งานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระ ครั้งที่ 3
ช่วงนี้ของปีว่างกะปริบกะปรอยจริงๆ ค่ะ
ปีก่อน ไปก่อนงานเริ่มหนึ่งวัน ปีนี้ไปก่อนวันสุดท้ายของงานหนึ่งวัน
แต่ถึงยังไงก็ขอเกาะกระแสงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระเที่ยวเหมือนเดิมเนอะ ^^
ปีนี้วางแผนเดินทางพยายามไม่ให้ซ้ำร้านกับปีก่อนค่ะ
แม้ว่าจะติดใจร้านของปีก่อนอยู่หลายร้านเหมือนกัน
ด้วยเวลาที่จำกัด เลยคัดมาได้สามร้านค่ะ
(จริงๆ สี่ แต่ข้อมูลผิดพลาดไปร้านนึง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง แหะๆ ^^”)
ปีนี้มาไกลจากพัทยา แถมมีคนใจดีขับรถพามาด้วย
เลยขอรีวิวเส้นทางด้วยรถเมล์แบบแห้งๆ ละกันนะคะ
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอีกที เพราะเราใช้การคาดเดาเอา ไม่ได้นั่งจริงๆ ^^”
เริ่มต้นกันที่ ร้านมะลิมะลิ ก่อนเลย
อย่างเพิ่งบ่นค่ะ ร้านมะลิมะลิซ้ำกับปีก่อนจริง (รีวิวปีก่อนค่ะ) แต่คุณเจ้าของร้านเพิ่งย้ายพิกัดร้านค่ะ
เราต้องไปเยี่ยมร้านเก่าสถานที่ใหม่กันหน่อย .. เนอะ
ปีนี้ ร้านมะลิมะลิย้ายมาเปิดที่คอนโด Chapter one ใกล้ซอยราษฎร์บูรณะ 33
ถ้ามาจากทางบิ๊กซีราษฎร์บูรณะ จะเห็นป้ายคอนโดชัดเจนแต่ไกล
มีป้ายรถเมล์ตรงหน้าคอนโดพอดีค่ะ (มีรถเมล์สาย 6 วิ่งผ่านค่ะ)
เดินเข้าไปไม่ใกล้ไม่ไกล แค่สุดริมน้ำเอ๊ง!! ^^”
ป้ายชื่อคอนโด
จริงๆ มาเห็นตอนขากลับค่ะ ขาไปขับตรงเข้าไปด้านหลังเลย มีพี่ยามคอยบอกทาง
ขามาเราจะเห็นวิวหลังคอนโดประมาณนี้ (หน้าตาเหมือนกันเป๊ะอ่ะ หน้าหลัง ;P)
ถ้าขับรถมา จะได้เข้าทางหลังร้านทางนี้
เดินทะลุมาแอบถ่ายรูปด้านหน้า เก๋ไก๋ไฉไล
ป้ายเก่าที่เราคุ้นๆ ^^
หนังสือหนาแน่น
อย่างที่เคยรีวิวไปแล้ว หนังสือทั้งหมดนี้เป็นหนังสือเก่าและหนังสือใหม่ปนกัน
หนังสือใหม่ขายตามราคาปก ส่วนหนังสือเก่า มีรอยดินสอเขียนราคาแอบไว้ที่ปกใน
เอาไว้ให้เราเปิดลุ้นกันเอาเอง
การจัดหนังสือคงคอนเซ็ปต์ห้องสมุดบ้านเพื่อนค่ะ
เหมือนเจอขุมทรัพย์เลย
เดินดูหนังสือฟินมาก ตาดีได้ตาร้ายเสีย ^^
ไปแอบดูแนวหนังสือในร้านกันดีกว่า
ร้านมะลิมะลิมีหนังสือหลากหลายแนวมาก (มากที่สุดในสามร้านที่ไปวันนี้เลย)
เรียกว่าไม่ว่าเราจะอ่านหนังสือประเภทไหน มะลิมะลิก็มีให้เรา
สวรรค์ของคนอ่านหนังสือเลย
ที่นี่ยังมีเคาน์เตอร์ขายเครื่องดื่มค่ะ จำได้ว่าปีที่แล้วชามะนาวอร่อยมาก
ระหว่างนั้น ฝนตกปรอยๆ ลงมาค่ะ
เราติดฝนกันเลยสั่งชามาชิมรอฝนหยุด .. รอบนี้ชามะนาวไม่หวานค่ะ
หอมเหมือนเดิม เปรี้ยวถึงใจ แต่ไม่หวาน >,<
แต่ถึงรสชาติชาจะไม่โดน แต่รอบหน้าตั้งใจว่าจะมาซ้ำค่ะ
น่าจะผิดพลาดทางเทคนิคอะไรบางอย่าง
สรุปว่าวันนี้ เราซื้อหนังสือจากร้านมะลิมะลิไป 2 เล่ม
เราว่า ลับแลแก่งคอย ปกนี้สวยกว่าปกใหม่นะ พอเริ่มหาซื้อยากก็เริ่มรู้สึก (ฮา)
ดีใจที่มาพบมือสองที่นี่ค่ะ
ส่วนอีกเล่มหนังสือของอดีตนายกชวน หลีกภัยค่ะ
เคยเห็นมานานแล้วในช่วงหลาย (ๆๆๆๆๆ) ปีก่อน แต่ยังไม่สนใจ
แก่ตัวลง รสนิยมในการอ่านเริ่มเปลี่ยน วันนี้พลิกๆ ดูแล้วน่าสนใจอยู่เหมือนกันเลยลองซื้อมา
ร้านมะลิมะลิยังคงมีของแถมให้เรา ^^
ฝนซา เราก็ออกเดินทางไปร้านต่อไป
house of commons (HOC) ตั้งอยู่บนถนนเจริญนคร อยู่ริมถนนใกล้ๆ กับซอยเจริญนคร 20
เห็นชัดเจนมาก (ถ้าดูดีๆ นะ .. ฮา) (รถเมล์สาย 6 ยังคงผ่านค่ะ)
ถุงผ้าของงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระครั้งนี้ ^^
ร้านนี้ควรจะเรียกว่าเป็นร้านกาแฟมากกว่า เพราะขายหนังสือกรุบกริบเอามากๆ
คิดในทางที่ดี หนังสือที่มีอาจจะขายดีในช่วงนี้ และเรามาช้าเกินไป T—-T
ถ้าตั้งใจมากินขนมนมเนย คงไม่เท่าไร
แต่ในกรณีที่เรามาดูหนังสืออย่างเดียว ถือว่าผิดหวังนิดๆ
ประเภทหนังสือในร้านก็เฉพาะทางสุดๆ เน้นไปทางปรัชญา, จิตวิเคราะห์ ฯลฯ
หนังสือ OSHO เยอะมาก
มีของเจ้าสำนักสันปกม่วงกรุบกริบค่ะ
แม้จะมีหนังสือให้เลือกน้อย
แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังอุตส่าห์เจอหนังสือที่หายไปจากแผงนานมากแล้วเล่มหนึ่ง
(มีอยู่เล่มเดียว และเราซื้อมาแล้วค่ะ 555)
แอบเปิดข้างในให้ดูนิดนึง
เป็นญี่ปุ่นแบบอุอิครุคริมั่กๆ >,<
ออกจากร้านมา เราสนใจที่ป้ายนี้ และซอยนี้ค่ะ
มีป้ายบอกเราว่ามูลนิธิเสฐียรโกเศศฯ อยู่ในซอย ขอแอบเนียนเข้าไปดูหน่อยนึง
มาเซอร์เวย์เผื่อเขาจัดกิจกรรมน่าสนใจอะไรจะได้มาถูก
ร้านนี้เราใช้เวลาแป๊บเดียว และถ้าจะเดินทางต่อ ก็องดิดก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ
เพราะอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน (ดูแผนที่ข้างบนเลยค่ะ รถเมล์สาย 6 ยังคงผ่าน)
สำหรับเรา เราเดินทางย้อนเพราะมาจากทางบางนา
มามะลิมะลิ HOC แล้วถ้าจะไปก็องดิด ก็ให้ก็องดิดปิดท้าย
แต่ถ้าใครมาจากกลางเมือง เริ่มต้นที่ก็องดิดที่คลองสานก่อนก็ได้ค่ะ
แล้วนั่งรถเมล์สาย 6 มา HOC ปิดท้ายด้วยมะลิมะลิ (รถเมล์สาย 6 เช่นกัน)
แต่ปีนี้เราไม่ได้ไปก็องดิดค่ะ เพราะปีที่แล้วไปแล้ว
ขอเลือกไปร้านที่ไม่ซ้ำก่อนค่ะ แม้จะประทับใจก็องดิดอยู่บ้างก็ตาม
เมื่อตัดช้อยส์ก็องดิดออก ที่นี้เราต้องข้ามฝั่งกันแล้วล่ะค่ะ
จากโซนเจริญนครร ขอข้ามไปฝั่งศรีนครินทร์ เพื่อร้านนี้ ..
Steel Roses restaurant & bookshop
ร้านกุหลาบเหล็กร้านนี้ตั้งอยู่ริมถนนศรีนครินทร์ ตรงซอยลาซาลพอดีเลยค่ะ (หาไม่ยาก)
เป็นร้านอาหารที่มีร้านหนังสือซ่อนอยู่ภายใน ^^
ในวันสุดท้ายของงานฯ (ซึ่งก็คือวันนี้ ^^”)
พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง จะมาเติมปุ๋ยให้กับเหล่านักอ่านนักเขียนกันที่นี่ด้วยค่ะ
วันที่เราไป มีงานเสวนากันอยู่เหมือนกัน แต่ไปตอนเขาใกล้จะเลิกกันแล้ว ฟังไม่ทัน ^^”
ทางเข้าในส่วนที่เป็นร้านหนังสือค่ะ ^^
มีหนังสือหลากหลายกว่าที่คิดมากเลย
ตื่นตาตื่นใจมาก >,<
ทีแรกเราเล็งตู้นี้ค่ะ เห็นทีแรกคิดว่าพบขุมทรัพย์เข้าให้แล้ว
มารู้ทีหลังว่าเป็นหนังสือสะสมของคุณเจ้าของร้าน ไม่ขายค่ะ
อดเลย ^^”
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังรู้สึกดีค่ะ
ได้เห็นหนังสือบางเล่มที่เรามี เคยมี เคยอ่าน หรือมีความทรงจำร่วมด้วย
หนังสือบางเล่มบนแผงหนังสือทีเคยมองตาละห้อย ในวัยที่ยังต้องเก็บสตางค์ซื้อทีละเล่ม
หนังสือบางเล่ม ในบางห้องสมุดที่เคยจมจ่อมในวัยเด็ก
และหนังสือบางเล่มที่เคยเป็นเจ้าของ แต่สูญหายไป ฯลฯ
เป็นความสุขในการส่องหนังสือสะสมของคนรักหนังสือเหมือนกัน
แม้ไม่ได้ซื้อ ดูเฉยๆ ก็ฟินค่ะ ^^
มีปีกแดงด้วย เพิ่งจบหมาดๆ ^^
ปกนี้สวยดีเนอะ
ตู้นี้ต่างหากค่ะ หนังสือสำหรับขาย
มีหลายเล่มที่อยู่ในลิสต์ และหลายเล่มที่น่าสนใจ แต่เก็บเอาไว้ในใจก่อน ..
การมาเดินในร้านหนังสืออิสระแบบนี้ เราจะเลือกดูหนังสือที่เซอร์ไพร้ส์ตัวเองค่ะ
มีโอกาสสูงมากที่จะพบหนังสือแรร์ไอเทมต่างๆ แบบที่หมดจากแผงหนังสือไปนานแล้ว
หรือเป็นหนังสือที่ร้านใหญ่ๆ ไม่ค่อยสั่งมาขาย
เพราะฉะนั้นการไปเดินเลือกซื้อหนังสือตามซอกหลืบของร้านเล็กๆ แบบนี้
เป็นอะไรที่มีความสุขมากค่ะ ^^
เรามีความเชื่อส่วนตัวบางอย่างว่า ..
ไม่ว่าจะเดินทางกี่ทอด แต่ท้ายที่สุด หนังสือจะเดินทางไปอยู่กับคนที่รักหนังสือแน่นอนค่ะ
มันเป็นบุพเพฯ เนอะ ;P
โซนสันม่วง ^^
สุดท้าย ก็ได้หนังสือจากร้านนี้มา 2 เล่มค่ะ
หยิบปรัชญาไส้มาทีแรกยังไม่แน่ใจเลยว่าเป็นหนังสือสะสมหรือเปล่า
เพราะเห็นวางอยู่เล่มเดียวไม่เหมือนใคร (วางอยู่ในโซนขายค่ะ)
แอบดีใจ และคิดว่ามันคือบุพเพฯ ^^
ขากลับ งานเสวนาจบแล้ว เตรียมรอรับพี่จุ้ยในวันรุ่งขึ้น ^^
หมายเหตุ : ทีแรกที่เลือกมาร้านนี้ เห็นมีอีกร้านที่แผนที่เดียวกัน
คือร้านที่มีชื่อว่า “ต้นไม้ตีนดอยมีหนังสือ”
สอบถามดูถึงรู้ว่า ต้นไม้ตีนดอยมีหนังสือ ไม่มีหน้าร้านค่ะ
แต่จัดกิจกรรมขึ้นร่วมกันกับ steel roses เป็นการณ์พิเศษในงานนี้ค่ะ
ร้านสุดท้าย ท้ายที่สุดในลิสต์ของเราคือร้าน Readery ค่ะ
ร้านนี้เองที่เราปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่ม ^^”
เป็นร้านที่มีข้อมูลน้อยที่สุด จนไม่แน่ใจว่าที่ตั้งร้านอยู่ตรงไหนกันแน่
แต่เห็นว่าเข้าร่วมกิจกรรมงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระฯ ด้วย เลยคิดว่าไม่น่าพลาด
สุดท้าย ไปตามที่อยู่ค่ะ เพื่อจะพบว่าแท้ที่จริงแล้ว readery เปิดขายออนไลน์เท่านั้น
แฮ่! ว่าแล้วเชียว ทางไปลึกลับมาก และหน้าร้านกลายเป็นหน้าบ้านที่ดูส่วนตัวสุดๆ
ถึง readery จะไม่ได้เปิดเป็นหน้าร้าน แต่ก็ขอลงรีวิวเอาไว้ด้วยแล้วกันค่ะ
ขอลงข้อมูลไว้เผื่อใครจะตามรอยไปหน้าแตกแบบเรา จะได้ยั้งๆ ไว้ก่อน (ฮา) >,<
ไปร้านหนังสือมาทั้งสิ้น 3 ร้านถ้วน พบว่า ..
ร้านหนังสือเล็กๆ ยุคนี้ จำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับกิจการอื่นเพื่อความอยู่รอด
โดยมาก็เป็นร้านกาแฟนี่แหละ เห็นบ่อย
เข้าใจว่ายุคนี้คนอ่านหนังสือมีน้อยกว่าคนกินกาแฟ (น่าเศร้า)
เราไม่รู้ว่าแต่ละร้าน เจ้าของร้านรักอะไรมากกว่ากัน
แต่สังคมก็มีอิทธิพลสูงกว่าความชอบของเจ้าของร้านเป็นแน่
ร้านมะลิมะลิ ให้ความเน้นหนักไปที่หนังสือ
มีปริมาณและประเภทหนังสือหลากหลายที่สุดใน 3 ร้านที่เราไปในวันนี้
ถ้าเรียงตามความประทับใจ คงเริ่มจากร้านมะลิมะลินี่ล่ะค่ะ
ไล่มาที่ร้าน steel roses book club และปิดท้ายด้วย house of commons ตามลำดับ
ขอขอบคุณคณะจัดงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระทั้งครั้งนี้และครั้งที่ผ่านมามากๆ
ที่ทำให้เรามีโอกาสได้รู้จักร้านหนังสือน่ารักๆ แบบนี้
เอาใจช่วยร้านหนังสือเล็กๆ แบบนี้ ให้มีแรงกำลังตั้งอยู่ในกระแสทุนนิยมไปได้ตลอดรอดฝั่ง
เอาใจช่วยเต็มที่ค่ะ
งานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระ ครั้งที่ 3 มีวันสุดท้ายวันนี้ค่ะ
รีวิวช้าไปหน่อย ขออภัยหากใครไปไม่ทัน
นั่งทำรูปตั้งแต่เช้า แต่สุดท้ายก็ได้กด publish เอาตอนบ่ายแก่ๆ ใกล้จะหมดวัน
ถ้าใครไปงานนี้ไม่ทัน ก็ให้นับว่าเป็นการทำความรู้จักร้านหนังสือต่างๆ เหล่านี้ละกันเนอะ
ถึงจะหมดงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระครั้งนี้ไปแล้ว
แต่ร้านหนังสือเหล่านี้ก็ยังคงเปิดอยู่ทุกวันทำการ
รอให้เราๆ ท่านๆ แวะไปเยี่ยมเยียนเหล่าหนังสือที่เฝ้ารอเจ้าของอยู่บนชั้นในร้าน
ไม่ต้องรอให้ถึงเทศกาล ก็ไปร้านหนังสืออิสระกันได้นะคะ ^^
ส่วนรีวิวร้านหนังสืออิสระร้านต่อไป พบกันใหม่ปีหน้าค่ะ ^^
หมายเหตุ : รีวิวงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระ ครั้งที่ 2 ค่ะ
Comments are closed.