เรื่อง เพชรกลางไฟ
ผู้แต่ง ว.วินิจฉัยกุล
สำนักพิมพ์ ทรีบีส์
(สนพ. ในเครือ สนพ.อักษรโสภณ)
ราคา 350 บาท

เพชรกลางไฟ คือชีวิตของเจ้านายกลุ่มหนึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
หัวหน้าครอบครัวทรงเป็นเสด็จในกรมฯ พระองค์หนึ่ง ทรงมีหม่อมต่วนเป็นหม่อมใหญ่
มีโอรสหนึ่งพระองค์คือหม่อมเจ้าอรชุน กำลังทรงศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศ
และธิดาอีกสี่พระองค์ คือหม่อมเจ้าหญิงอลัมพุษา, หม่อมเจ้าหญิงติโลตตมา (ท่านหญิงกลาง),
หม่อมเจ้าหญิงอทริกา (ท่านหญิงนิด), และหม่อมเจ้าหญิงอรุณวาสี (ท่านหญิงเล็ก)
(พระนามไพเราะทุกพระองค์เลยเนอะ ^^)
ทรงมีหม่อมเรี่ยม กับธิดาคือหม่อมเจ้าเมรา (ท่านหญิงเม)
หม่อมพิณ ไม่มีหม่อมเจ้า ออกจากวังไปตั้งแต่สาวๆ
และหม่อมสลวย หม่อมคนสุดท้อง
มีโอรสคือ หม่อมเจ้าวิสสุกรรมซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในต่างประเทศเช่นกัน
และหม่อมเจ้าหญิงอุรวศี (ท่านหญิงหลง) พระธิดาองค์สุดท้อง

หม่อมต่วนผู้เป็นหม่อมใหญ่นั้นอำนาจคับฟ้า แม้จะไม่ได้เป็นเจ้านายมาแต่แรก
แต่ก็เป็นบุตรสาวเจ้าพระยาคนสำคัญ ตัวเธอเองจึงสำคัญไปด้วย
เมื่อเสด็จในกรมฯ สิ้นพระชนม์  หม่อมสลวยและหม่อมเจ้าหญิงอุรวศี ..
ซึ่งเคยอยู่ในเรือนปั้นหยาสีเขียวหม่นอันเป็นกรรมสิทธิ์อันชอบธรรม
ก็เริ่มถูกกลั่นแกล้งซึ่งๆ หน้า
หม่อมสลวยจึงพาหม่อมเจ้าอุรวศีไปถวายตัวกับเสด็จพระองค์หญิง
ผู้เป็นเชษฐภคินีร่วมเจ้าจอมมารดาเสด็จในกรมฯ (สมเด็จป้าของหม่อมเจ้าอุรวศี)

ตอนที่แม่แช่มพาแม่พลอยไปถวายเสด็จฯ ที่ในวังนั้น (จากสี่แผ่นดิน)
ตอนนั้นเราก็น้อยใจแทนพลอยมาหนหนึ่งแล้ว
คราวนี้ หม่อมสลวยถึงกับหลอกท่านหญิงฯ ผู้เป็นธิดาไปฝากสมเด็จป้าโดยไม่บอกกล่าว
เรานี่ยิ่งเคืองหนัก เพราะตนเองจะแต่งงานใหม่ ยังไม่กล้าแม้แต่จะบอกลูกสาว
แถมสมเด็จป้าก็ไม่ได้มีพระทัยดีเหมือนเสด็จฯ ของพลอย
ทรงมีพระอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่เป็นนิจ อยู่ในวังก็แวดล้อมด้วยคนชัง
อยู่อย่างอึดอัดพระทัย ไร้หนทาง

ด้วยความที่ท่านหญิงอุรวศีทรงมีน้ำพระทัยดี กล้าทูล ไม่ได้กลัวสมเด็จป้าจนตัวลีบ
ทรงขับเพลงไพเราะ และทรงซอสามสายได้ไพเราะนัก
แถมยังทรงกำพร้า และถูกกลั่นแกล้งจากพี่น้ององค์อื่นๆ
ไม่นาน สมเด็จป้าก็ทรงปราณี

ฝ่ายอนล บุตรชายคนเล็กของพระยารัชปาลี กับคุณหญิงนวม
มีพี่ชายชื่ออนึก รับราชการทหาร และมีอาเกื้อผู้ป่วยเป็นโปลิโอมาแต่เล็ก
หากแต่รักการอ่านและการเรียนรู้ มีความรู้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษแตกฉาน
เป็นครอบครัวเล็กๆ ที่มีเกียรติพอประมาณครอบครัวหนึ่ง
หากแต่เกียรติยศเพียงแค่นี้ ก็หาได้คู่ควรกับเจ้านายไม่

เรื่องราวความรักต่างชนชั้น ระหว่างหม่อมเจ้าหญิงผู้ทรงกำพร้า
แต่ต้องทรงไว้ซึ่งเกียรติยศ กับบุตรชายขุนนางชั้นพระยา
เป็นความรักต้องห้ามที่เต็มไปด้วยอุปสรรค
และต่างฝ่ายต่างก็ต้องดำรงรักษาความดีงามตามศีลธรรม
และยิ่งต่างฝ่ายต่างก็มีคู่หมายที่ผู้ใหญ่จัดหาไว้ให้
ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งจำต้องห่างไกลกันออกไปทุกที
ลุ้นค่ะว่าสุดท้ายแล้วผู้เขียนจะหาทางออกให้ความรักครั้งนี้ยังไง

อ่านนิยายของอาจารย์วินิตาติดต่อกันหลายๆ เรื่องนี่จิตตกพอใช้เหมือนกันนะ
เพราะตัวละครแต่ละตัวของอาจารย์ ล้วนแต่ต้องผจญอุปสรรคหนักหนาไปแทบทั้งนั้น
อ่านติดๆ กันแล้วชักจะเหนื่อยๆ กับการลุ้นไปกับตัวละคร
มาตกหนักที่เรื่องนี้ เพราะตัวละครทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
ล้วนต้องพบกับอุปสรรคมิใช่น้อยทีเดียว
เจ้าหญิงอุรวศีนั้นก็ทรงหัวเดียวกระเทียมลีบ ต้องฟันฝ่าอุปสรรคแทบจะโดยลำพัง
ฝ่ายอนลเอง ก็มีอุปสรรคไม่น้อยหน้า

ผู้เขียนใช้ภาษาสละสลวย เปรียบเทียบเหตุการณ์ร้ายแรงด้วยภาษาโอนอ่อน
ละมุนละม่อม หากแต่ก็ทำให้เห็นภาพชัดเจน
วิธีเล่าที่ไม่ได้ตัดสินถูกผิด หากแต่คนให้คนอ่านพินิจพิเคราะห์
ตัดสินตัวละครเองตามแต่วิจารณญาณ
อ่านจบแล้วถึงได้รู้ว่า ที่เกร็งไปนั้นสูญเปล่าทั้งเพ
เพราะทั้งหม่อมเจ้าหญิงอุรวศี และอนล ต่างก็ดำรงตนด้วยดี
ผ่านพ้นอุปสรรคมาอย่างราบรื่น ไม่มีอันตรายใดๆ มาแผ้วพานให้ใจหายใจคว่ำเลย

เนื้อเรื่อง มีความหวานให้ชื่นใจคนอ่านเป็นระยะ
แต่ก็หวานแบบวิวหวิวอยู่ในหัวใจ เพราะมันปนไปด้วยความสงสาร ความอึดอัด
กับความรักต้องห้ามของคนทั้งสอง

และเป็นเพราะเนื้อเรื่องนั้นเกิดในยุครัชกาลที่ 6 โดยตลอดเรื่อง
ผู้เขียนจึงได้สอดแทรกรายละเอียดภายในรัชกาลเอาไว้ละเอียดพอสมควร
เพลงยาวและบทกลอนต่างๆ ที่ประกอบในเรื่อง ล้วนไพเราะ อ่อนหวาน
สมกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในยุคที่กวีและวรรณกรรมไทยเฟื่องฟู

ผู้เขียนสอดแทรกเกร็ดประวัติเรื่องทหารเสือป่า, เรื่องความไม่พอใจในหมู่ทหารกลุ่มหนึ่ง
และกลายเป็นต้นเหตุแห่งเหตุการณ์กบฏ ร.ศ. 130 (พ.ศ. 2455)

จะว่าไป กบฏ ร.ศ. 130 ก็นับว่าเป็นปฐมบทแห่งการเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตย
แม้เริ่มต้นไม่สำเร็จ แต่ก็เป็นรากฐานให้ปัญญาชนรุ่นถัดมาไม่ไกลกันนั้น
ได้ดำเนินรอยตาม
ผู้เขียนใช้สายตาของคนที่มองย้อนกลับไป
จากประเทศที่ผ่านการเมืองในระบอบนี้มาแล้วถึง 80 กว่าปี
มองเห็นข้อดีข้อเสียถ่องแท้ และนำเสนอความคิดเห็นที่เราเห็นด้วยที่สุด
ผ่านตัวละครอย่างอนล อนลในเรื่องนี้จึงเป็นเสมือนผู้มีสายตากว้างไกล
มองระบอบประชาธิปไตยแบบไทยได้อย่างปรุโปร่ง

ผู้เขียนลงรายละเอียดเหตุการณ์กบฏ ร.ศ. 130 เอาไว้ค่อนข้างละเอียด
ตั้งแต่ครั้งวางแผน, เหตุการณ์คืนที่ถูกจับกุม, จวบจนกระทั่งการตัดสินโทษหลังจากนั้น
โดยการนำตัวละครหลักเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วย ..

สปอยล์

อนลนั้นตั้งใจจะไปห้ามพี่ชายไม่ให้ก่อการ โดยทำอุบายว่ามารดาป่วยจึงมาตามพี่ชายกลับบ้าน
พอดีกับวันนั้น เป็นวันที่ข่าวรั่วไหล และสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกได้ทรงวางแผน
จู่โจมเข้าจับกุมคณะผู้ก่อการทั้งหมดได้โดยละม่อม
ในการจับกุมครั้งนี้เอง อนลติดร่างแหไปด้วยโดยบังเอิญ
ในขณะที่อนึก พี่ชายผู้ล่มหัวจมท้ายกับคณะก่อการมาตั้งแต่ต้น กลับหนีรอดไปได้

หลังเหตุการณ์ครั้งนี้ ผู้เขียนพลิกผันเหตุการณ์ต่างๆ กลับไปกลับมาอย่างรุนแรงมาก
อ่านไปก็ใจระทึกไป ทั้งสนุก ทั้งน่าติดตามจนวางไม่ลง
ดอง เพชรกลางไฟ มาตั้งแต่หมดงานสัปดาห์หนังสือฯ หมาดๆ
จวบจนจะถึงงานมหกรรมหนังสือฯ อยู่แล้ว เพิ่งได้ฤกษ์หยิบมาเคลียร์ค่ะ
อ่านจบแล้วนึกเสียดายที่ไม่หยิบมาอ่านเสียตั้งนานแล้ว ออกจะสนุกขนาดนี้
ใครที่ดองเพชรกลางไฟอยู่ นี่คือคำเตือนนะคะ
ความสนุกอยู่ใกล้มือคุณขนาดนี้ ไม่อ่านได้ยังไง >,<