อ่านแล้วเล่า

จะเป็นผู้คอยรับไว้ ไม่ให้ใครร่วงหล่น

เรื่อง จะเป็นผู้คอยรับไว้ ไม่ให้ใครร่วงหล่น
ผู้แต่ง เจ.ดี. ซาลินเจอร์
ผู้แปล ปราบดา หยุ่น
สำนักพิมพ์ ไลต์เฮ้าส์
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786619007604

ฉันอ่านอะไรจบลงไปนี่!!
นี่คือคำอุทาน (ในใจ) แรกหลังอ่านหนังสือเล่มนี้จบ!!!

จะเป็นผู้คอยรับไว้ ไม่ให้ใครร่วงหล่น
มันเป็นเรื่องของเด็กบ่นบ้าคนหนึ่ง บ่นมาตั้งแต่เปิดเรื่อง
เขาคือเด็กชายวัยสิบหกขวบนามโฮลเดน
กำลังเล่าเรื่องของตัวเองให้เราฟังอยู่
ใจความของเรื่องก็คือ เขาเป็นนักเรียนสุดห่วย
และเพิ่งจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนมาหมาดๆ
มันไม่ได้พีคอะไร แต่กลับมีความน่าสนใจดึงดูดให้เราอ่านได้เรื่อยๆ
ภายใต้คำบ่นไป สบถไป เม้าท์ผองเพื่อนและครูบาอาจารย์ไปนั้น
มันก็ชวนให้คิดว่า .. แล้วเขาจะจัดการชีวิตของเขายังไงต่อ?

ตอนเริ่มอ่าน มันก็อ่านได้เรื่อยๆ ดีนะ
มันน่าสนใจว่าเจ้าโฮเดนนี่จะบ่นไปถึงไหน
แต่พอผ่านร้อยหน้าแรกมาแล้วยังบ่นไม่จบ เราก็เริ่มเบื่อๆ
เริ่มไม่เข้าใจ .. เริ่มค้นหาว่าผู้เขียนจะสื่ออะไรกันแน่เนี่ยะ!!

โลกของโฮเดน มันเป็นโลกที่แทบจะไม่มีอะไรที่เขาชอบเลย
เขาบ่นได้กับทุกสิ่งทุกอย่าง เกลียดมัน มองเห็นข้อเสียของมัน
แต่ก็วิ่งรี่เข้าไปหามัน เพื่อจะพบว่ามันแย่อย่างที่คิด และก็เริ่มบ่นมันอีก

หนังสือเล่มนี้ใช้คำว่า “เฟก” เปลืองที่สุด
เขาว่าคนอื่นเป็นคนเฟกๆ ในขณะที่เรากลับมองว่า เขาก็เฟกเหมือนกัน
เกลียดผู้หญิงเฟกๆ แต่ก็ดันเป็นแฟนกับเธอ
เกลียดเพื่อนที่โรงเรียน แต่ก็ยังคบกับเขา
อยากทำอย่างหนึ่ง แต่ก็ทำอีกอย่าง
ไม่กล้าปฏิเสธคน ยอมทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ เพราะเพื่อนขอร้อง ฯลฯ

ในขณะที่ที่โฮลเดนด่าใครต่อใครว่าเฟกอย่างนั้นอย่างนี้
เรากลับคิดว่าตัวเขาเองต่างหาก คือคนที่เฟกที่สุด
ทำตัวขวางโลก วิ่งหนีโลก
ขณะเดียวกันก็ต้องการมัน โหยหามัน โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่ยอมรับมันด้วย
เป็นพวกเด็กมีปัญหาขนานแท้ สุดกู่

เขาเป็นคนที่มีความย้อนแย้งกันอยู่ในตัวสูงมาก
บางครั้งก็ต้องการใครสักคนมาอยู่ด้วย แม้เป็นคนที่เกลียดแสนเกลียด
เป็นคนที่ตัวเองก่นด่าอยู่ในใจตลอดเวลา

เราว่านะ พวกเราก็ต่างมีมุมแบบนี้อยู่ในตัว
เพียงแต่มันน้อยนิดเป็นเศษเสี้ยว

ส่วนเจ้าโฮเดนมันสุดโต่ง สุดกู่
ทั้งปฏิเสธสังคม แต่ก็โหยหาไปด้วยในตัว
ทั้งขวางโลก ทั้งปรารถนาโลก 
ทั้งวิ่งหนี และวิ่งเข้าใส่ ขาด แต่ก็เกิน
เจ้าโฮเดนจึงเหมือนเป็นมุมลับอับๆ แอบๆ ซ่อนอยู่ในตัวเราเหมือนกัน

เพราะเหตุนี้กระมัง .. มันจึงเป็นวรรณกรรมที่โด่งดัง และถูกกล่าวขวัญถึงไปทั่วโลก
ประเด็นดังที่รู้ๆ กันอยู่ก็คือ ..
ว่ากันว่ามันเป็นแรงบันดาลใจให้ มาร์ก เดวิด แชปแมน มือปืนที่ยิงจอห์น เลนอน
และยังเป็นแรงบันดาลใจใหกับ จอห์น ฮิงคลีย์ จูเนียร์ ผู้ลอบยิงประธานาธิบดีเรแกนด้วย
ซึ่งเราเองอ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าหนังสือเล่มนี้มันทำให้คนอยากฆ่าคนตรงไหน?
มันคงไปสะกิดปม หรือจุดประกายอะไรบางอย่างในเบื้องลึกของจิตใจฆาตกร

ก็คงจะเป็นเพราะเหตุนี้แหละ ที่ทำให้มันดังเกินความน่าจะดังไปมาก
หนังสือถูกหยิบมาวิเคราะห์วิจารณ์ ตีแผ่ ถกเถียง ฯลฯ กันมากมาย
ทั้งๆ ที่เราคิดว่า ต่อให้หยิบหนังสือเล่มไหนมาอ่าน มันก็สามารถถกกันได้แบบนี้เหมือนกัน
เพียงแต่หนังสือเล่มอื่นๆ มันดังไม่พอ? หรือไม่มีประเด็นดึงดูดใจพอ?

สรุปว่าเราเฉยๆ กับหนังสือเล่มนี้นะ
และค่อนข้างไม่สนับสนุนให้เยาวชนอ่านก่อนจะโตเป็นผู้ใหญ่ด้วย
หนังสือบางเเล่ม ก็ใช่จะสักแต่ว่าอ่านตามๆ กันไป
มันต้องการวุฒิภาวะบางอย่าง ชีวิตควรผ่านประสบการณ์มาประมาณหนึ่ง
จิตใจควรมีภูมิต้านทานเข้มแข็งพอที่จะวิเคราะห์ผิดชอบดีชั่วของตัวละคร
เราขอยกให้หนังสือเล่มนี้เป็น “วรรณกรรมที่ไม่ควรอ่านก่อนเรียนจบ” ค่ะ

Comments are closed.