อ่านแล้วเล่า

บุพเพสันนิวาส

04 บุพเพสันนิวาส

เรื่อง บุพเพสันนิวาส
ผู้แต่ง รอมแพง
สำนักพิมพ์ happy banana
(สนพ. ในเครือ สนพ.ฟิสิกส์เซ็นเตอร์)
ราคา 285 บาท

หยิบเล่มนี้มาอ่านเป็นครั้งที่ 2
ยังจำความรู้สึกที่ได้อ่านครั้งแรกได้ว่า หนังสือเรื่องนี้สนุกมาก
แต่จำรายละเอียดเรื่องราวไม่ได้เสียแล้ว
อ่านใหม่หนที่ 2 จึงคล้ายการอ่านใหม่ แต่เป็นการอ่านใหม่ที่พอจะคุ้นๆ อยู่บ้าง

บุพเพสันนิวาสเป็นนิยายย้อนยุคย้อนเวลาอีกเรื่องหนึ่ง
ผิดแต่เพียงเรื่องนี้ย้อนไปไกลถึงสมัยอยุธยา
ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์
ถึงจะเป็นนิยายย้อนยุคมุขเดิมๆ แต่พล็อตของบุพเพสันนิวาสนี้ไม่ซ้ำใครแน่ๆ
เพราะนางเอกไม่ได้ย้อนยุคไปเป็นตัวเอง
แต่นางเอกร่างอวบตอนต้นเรื่อง
ถูกย้ายไปสวมร่างนางร้ายผอมเพรียว หน้าตาสวย แต่นิสัยแย่ในยุคอดีต
เรื่องราวโกลาหนชุลมุนวุ่นวายจึงเกิดขึ้น

รอมแพงเป็นคนเล่าเรื่องสนุก มีสำนวนน่าติดตามอ่าน
ตอนที่เกศสุรางค์ นางเอกร่างอวบหลุดเข้าไปในอดีตนั้น
เป็นการหลงยุคเข้าไปในสมัยอยุธยา ซึ่งเราไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไร
นิยายที่อ่านกันส่วนมาก ก็มักกล่าวถึงอดีตกันแค่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
สภาพแวดล้อม ฉาก ภาษาพูดก็ไม่ค่อยคุ้นเคย
เลยทำให้เรื่องราวน่าติดตามเข้าไปอีก
เรา (คนอ่าน) ก็สวมบทเกศสุรางค์ในร่างการะเกด
เที่ยวอดีตกันสนุกสนานไปไม่แพ้นางเอกเหมือนกัน
ตั้งใจจะอ่านฆ่าเวลาแป๊บเดียวทีไร เผลออ่านยาวลืมงานที่ทำค้างอยู่ทุกทีไป

พออ่านไปสักพัก ติดตามการะเกดเที่ยวเล่นอยู่ดีๆ
เรื่องราวก็วกมาเล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยของพระนารายณ์
ทั้งเรื่องศรีปราชญ์ เรื่องเจ้าพระยาโกษาเหล็ก โกษาปาน เรื่องการส่งราชทูตไปฝรั่งเศส การกบฎมักกะสัน
ยุคหมดวาสนาของฟอลคอน ชีวิตต่อมาของคุณท้าวทองกีบม้า
จวบจนกระทั่งถึงการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน พระเพทราชาปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์

ตัวละครในประวัติศาสตร์ ได้ออกมาโลดแล่น มีชีวิต มีความรู้สึกนึกคิด
มีความรัก ความกลัว ความปรารถนา ความกล้าหาญ ความรักต่อชาติบ้านเมือง ฯลฯ
เราได้เห็นเหตุผลของการตัดสินใจ (แม้จะเป็นเหตุผลในทัศนะของผู้เขียน)
ให้เราได้มอง ได้เข้าใจ (ตัวตนของคนใน) ประวัติศาสตร์ในอีกแบบ
อ่านนิยายจบ ก็อยากไปถ่อไปร้านหนังสือ หาซื้อหนังสือประวัติศาสตร์จริงๆ มาอ่านเทียบกันเลยทีเดียว

แต่ถึงเห็นว่าเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ แต่เรื่องราวไม่หนักซับซ้อนอะไรนะ
เป็นหนังสืออ่านง่าย อ่านเพลิน มีมุขให้ขบขันได้ตลอดทั้งเรื่อง
เผลออีกที อ้าว .. จบแล้วซะแล้ว
ท้ายบทก่อนจบ ผู้เขียนได้กล่าวสรุปเอาไว้ว่า

“การที่คนคนหนึ่งถูกยึดถือว่าเป็นคนไม่ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำไม่ดีต่อทุกคน
และในสายตาของคนที่ได้รับสิ่งดีๆ จากคนคนนั้นก็ย่อมมองว่าคนคนนั้นดี
ทุกอย่างทุกเหตุการณ์ไม่มีดำหรือขาว ไม่มีใครตัดสินแทนใครได้
ไม่มีใครย้อนกลับไปในทางเก่า ล้วนเดินไปข้างหน้าทำในสิ่งที่ควรทำและต้องทำทั้งสิ้น”

จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยบทจบหวานกุ๊กกิ๊กสมใจคนอ่าน
อ่านจบแล้ว ก็ได้แต่นั่งอมยิ้ม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
ถ้าไม่เชื่อ ลองหยิบ “บุพเพสันนิวาส” มาลองอ่าน แล้วมาอารมณ์ดีด้วยกันสิคะ ^^

Comments are closed.