยำ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง[…]

เรื่อง คำให้การของสาวนักโบก ผู้แต่ง แพน พัชรินทร์ สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์ (สนพ. ในเครืออมรินทร์) ราคา 135 บาท อีกหนึ่งผู้หญิงเดินทาง ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงหลายๆ คน คำให้การของสาวนักโบก เป็นเรื่องเล่าชีวิตการโบกรถสมัยครั้งผู้เขียนไปเป็นนักเรียนทุนอยู่ที่ฝรั่งเศส 2 ปี ในระหว่างนั้น เธอก็เก็บหอมรอมริบทุกวันหยุดออกตระเวนโบกรถเที่ยวนับไม่ถ้วน นับตั้งแต่ฝรั่งเศสเอง สเปน โปรตุเกส ฮอลแลนด์ เบลเยี่ยม ลักแซมเบิร์ก เยอรมันออก-ตก สวิสฯ  ฯลฯ พบเจอทั้งเจ้าของรถน่ารัก ใจดี แสนสุภาพบุรุษสุภาพสตรี และวายร้ายหมาป่าหมาจิ้งจอกตาวาว ล้วนแล้วแต่รอให้เราติดตาม (และช่วยเชียร์) การเดินทางของเธอ (ให้ตลอดรอดฝั่ง) ยิ่งนัก ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า หนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกเหตุการณ์จริง (กว่า 90 เปอร์เซ็นต์) ในยุค พ.ศ. 2518 – 2520 แม้เมื่อเรามาอ่านในตอนเกือบ 20 ปีให้หลัง[…]

เรื่อง เซียนโปสการ์ด ผู้แต่ง เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย สำนักพิมพ์ วงกลม ราคา 280 บาท ถ้าจะบอกว่า ฉากรัก ภาพประกอบเรื่องสวยแล้ว .. มาเจอเซียนโปสการ์ด เตรียมตัวปาดน้ำลายกันได้เลย เซียนโปสการ์ดนี้ นอกจากจะมีภาพสวยอย่างที่โฆษณาไปแล้วนั้น เนื้อหาก็น่ารัก กุ๊กกิ๊ก เรียกยิ้มได้เกือบทุกหน้าด้วย ภาพสวยๆ กับเรื่องราวยิ้มๆ เป็นเล่มที่อ่านแล้วใจเบิกบานจริงๆ ^^ บางเรื่อง บางตอน เพลงดาบฯ ฉายซ้ำกับเล่มก่อนๆ และบางเรื่อง เคยอ่านมาแล้วจากหนังสือของบินหลา (สันกาลาคีรี) แต่เนื้อหาเดิมที่ประกอบด้วยภาพโปสการ์ดและแสตมป์ชัดๆ สีเน้นๆ มันอิ่มอารมณ์กว่ากันเยอะเลย ที่สำคัญ ในเล่มนี้ สีมือสีน้ำของเพลงดาบฯ เนี้ยบขึ้นกว่า “ฉากรัก” หลายเท่า สิ่งที่ถูกใจเราอีกอย่างนึงในเล่มนี้ก็คือ เพลงดาบฯ ยกเซ็ตโปสการ์ดจากบินหลา (สันกาลาคีรี) มา 1 บทใหญ่ๆ อ่านโปสการ์ดบินหลา เหมือนแอบอ่านจดหมายจากนักเขียนคนโปรดที่หนึ่งเขียนถึงนักเขียนคนโปรดที่สอง เหมือนนั่งฟังสองนั่งเขียนโปรดคุยกัน คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม!![…]

เรื่อง ฉากรัก ผู้แต่ง เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย สำนักพิมพ์ บลิส ราคา 190 บาท หลังจากชิมลางภาพประกอบสวยๆ จากหนังสือของเพลงดาบฯ ไป 2 – 3 เล่มแล้ว ในฉากรัก เพลงดาบฯ จะว่าด้วยสีน้ำล้วนๆ เต็มอิ่ม เต็มตา แบบที่เพียงแค่หน้าแรกๆ ก็ทำให้ใจสั่นๆ คันๆ มือ ปลุกอารมณ์สีน้ำขึ้นมาตะหงิดๆ สำหรับฉากรัก เพลงดาบฯ คัดเลือกสถานที่ที่ชอบๆ มาให้เราได้เปิดหูเปิดตา (คล้ายๆ กับ ที่นี่ที่รัก ของคุณก้อง ทรงกลด) ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าที่รักที่ชอบของเพลงดาบฯ ต้องไม่ธรรมดาเหมือนท้อปเท็นของที่ไหนแน่ๆ อย่างเช่นสถานการณ์เมาเรือ หรือเพียงเดินหลงเลี้ยวผิดซอย การหลงนั้นก็สร้าง “ฉากรัก” ของเพลงดาบฯ ขึ้นมาได้ อีกบางที่ .. ปากปล่องภูเขาไฟ (ตอนที่ยังไม่ได้ปะทุนะ) ก็เป็นอีกหนึ่ง “ฉากรัก” เหมือนกัน ในช่วงตอนแรกๆ[…]

เรื่อง เดินเล่นบนหลังคาโลก ผู้แต่ง เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย สำนักพิมพ์ มติชน ราคา 105 บาท หนังสือเล่มนี้ดีตั้งแต่คำนำ!! ชื่อเรื่องก็บอก ว่าเป็นบันทึกความทรงจำในทิเบตของเพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย เพิ่งอ่านเนปาลประมาณสะดือมาหมาดๆ พอมาเจอ เดินเล่นบนหลังคาโลก เลยรู้สึกเหมือนได้ฟังนิทานเรื่องเดิม แต่เปลี่ยนคนเล่า เป็นคนเล่าที่มีลีลาการเล่าน่าฟังไม่น้อยไปกว่านักเล่านิทานคนแรกเสียด้วย แม้เพลงดาบไม่ได้เดินขึ้นเขาเอเวอร์เรส แต่ก็เฉียดๆ ได้รสและบรรยากาศใกล้เคียงกัน และถ้าให้ตั้งชื่อให้เข้ากัน คงต้องเป็นทิเบตประมาณตาตุ่ม ;P กว่าเดินเล่นบนหลังคาโลกจะเดินทางไปถึงโรงพิมพ์และกลายเป็นหนังสือในมือเรา เพลงดาบฯ ก็เขียนหนังสือมาแล้วหลายเล่ม (สุขสันต์วันธรรมดา เหยียบโลกเล่นไม่เห็นช้ำ เอนหลังอ่าน บุคคลไม่สำคัญของโลก เด็ดดอกไม้ริมทาง บันทึกคนเดินช้า ..) สำบัดสำนวนในเล่มนี้จึงกลมกล่อมนวลเนียนอ่านลื่นกว่าสองเล่มแรกที่เพิ่งรีวิวไป (บันทึกคนเดินช้า และสุขสันต์วันธรรมดา) เพลงดาบฯ เล่าประสบการณ์ท่องเที่ยว 7 วันในทิเบต แม้จะไม่โลดโผน ยากลำบากแบบวิธีเล่าของนิ้วกลม แต่เพลงดาบฯ ก็มีมุมมองดีๆ สวยๆ และอารมณ์ขัน บวกกับสำนวนดีอย่างที่ว่าแล้ว ทำให้หนังสือเล่มบางๆ เล่มนี้จบเร็วเกินทำใจ ตัวหนังสือของเพลงดาบฯ[…]