อ่านแล้วเล่า

ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต

83 ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต

เรื่อง ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต
ผู้แต่ง วีรพร นิติประภา
สำนักพิมพ์ มติชน
ราคา 180 บาท

เป็นเพราะคำนำแท้ๆ ที่ทำให้เราอ่านนิยายเล่มนี้ได้ไม่เหมือนเล่มอื่นๆ
อ่านไป ก็ระแวงไปว่าแท้จริงแล้วผู้เขียนหมายความตามตัวอักษรหรือเปล่า
มีอะไรสอดแทรกระหว่างบรรทัดและช่องไฟไหม ..
อาจจะมี แต่ที่เราคิดจะตรงกับที่ผู้เขียนคิดหรือ?
หรือแท้จริงแล้วนิยายทุกเรื่องมี หากเพียงแต่เรา “ขบคิด” ?

เหตุการณ์บางเหตุการณ์ก็เกิดซ้ำกันกับอีกหลายต่อหลายครอบครัว
แต่ผลกระทบจากมันต่างหาก ที่ส่งผลไม่เหมือนกัน
นิยายเรื่องนี้ “จงใจ” เศร้าเกินไป เป็นเศร้าด้วยภาษาสละสลวย
เป็นความสุขที่ได้เศร้าไปกับภาษาสวยๆ นั้น ..

83-7 ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต

ความขาดของชลิกาและชารียา กับความเหงาของปราณ ถูกบรรยายเอาไว้ด้วยภาพชีวิตวัยเด็กของทั้งสอง
ไม่รู้ทำไม อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงเด็กหญิงกะทิ (ในความสุขของกะทิ)
แต่ยกให้กะทิเป็นด้านสว่าง ในขณะที่ชลิกา ชารียา และปราณเป็นโลกมืด .. ต่างมุมของเรื่องราวเดียวกัน ..
เป็นกะทิในเวอร์ชั่นที่เขียนโดยมูราคามิ .. เรารู้สึกอย่างนั้น

83-3 ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต

ชารียา เด็กผู้หญิง .. ผู้หญิง ที่ทำชีวิตธรรมดาๆ ของตัวเองให้ยาก
ชีวิตที่มีความสุขอยู่เพียงแค่เอื้อม แต่กลับปิดกั้น และไขว่คว้า เสาะหาสิ่งที่ตรงกันข้าม
เก็บงำความทุกข์ของตนเองไว้ดั่งของสะสมล้ำค่า
มนุษย์เรา บางทีก็เป็นเช่นนั้น หลงทางทั้งๆ ที่ตาบอด .. อยู่ในเขาวงกต

ความรักวกวนเหมือนงูกินหางของคนที่อยู่ในโลกฝัน
สุขแบบฝันๆ และเศร้าแบบฝันๆ โดยไม่เคยรู้รสชาติของความจริง

โรแมนติคบนความเหงาอันสละสลวย

 83-4 ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต

เป็นหนังสือแนะนำให้ฟังดนตรีคลาสสิคขั้นต้น ฟังง่ายสำหรับมือใหม่ (หูใหม่)
โดยตัวละครที่ชื่อว่าลุงธนิต เป็นครูที่ดีสำหรับเด็กๆ ที่ขาดไร้และคนอ่านอย่างเรา

83-5 ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต

ปกติการอ่านหนังสือไปฟังเพลงไปเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยได้ทำ
เพราะเนื้อเพลงมันมักจะตีกับเนื้อความในหนังสือยุ่งไปหมด
(เพลงคลาสสิคเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยผ่านเข้ามาในชีวิตเราอยู่แล้ว)
สิ่งที่เกิดกับไส้เดือนฯ เป็นอะไรที่ไม่ปกติ

หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่เราต้องเปิดเพลงฟังไปด้วย
ฟังเพื่อเข้าใจในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อ
เสิร์ช และฟัง จนทำเพลย์ลิสต์ในยูทูปเพื่อไส้เดือนตัวนี้จริงๆ .. ทุ่มเทเกิ๊น!!

(เลือกเพลงผิดพลาดประการใดก็ขออภัยนะคะ ไม่เข้าใจภาษาของเพลงคลาสสิคจริงๆ ^^”)

การอ่านหนังสือโดยเปิดเพลงคลาสสิคฟังไปด้วยทำให้มีสมาธิอย่างประหลาด
จิตไม่วอกแวกอย่างที่เป็นบ่อยๆ ในช่วงนี้
เมื่อสมาธิจดจ่อ ตัวหนังสือก็สนุกขึ้น ดื่มด่ำขึ้น ลึกซึ้งขึ้น

ลุงธนิต ชายผู้ซึ่งความฝันค่อยๆ สูญหาย
ผู้ซึ่งหลงลืมความบันดาลใจครั้งแรกที่ทำให้เขาเลือกหนทางเดินของชีวิต ..

การแห้งเหือดของความฝันเป็นโรคติดต่อ .. จากลุงธนิตมาสู่ชารียา

83-6 ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต

น้ำตาแรกของเราหยดลงที่ตรงนี้

83-8 ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต

ช่วงเวลาความสุขของชารียากับปราณในยามบ่ายวันจันทร์ เป็นช่วงเวลาที่รื่นรมย์ แสนสุข
จนยากจะเชื่อว่าคนที่สุขขนาดนี้จะมีความเหงาซึมลึกมากมายมหาศาล
หรือต้องเศร้าต้องเหงาอย่างล้นพ้นเสียก่อน จึงจะได้รับรู้รสชาติแห่งความสุขนั้น?

ความขาด การค้นพบ ได้รัก ได้สุข ทุกข์ จากพราก คิดถึง พยายามจะลืม และ … ลืม .

83-9 ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต

นิยายเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นด้วย timeline ที่ผกผัน หลอกเราว่าอะไรเกิดก่อนเกิดหลัง
มันสลับบทสลับตอน ทำให้ลำดับเหตุการณ์ของเรื่องสับสน ซับซ้อนขึ้นไปอีก
แต่ก็สนุกดีไปอีกแบบที่จะคอยลำดับเรื่องราวเอาเองตามความพอใจ ;P
ความลับนิดๆ หน่อยๆ ทำให้เรื่องธรรมดาๆ โรแมนติค
อย่างที่บอก .. เป็นความโรแมนติคแบบเหงาๆ
และภาษาสวยๆ หลอกให้เราไม่เศร้าเท่าไร (แค่ซึมลึกๆ มึนๆ อึนๆ -*-)

การสลับซับซ้อนของแต่ละตอนนี่เอง ที่ทำให้บางตอนก็เหมือนไปคว้าเอาเรื่องสั้นที่ไหนสักเรื่องมาแปะคั่น
เป็นตอนที่บิดเกลียวบางสถานการณ์ และคลี่คลายบางสถานการณ์
ตอนหนึ่งที่เราชอบคือตอน “นางรำแห่งสายฝนพรำ”
ชอบความเกี่ยวโยง ความบังเอิญ ความเป็นไปของชีวิตและโลก
การจิกกัด เสียดสีสังคมเมือง ความเปราะบางของความสัมพันธ์ของคน
การเกาะเกี่ยวสัมพันธ์กันด้วยพันธะเปราะบางของมนุษย์เมือง
เชื่อมต่อกันไปเป็นอนันต์ หากไม่จีรังยั่งยืน
บ้างเหนียวแน่นจริงจังมั่นคง หากบ้างก็เป็นเพียงเยื่อใยเส้นบางๆ
พื้นฐานจิตใจอันอ่อนปวกเปียกของคนที่พร้อมจะยึดเหนี่ยวอะไรก็ได้ .. อย่างไร้สติ

ความเศร้าของเรื่องอยู่ตรงสิ่งที่ตัวละครลืม แต่คนอ่านยังจำ
เขาว่ากันว่าคนที่กำลังจะตายจะจำทุกอย่างในชีวิตได้
ไม่รู้อะไรเจ็บกว่ากัน ระหว่างความรู้สึกแบบที่คนใกล้ตายควรรู้สึก
กับความทรงจำ ความสุข ความเศร้า ความเหงา ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นตลอดทั้งชีวิตนั้น
.. หวนคืนในคราวเดียว ..

อ่านให้สนุกและมีความสุขแม้ในเรื่องเศร้า ถ้าอ่านแล้วเครียดต้องมาบังคับตัวเองให้ต้องขบคิดและตีความ
ก็อย่าไปบ้ากับมันเลย อ่านเอาเรื่องเปลือกๆ ไปอย่างเดียว
เดี๋ยวถ้ามันจะคิดจะขบจะพบอะไร มันก็เกิดขึ้นเอง .. ด้วยความสุข สนุกคิด สนุกขบค่ะ

Comments are closed.