พอวัตถุดิบพร้อม ไฟในตัวที่สุมมาตั้งแต่ในช่วงยังไม่มีวัตถุดิบก็ลุกพรึบพรั่บ
ยิ่งได้แรงพัดโหมจากบราวนี่เมนูแรกผ่านฉลุยไปแล้ว
เมนูที่ 2 ก็ตามมาติดๆ เลย
เจ้าขนมชนิดนี้ เราเห็นหน้าตากันบ่อยๆ ใน IG ของสาวๆ ญี่ปุ่น
เห็นทีแรก เราเข้าใจ (เอาเอง) ว่ามันเป็นขนมปังชนิดหนึ่ง
แต่เสิร์ชไปเสิร์ชมาจนได้ชื่อ ได้ลองทำ และลองชิม แล้วถึงรู้ว่า
เจ้าบิสคอตตินี้ รสสัมผัสห่างไกลกันกับขนมปังลิบลับเลยทีเดียวเชียว!!
อย่างเดียวที่พอจะคุ้นเคยกับเจ้าขนมชนิดนี้ก็คือ ชื่อของมัน “บิสคอตติ”
มีรากศัพท์มาทางเดียวกันกับบิสกิต ขนมปังกรอบน่ะแหละ
ดังนั้น เจ้านี่จะต้องกรอบ!! ฟันธง!!
สูตรนี้จากคุณ lathyrus ค่ะ
ในรูปนี้มีเนยเกินมาอย่างนึง (และขาดอีกหลายอย่าง แต่รูปมันสวยดี 555)
วิธีทำตามรูปวาดข้างบนเลยค่ะ ร่อนแป้ง ผงฟู น้ำตาล เกลือ เข้าด้วยกัน
(สุดท้ายน้ำตาลกะเกลือก็ไม่ผ่านตะแกรง ต้องเทมันลงมาเอง ^^”)
ใส่ไข่ไก่กะไข่แดง วานิลลา อัลมอนด์ แล้วนวดด้วยมือ ขยำหยุมแหยะ หยุมแหยะ กันไป ^^”
(ไม่รู้จริงๆ ว่าสภาพที่ถูกต้องมันต้องประมาณไหน แต่ที่เราทำ มันเหนียวหนึบหนับติดมือฝุดๆ ค่ะ)
นวดไปจนกว่าจะขี้เกียจ (ซึ่งเรานวดไม่นาน 555)
พยายามรูดแป้งออกจากนิ้ว แหมะลงบนพิมพ์
อบรอบแรก 180 องศาเซลเซียส นาน 20 นาที จากนั้นเอาออกมาพักบนตะแกรง
ระหว่างนั้นลดไฟในเตาเหลือ 150 องศาเซลเซียส
จับขนมที่ยังไม่สุกดีหั่นเป็นชิ้น
เรียงบนถาดเตรียมอบอีกรอบ
นำเจ้าบิสคอตติที่หั่นแล้วเข้าไปอบอีกรอบ (150 องศาเซลเซียส) นาน 10 – 15 นาทีจนเหลืองสวย
(อุ๊บส์ แอบมีหลักฐานข้างเคียงว่าติดใจ อบบราวนี่ซ้ำอีกรอบด้วย 555)
ไหนๆ ก็เห็นหลักฐานแล้ว ขอเอามาอวดเลยละกันค่ะว่า
บราวนี่หนึบๆ แบบนี้ เวฟร้อนๆ กินกับไอติมวานิลลา อร่อยเข้ากันมั่กๆ 555
เจ้าขนมชนิดนี้แข็งเป๊กดีจริงๆ ค่ะ จะให้ดีต้องจุ่มกาแฟหรือโอวัลตินกิน
จะเข้ากั๊น เข้ากันที่สุด
เราไม่กินกาแฟ จัดโอวันตินไป ช่วยชีวิตไว้ได้หลายเช้าค่ะ .. เมนูนี้ .. ผ่าน!! ^^