อ่านแล้วเล่า

วันที่แม่ไม่อยู่

เรื่อง วันที่แม่ไม่อยู่
ผู้แต่ง ชินกยองชุก
ผู้แปล วิทิยา จันทร์พันธ์
สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161834425

วันที่แม่ไม่อยู่ เล่าเรื่องของครอบครัวเกาหลีซึ่งประกอบไปด้วย
พ่อแม่วัยชรา และลูกๆ วัยทำงานอีก 5 คน
วันที่เรื่องเริ่มต้นขึ้น คือวันที่แม่หายตัวไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นคือ ในทุกช่วงวันเกิดของพ่อ
ทั้งพ่อและแม่จะเดินทางมายังโซล เพื่อเยี่ยมลูกๆ และจัดงานวันเกิด
เป็นการจัดงานวันเกิดของพ่อและแม่รวมกัน

ในการเข้าเมืองแต่ละครั้ง พ่อและแม่จะสลับกันไปนอนบ้านของลูกคนใดคนหนึ่ง
และจะมีลูกคนใดคนหนึ่งมารับที่ปลายทางเสมอ แต่เหตุการณ์ในวันนั้นต่างออกไป
พ่อและแม่ตัดสินใจจะนั่งรถไฟใต้ดินไปบ้านลูกชายคนรองเอง
ระหว่างนั้น เกิดเหตุพลัดหลงกับแม่ ทำให้แม่หลงหายไป
ผู้เขียนเริ่มต้นที่ตรงนั้น .. ก่อนที่เรื่องราวของแม่จะถูกถ่ายทอดออกมา

ผู้เขียนเล่าเรื่องผ่านสายตาของตัวละคร
จากลูกคนหนึ่ง ไปยังอีกคนหนึ่ง .. ผ่านสายตาของพ่อ และคนอื่นๆ
ทำให้เรามองเห็นตัวตนของแม่ ผ่านมุมมองรอบด้าน
ขณะที่แม่หายตัวไป ผู้เล่าแต่ละคนจะเริ่มคิดถึงแม่ 
และคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เขากับแม่เคยทำด้วยกัน
ขณะที่เรากำลังเดินเข้าไปในความทรงจำของพวกเขาเหล่านั้น
ความทรงจำระหว่างเรากับแม่ก็ค่อยๆ ผุดซ้อนขึ้นมา

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘แม่’ มีอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน

เมื่อแม่หายไป ..
ความกระวนกระวาย พ่วงเอาความรู้สึกผิด
ที่ต่างฝ่ายต่างคิดว่าพี่น้องคนอื่นดูแลแม่ไม่ดีพอ
และท้ายที่สุดนั้น ความโกรธที่สุดตกอยู่กับตัวเอง
ที่ก็เป็นหนึ่งในลูกที่ดูแลแม่ไม่ดีพอด้วยเช่นกัน

วันที่แม่ไม่อยู่ เป็นหนังสือที่พล็อตดี เล่าเรื่องดี ภาษาดี แปลดี
นอกจากนี้ เชิงอรรถยังมีประโยชน์อย่างโดดเด่น
มันบอกเราในสิ่งที่ควรรู้
ขยายความข้อมูลเฉพาะเจาะจงทางด้านสังคม วัฒนธรรม
และประวัติศาสตร์ ด้วยถ้อยคำสั้นกระชับ
ช่วยแปลงค่าเงินและขนาดพื้นที่ให้ทุกครั้งด้วย
ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับคนไม่คุ้นเคย

ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่สะดุดใจเราก็คือ สรรพนามที่ใช้เล่า
ในการเล่าเรื่องผ่านตัวละครแรก และตัวละครที่สอง ยังไม่สังเกตเท่าไร
มาชัดเจนตอนเล่าถึงตัวละครที่สาม คือใช้ ‘คุณ’ เป็นสรรพนามบุรุษที่หนึ่ง
ซึ่งแปลกมาก เหมือนผู้เขียนเล่าเรื่องของเรา ที่ไม่ใช่เรื่องของเรา
มางงสุดในการเล่าเรื่องผ่านตัวละครสุดท้าย ..
บทนี้ เราอ่านไปสักพัก ต้องย้อนกลับมาอ่านใหม่ตั้งแต่แรก
ค่อยๆ ทำความเข้าใจ และซึมซับ ..
มากระจ่างใจเหตุผลของมัน ในบทวิเคราะห์จากผู้แปลในตอนท้ายเล่มนี่เอง
เป็นมุมมองที่เท่มาก

เชื่อได้ว่า ผู้อ่านทุกคนคงเอาใจช่วยให้ครอบครัวนี้ได้พบแม่ .. เรารอคอยฉากนั้น
ในช่วงต้น เราอ่านด้วยความหวัง แต่ยิ่งอ่านไป ความหวังก็ยิ่งริบหรี่
อ่านไปด้วยใจห่อเหี่ยว ความสิ้นหวังค่อยๆ ปรากฏอย่างช้าๆ
และเราได้แต่ลุ้นอย่างสุดหัวใจ ..

วันที่แม่ไม่อยู่ เป็นหนังสือที่ดีมาก
อ่านจบแล้วสามารถพูดได้เต็มปากว่าชอบ
เล่มนี้ .. เตรียมตัวไปเป็น 1 ใน 10 เล่มแห่งปีนี้ได้เลยค่ะ

ปล. เพราะเป็นเรื่องในครอบครัวที่เติบโตในชนบท
และลูกๆ ที่เติบโตขึ้น ได้มาใช้ชีวิตในโซล
ทำให้เราได้เป็นสภาพสังคมของเกาหลีใต้ทั้งสองด้าน
นอกจากนี้ยังเห็นค่านิยมบางอย่างที่แทรกอยู่
ซึ่งค่อนข้างคล้ายคลึงกับญี่ปุ่น หรือแม้แต่บ้านเรา

 

Comments are closed.