อ่านแล้วเล่า

โปรดฟังให้จบ

เรื่อง โปรดฟังให้จบ
ผู้แต่ง มินะโตะ คะนะเอะ
ผู้แปล หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว
สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์
(สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์)
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161833695

มาจิดะ เคสุเกะ เป็นนักกีฬากรีฑาของโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่ง
เขามีสถิติที่ดี และยังสามารถพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปได้อีก
แม้อนาคตของเขาจะไม่ได้สดใสจนมองเห็นได้ชัด
แต่ถ้าใช้ความพยายาม เขาต้องคว้ามันมาได้แน่ๆ

เคสุเกะหันกลับมาตั้งใจเรียน เพื่อที่จะเข้าโรงเรียนมัธยมปลาย
ที่มีชื่อเสียงในด้านชมรมกรีฑา
เขาอยากจะเป็นนักวิ่ง
อยากจะเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันระดับประเทศ

เคสุเกะมีเพื่อนร่วมชมรมคนหนึ่ง
ยามากิชิ เรียวตะ คือแรงบันดาลใจในการวิ่งของเขา
เรียวตะเป็นคนที่มีทั้งพรสวรรค์และความมุ่งมั่นล้นเหลือ
แม้แต่การเข้าเรียนโรงเรียนมัธยปลาย เซไคกักคุอิน
ก็มีแรงกระตุ้นมาจากเรียวตะด้วยเช่นกัน

และในวันประกาศผล ทั้งสองคนก็สามารถสอบเข้าโรงเรียนเซไคกักคุอินได้
แต่ .. เหตุการณ์มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดคิดไปทุกอย่างหรอก ..

สิ่งที่พยายามมาทั้งหมด กลับหลุดมือไป
ทั้งที่ความตั้งใจก็สำเร็จ และผ่านพ้นไปด้วยดี
หากความฝัน ก็ยังล่มสลายลงอยู่ดี
ในความเคว้างคว้างที่ไม่รู้จะจัดวางตัวเองลงตรงไหน
ในโรงเรียนที่ตัวเองอยากเข้า แต่ไม่ได้ทำอย่างที่อยากทำแล้ว
จู่ๆ ก็มีสิ่งใหม่ผ่านเข้ามาในชีวิต

มิยาโมโตะ มาซายะ เป็นเพื่อนอีกคน
ที่เดินเข้ามาหาเคสุเกะ ด้วยความหลงใหลในเสียงของเขา
เคสุเกะได้รู้ว่า แม้จะสูญเสียสิ่งหนึ่งไป แต่เขายังมีสิ่งอื่นอยู่ 

ทั้งที่ไม่ได้เปิดใจ ทั้งที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ
แต่จู่ๆ สถานการณ์ก็นำพา อย่างจับพลัดจับผลู
ให้เคสุเกะต้องกลายมาเป็นสมาชิกชมรมกระจายเสียง
และอย่างไม่น่าเชื่อ ว่าสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจนี้
กลับเสริมสร้างความรู้สึกเดิมๆ ให้กลับคืนมา

แม้ว่าเคสุเกะจะต้องเปลี่ยนสนาม
จากลู่วิ่งในสนามกีฬา มาเป็นการแข่งขันที่ไม่มีแม้แต่สนามแข่ง
ไม่น่าเชื่อเลยว่า ความรู้สึกภายในกลับถูกปลุกเร้าให้ลุกไหม้ไม่ต่างกัน

หนังสือที่เล่าถึงการแข่งขัน และการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ
การเอาชนะทั้งฝ่ายคู่แข่ง เพื่อนร่วมทีม และแม้แต่ขีดจำกัดของตัวเอง
มันช่างญี่ปุ๊นญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นมักจะมีมุมพยายามแบบนี้เสมอ
การแสดงออกให้เห็นว่า ถึงแม้ตัวเองจะทำตามฝันไม่ได้แล้ว
แต่ก็ยังสามารถมีความสุขกับชีวิตได้อยู่
และความฝันที่คิดว่าสลายไปแล้วนั้น
มันก็ไม่ใช่ความฝันเดียว หรือความฝันสุดท้ายในชีวิต

ผู้เขียนถ่ายทอดความรู้สึกผิด ความรู้สึกผิดหวัง
หรือแม้แต่ความรู้สึกสบายๆ
ผ่านการกระทำ คำพูด ที่แตกต่างกันของแต่ละตัวละครได้ดี
คาแรคเตอร์ของแต่ละคนเด่นชัด
จนทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นพวกเขาได้ชัดเจน
นอกจากนี้ยังทำให้เรารู้สึกร่วมไปกับพวกเขาด้วย
ไม่ว่าจะเป็นความเสียใจ ความสุข
ความรู้สึกถึงความพยายามที่จะผ่านพ้นเรื่องเลวร้าย
ขณะเดียวกัน ก็รักษาความเป็นเด็กมัธยมเอาไว้
พวกเขาสุข เศร้า มุ่งมั่น ท้อแท้ โทษคนอื่น ไม่เอาไหน
ทะเลาะกัน และปรองดองกันได้สมวัย

เป็นหนังสือที่ให้ความรู้สึกฮึกเหิม
และทำให้คนอ่านเอาใจช่วยเจ้าพวกเด็กมัธยมเหล่านี้
ให้บรรลุความใฝ่ฝันได้สมดังตั้งใจ

โปรดฟังให้จบ เป็นพล็อตที่เล่าเรื่องในโรงเรียน
และเล่าเรื่องชมรมของเด็กมัธยมธรรมดาๆ แท้ๆ
แต่พล็อตเรื่องแบบนี้กลายเป็นไม่ซ้ำใครที่ไหน
ด้วยความที่พล็อต (ดูเหมือนจะ) ธรรมดา
ความเท่ของเรื่องนี้เลยไปอยู่ตรงที่บทบาท และพัฒนาการของตัวละคร
ผู้เขียนเล่าเรื่องส่วนใหญ่ผ่านบทสนทนา
ที่ทำให้เรามีความเห็นต่อตัวละครเปลี่ยนไปในแต่ละช่วงที่อ่าน
จากที่เคยรำคาญรุ่นพี่ ม.6
หรือรู้สึกว่ารุ่นพี่ ม.5 เข้มงวดไปไหน
เรากลับค่อยๆ มองเห็นแง่มุมอื่นๆ ของพวกเขามากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป

ผู้เขียนเล่าเรื่องด้วยสำนวนปนอารมณ์ขันเป็นหลัก
แต่พอถึงตอนที่เล่าเรื่องสะเทือนอารมณ์ก็ทำได้ดี
เราชอบความลึกซึ้งในแง่ความคิดความรู้สึกของตัวละครจัง
มันให้ความรู้สึกคล้ายๆ กับการอ่านเรื่องที่มีการย้อนเวลา
มีเดจาวูให้เหตุการณ์หนึ่งเกิดซ้ำ แต่ตัวละครเลือกเส้นทางชีวิตได้ใหม่อีกครั้ง
แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้แฟนตาซีแบบนั้น
แต่ตอนอ่าน มันก็ชวนให้เราหวนคิดไปว่า
บางช่วงชีวิตในกาลครั้งหนึ่งของเรา
หากเราเลือกเดินไปในอีกเส้นทางหนึ่ง ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร
หากเราต้องละทิ้งบางอย่าง เสียสละบางอย่าง เพื่อสิ่งที่ดีกว่าในอนาคต
เราในตอนนั้นจะเลือกคว้าสิ่งที่ดีที่สุดที่มองเห็นอยู่
หรือสิ่งที่อาจจะดีกว่า .. แต่ยังมองไม่เห็นภาพชัดเจน
เราจะเลือกสิ่งไหนกัน

แต่ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราในเวลาหนึ่งมันจะดีหรือร้ายก็ตาม
เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวพวกนั้นก็จะค่อยๆ เจือจาง เบาบางลง
กลายเป็นเรื่องๆ หนึ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เพียงเท่านั้น
และถ้าผ่านพ้นมันไปแล้ว .. เราก็จะมีความสุขกับชีวิตในวันนี้ได้
ไม่ว่าในอดีตจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

เปี่ยมพลังสุดๆ
เป็นเรื่องดี ที่อ่านแล้วใจฟูดีจังค่ะ

Comments are closed.