เรื่อง ก่อนฟ้าสางผู้แต่ง สุรชัย จันทิมาธรสำนักพิมพ์ สามัญชนเลขมาตรฐานหนังสือ 9749748107 ก่อนฟ้าสาง เป็นนวนิยายว่าด้วยปัญหาในชนบทยุคเก่าที่ข้าราชการเอาเปรียบประชาชนข่มขู่ข่มเหง เก็บภาษีขูดรีด หาประโยชน์ใส่ตนซึ่งประชาชนในเรื่องนี้ต่ำต้อยเสียกว่าตาสีตาสาเพราะเป็นครอบครัวชาวลัวะชาวลาวที่อพยพหนีสงครามเข้ามาตั้งรกราก ความยากลำบากเหล่านี้เองที่ทำให้ลัทธิคอมมิวนิสต์(ซึ่งในเรื่องไม่ได้ระบุชัดเจน แต่เราอนุมานเอาจากบริบท)แทรกซึมเข้ามาในรูปแบบของความเชื่อดั้งเดิมมาในรูปคำบอกกล่าวของผีผู้ปกปักรักษา เรียกกันว่าเจ้าต้นบุญ เรื่องถูกเล่าด้วยดวงตาสุดขั้ว ตัวละครแบนราบข้าราชการเป็นสีดำสนิทในขณะที่ชาวบ้านก็เป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ใสสะอาดในทางหนึ่งมันฉายชัดถึงชีวิตในชนบทที่ถูกเอารัดเอาเปรียบแต่ในอีกทางหนึ่งก็ดูจะเป็นการบ่มเพาะความเกลียดชังระหว่างสองฝ่าย ตัวละครไม่กลมกลึงกลมกลืนกับความเป็นจริงบทสนทนาของตัวละครชาวลัวะ ไม่ใช่ปากคำชาวลัวะมันเป็นปากคำของคนที่มีการศึกษา รู้ภาษาศัพท์แสง คำอ้างต่างๆ ที่ใช้ ซับซ้อนเกินชาวบ้านไปมากทำให้ไม่สมจริง อ่านแล้วรู้สึกเหมือนถูกปลุกปั่นมากกว่าถ่ายทอดเรื่องราวความยากลำบากของชาวบ้านให้เห็นจริง ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงที่ถูกนำมาเขียนไว้ในรูปแบบของนิยายและมันดูเหมือนนิยายเสียยิ่งกว่าเรื่องจริง อ่านมาถึงตอนจบ รู้สึกคล้ายกับว่าสถานการณ์ในเรื่องนี้ เป็นการจำลองเอาเหตุการณ์ยุค 14 ตุลาฯ 16และ 6 ตุลาฯ 19 อยู่เหมือนกันแต่ย่อขนาดประเทศให้เหลือเพียงหมู่บ้านห้วยชนินทร์จากนายกรัฐมนตรี และคณะบริหารประเทศกลายเป็นเพียงกำนัน นายอำเภอ และตำรวจ บันทึกจากผู้เขียน ควรอยู่ท้ายเล่มฉากจบด้วยบันทึกผู้เขียนจะทำให้เรื่องราวถูกตอกย้ำมากขึ้น ตราตรึงมากขึ้นกว่าการนำมาวางให้อ่านแต่ต้นเล่ม ..ตอนที่เรายังจับอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน  

เรื่อง ข้างถนนผู้แต่ง สุรชัย จันทิมาธรสำนักพิมพ์ สามัญชนเลขมาตรฐานหนังสือ 974974814x กับเรื่องสั้นเล่มนี้ ยิ่งอ่านยิ่งเห็นได้ชัดว่าเนื้อเรื่องเข้มข้นมีสัญลักษณ์ และหนักหน่วงกว่าเล่มก่อนๆ ทั้งนี้ ไม่นับเรื่องสั้นเรื่องแรก และเรื่องที่สอง .. คนไม่เอาถ่าน และ คนจรและหมาไม่มีชื่อซึ่งเป็นเรื่องซ้ำกันกับที่เคยลงใน ความบ้ามาเยือน เราชอบเรื่อง ห้องน้ำมีรอยเลือด มันน่าสนใจ น่าติดตามเป็นน้อยเรื่องที่เราอ่านแล้วลุ้นเรื่องราวในตอนจบ นอกจากนี้ เรายังชอบเรื่องที่มีฉากเป็นชนบทมากกว่าในเมืองเหตุผลอาจเป็นเพราะมันไม่จำเจ ไม่คุ้นเคยดี เช้าวันหนึ่งและความเป็นไป ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจมากเสี้ยวหนึ่งของเรื่องสั้น มีตอนที่ผู้เขียนมองสิ่งต่างๆ รอบตัวรวมทั้งผู้คน ครอบครัว ฯลฯ จากมุมหลังจากที่ตนเองเสียเชีวิตไปแล้วเพราะอุบัติเหตุอันไม่คาดฝัน นอกจากนี้ เรื่องสั้นเรื่องอื่นๆ ในเล่มนี้ ก็นับว่าแปลกไปจากเรื่องสั้นจากเล่มอื่นๆหลายเรื่อง มีแง่มุมจุดประกายความสนใจให้กับผู้อ่าน หากแต่บางเรื่องก็เปิดเผยความเก็บกด ก้าวร้าว รุนแรงใช้ความโหดร้ายทารุณเรียกร้องความสนใจจากผู้อ่านซึ่งพบได้จากอีกหลายเรื่องสั้นโดยผู้เขียนท่านอื่น .. และเราไม่ชอบแนวนี้เท่าไร โดยรวม อ่านเรื่องสั้นของผู้เขียนจนหมดบ้านแล้ว ไม่พบเรื่องที่ชอบที่สุดแต่ก็ไม่พบเรื่องที่ไม่ชอบที่สุดด้วยเช่นกันทุกเรื่องอยู่ในระดับกลางๆ อ่านได้เรื่อยๆ ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นในดวงใจ  

เรื่อง เดินไปสู่หนไหนผู้แต่ง สุรชัย จันทิมาธรสำนักพิมพ์ สามัญชนเลขมาตรฐานหนังสือ 9749748123 เดินไปสู่หนไหน ยังคงเป็นรวมเรื่องสั้นของคุณหงา คาราวานและเรื่องสั้นในเล่มนี้ยังคงว่าด้วยชีวิตผู้คนชนบทหากแต่ฉากและสถานที่ย้ายจากชนบทมาเป็นกรุงเทพมหานครถ้าอย่างเจาะจงหน่อย ..หลากเรื่องเล่าเกิดขึ้นรอบๆ สนามหลวงนี้เอง เราชอบวิธีเล่าของเรื่องแรก ความหวังมันมีลูกเล่นยั่วล้อเราขณะอ่านรายละเอียดเต็มพร้อมกว่าเล่มแรก มาจากที่ราบสูง แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องในเล่มนี้ที่เราชอบอย่างเรื่องที่สอง สุนทรีกับทองเสน แปลกมากเราไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนสื่อจากเรื่องนี้เลยและก็ยังมีอีกบางเรื่องที่ให้ความรู้สึกแปลกๆ อย่างนี้ซึ่งเรื่องที่ชอบที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องแรกที่ว่าน่ะแหละ อ่านมาจนจบเล่มที่สอง เรื่องสั้นของคุณผู้เขียน ก็ยังคงไม่โดนใจเราอยู่ดีมันราบเรียบเกินไป เฉยเมยเกินไปและคงเป็นที่เราไม่มีประสบการณ์ร่วมเท่าไรด้วยแหละโดยรวมๆ ก็คือยังคงอยู่ในโหมด .. เข้าไม่ถึงค่ะ ^^”  

เรื่อง มาจากที่ราบสูงผู้แต่ง สุรชัย จันทิมาธรสำนักพิมพ์ สามัญชนเลขมาตรฐานหนังสือ 9749748115 มาจากที่ราบสูง เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นของคุณสุรชัย จันทิมาธรหรือคุณหงา คาราวาน ซึ่งถูกเขียนขึ้นมาตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516(เรื่องสั้นส่วนมาก ถูกเขียนขึ้นในปี พ.ศ. 2510)เรื่องสั้นส่วนมาก ล้วนพูดถึงชีวิตผู้คนในชนบท .. ถ่ายทอดชีวิตผู้คนในชนบท ด้วยภาษาอ่านง่ายไม่ซับซ้อนเล่าวิถีชีวิตธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาเริ่มและจบอย่างไม่มีปม ไม่มีหักมุมแต่ก็ถ่ายทอดชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างชัดแจ้ง เป็นจริง มาจากที่ราบสูง เล่มนี้ เป็นรวมเรื่องสั้นเล่มแรกของผู้เขียนและมันก็เป็นการอ่านงานเขียนของคุณหงาเป็นครั้งแรกสำหรับเราด้วยซึ่ง .. เรื่องแรกไม่ค่อยถูกจริตเราเท่าไร ^^”จะมีสาส์นใดซ่อนอยู่ในเรื่องนี้หรือไม่ เราไม่รู้แต่พล็อตที่ถ่ายทอดออกมานั้นมันค้านกับใจเรา อ่านแล้วก็เลยไม่ชอบ โดยรวมทั้งเล่ม มาจากที่ราบสูง มันอ่านได้เรื่อยๆ เพลินๆ ไม่ได้รู้สึกแย่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกชอบไม่ตรงจริตเราเท่าไร เข้าไม่ถึง (ไม่ได้หมายความว่ามันอ่านยากนะ) แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีตอนที่ชอบอยู่บ้าง ..ตอนที่ชอบที่สุดคือตอนที่ชื่อว่า คนว้าเหว่เรื่องของคุณหงามักไม่บ่งบอกอารมณ์ของตัวละครนักและคำบรรยายก็ไม่ได้แสดงออกมากด้วยมันมาน้อยๆ เป็นหน้าที่ของคนอ่านที่จะต้องรับรู้ความรู้สึกเอาเองแต่กับเรื่อง คนว้าเหว่ เราว่าอารมณ์มันมาชัดเจนที่สุดเรารับสัมผัสได้ง่ายกว่าเรื่องอื่นๆ ในเล่ม ..ส่วนสำนวนของคุณหงานั้น .. เดี๋ยวเราลองไปวัดกันที่เล่มถัดไป .. เล่มหน้าค่ะ[…]

เรื่อง ผ่านพบไม่ผูกพันผู้แต่ง เสกสรรค์ ประเสริฐกุลสำนักพิมพ์ สามัญชนเลขมาตรฐานหนังสือ 9789749748947 ผ่านพบไม่ผูกพัน เป็นหนังสือที่ว่าด้วยการเดินทาง .. เล่าถึงสิ่งที่ผ่านพบ ทั้งสถานที่ ภูมิประเทศ และผู้คนการเดินทางที่ว่านี้ เป็นการเดินทางทั้งภายนอกและภายในเดินทางเพื่อพบ เรียนรู้ และครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่ได้ผ่านและได้พบในเล่ม เล่าเรื่องด้วยตัวหนังสือน้อยตัวมีภาพประกอบเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเล่าเรื่องและภาพมีส่วนมากทีเดียวกับเล่มนี้ .. เสียดายที่มันเป็นขาวดำอยากให้เล่มนี้ตีพิมพ์ดีๆ เป็นภาพสีสวยงามให้ขนาดเล่มใหญ่กว่าปกติหน่อยซึ่งน่าจะเข้ากันดีกับเนื้อหา และเข้าถึงผู้คนได้มากกว่านี้ ผ่านพบไม่ผูกพัน เป็นหนังสือที่เหมาะแก่การพกไปอ่านระหว่างเดินทางที่สุดและแม้แต่อ่านอยู่กับบ้านเฉยๆ อ่านแล้วก็กลับอยากออกเดินทางด้วยอยากมีบางชั่วขณะ ที่ตนเองเปิดหนังสือเล่มเดียวกันนี้อ่าน .. ที่อื่น .. ที่ไม่ใช่บ้าน กับเล่มนี้ เรามีความรู้สึกที่ต่างไปจากเล่มอื่นนิดหน่อยคือชอบบางบทมาก แบบมากๆ แต่กับบางบทก็เฉยๆ ไปเลย เข้าไม่ถึงคงขึ้นกับประสบการณ์ในแต่ละส่วนของชีวิตด้วยเป็นหนังสือที่คิดอยากจะอ่านซ้ำ .. ในวาระโอกาสอื่นข้างหน้าและถ้ารู้สึกเปลี่ยนไป จะหยิบมันมาเล่าอีกรอบน่าจะดี  

เรื่อง โลกเปลี่ยนต้องเปลี่ยนโลกผู้แต่ง เสกสรรค์ ประเสริฐกุลสำนักพิมพ์ สามัญชนเลขมาตรฐานหนังสือ 9749748212 โลกเปลี่ยนต้องเปลี่ยนโลก เป็นการรวบรวมเอาบทความ –ที่ผู้เขียนเคยเขียนคอลัมน์ต่างๆ ลงในนิตยสารสู่อนาคต, หนังสือพิมพ์ผู้จัดการปริทรรศน์, และผู้จัดการรายวันซึ่งเป็นการเล่าในรูปแบบคอลัมน์ คือเล่าเรื่องตามสมัย ทันกระแสเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงนั้น ภาษาสำนวนกระชับ ได้ใจความแต่ขาดความสละสลวยอย่างตอนที่เราอ่านนวนิยายหรือเรื่องสั้นเรื่องอื่นๆ ของผู้เขียนได้แง่คมแง่คิด แต่ไม่อิ่มใจเท่าเล่มแรกๆ ที่อ่าน(เดินป่าเสาะหาชีวิตจริง, ฤดูกาล, คนหาปลา, ห้วงยามแห่งความพ่ายแพ้)  แต่ละบทความที่คัดสรรมาเหล่านี้ ว่าด้วยเรื่องของโลกในแง่มุมของสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมซึ่งอ่านแล้วเข้าใจ รับรู้ได้เป็นรูปธรรมเล่าถึงประสบการณ์ตกปลาในแต่ละครั้งของผู้เขียนเราได้พบกับวรรณสิงห์ และแทนไทในวัย 4 ขวบ และ 9 ขวบด้วยและแบบที่ก่นด่า สบถสาบาน ก็มีให้อ่านอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกัน นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอปรัชญาการใช้ชีวิตที่เข้าใจง่าย เป็นรูปธรรมตอนที่เราชอบที่สุดคือตอน แผ่นดินนี้ของใครมันอธิบายปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาการจัดการของนักการเมือง ฯลฯ ได้ตรงใจเราที่สุดพูดถึงทุกเรื่องในฐานะคอลัมนิสต์น่ะแหละ และอีกตอนที่ชอบมาก คือตอนสุดท้ายของเล่มนี้ที่มีชื่อว่ามาจาก 2516 คุณเสกสรรค์เล่าด้วยบทสนทนาระหว่างตนเองในปัจจุบัน และตนเองในอดีตในวันที่เราผ่านทั้งวัยหนุ่มสาวมาแล้ว และกำลังล่วงเข้าสู่วัยแก่ยอมรับเลยว่ามุมมองของคนเราเป็นเช่นนั้นให้เรามานั่งคุยกับตัวเองในอดีตก็คงกลายเป็นบทสนทนาอีกแบบ อีกเรื่องหนึ่งหากแต่ชวนทะเลาะเบาะแว้ง และคงมีข้อขัดแย้งที่คล้ายคลึงกัน เราลองใคร่ครวญเหตุผลที่เราชอบอ่าน –งานของคุณเสกสรรค์ไปเสียทุกเล่ม[…]

เรื่อง ห้วงยามแห่งความพ่ายแพ้ผู้แต่ง เสกสรรค์ ประเสริฐกุลสำนักพิมพ์ สามัญชนเลขมาตรฐานหนังสือ 9786167474069 ห้วงยามแห่งความพ่ายแพ้ เป็นเพียงชื่อหนึ่ง –ในหลากเรื่องสั้นของหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มนี่้และมันไม่ได้เป็นอารมณ์โดยรวมของเรื่องสั้นทั้งหมดในเล่มด้วยคำว่า “แพ้” ในเรื่องสั้นเรื่องแรกที่ว่านี้ มีความหมายถึง“การเดินทางออกจากป่ากลับเข้าสู่เมือง” ของผู้เขียนอย่างไม่ต้องสงสัยแต่เรื่องราวในตอนอื่นๆ กล่าวถึงการเดินทางในวาระต่างๆ หลังจากนั้นซึ่งไม่ได้บรรยายแต่เพียงลักษณะการเดินทางหากแต่ถ่ายทอดความคิดนึกของผู้เขียน ที่เกิดขึ้นในแต่ละทริปแต่ละจังหวะเวลาและโอกาสต่อสิ่งที่ได้พบเห็นด้วย ตัวหนังสือของคุณเสกสรรค์ ยังคงเป็นตัวหนังสือที่มีแรงดึงดูดรุนแรงทำให้เราวางไม่ลง ไม่ต่างจากสามเล่มแรกที่เพิ่งอ่านจบไปแต่โดยส่วนตัว เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้เชื่อมโยงถึงเราได้น้อยกว่าเล่มอื่นซึ่งมันก็คงขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้อ่านแต่ละคนน่ะนะ ตอนสุดท้ายของเล่มนี้ ผู้เขียนเล่าถึงครั้งเดินทางกลับไปเยือนภูหินร่องกล้าหลังจากที่จากมาราว 20 ปีความทรงจำครั้งนี้เชื่อมต่อกับสิ่งที่คุณจิระนันท์เล่าไว้ใน อีกหนึ่งฟางฝันฯ ทั้งสองเล่มจึงเป็นหนังสือที่ .. ถ้าได้ไปเยือนภูหินร่องกล้าอีกครั้งเราก็อยากหยิบมันไปอ่านที่นั่นด้วย  

เรื่อง คนหาปลาผู้แต่ง เสกสรรค์ ประเสริฐกุลสำนักพิมพ์ สามัญชนเลขมาตรฐานหนังสือ 9786167474373 สามเล่มแรกของคุณเสกสรรค์สำหรับเราเป็นรูปแบบงานเขียนที่ไม่ซ้ำกันเลยเริ่มจากบันทึกประสบการณ์ เรื่องสั้น และมาเป็นนวนิยายเล่มนี้ คนหาปลา เป็นนวนิยายเล่มแรกของผู้เขียนที่ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ผู้เขียนมีวัยใกล้จะ 70ซึ่งในฐานะของแฟนน้ำหมึกมือใหม่เราไม่รู้เลยว่าระหว่างเรื่องสั้นเรื่องแรกมาถึงนวนิยายเรื่องแรกงานเขียนของคุณเสกสรรค์เปลี่ยนแปลงไปเช่นไรบ้างแต่กับเล่มนี้ บอกได้เลยว่า ..ภาษาสละสลวยขึ้นมาก(เทียบกับเรื่องสั้น ฤดูกาล ที่เราเพิ่งอ่านจบไป)(อาจเป็นเพราะรูปแบบที่แตกต่าง)จากที่เคยสั้นกระชับ กลายเป็นการเปิดฉากนวนิยาย –ด้วยภาพตะวันตกดินที่สวยงามมากด้วยภาษาศิลป์ที่ทำให้เราเห็นเป็นภาพได้เลย ตัวอักษรของผู้เขียนทำให้เราเห็นภาพสวยงามของธรรมชาติทำให้เราลุ้นระทึกไปตามจังหวะลีลาการจับปลาของเฉียบอินไปกับบทสนทนา ความคิด ความรู้สึกของทุกตัวละคร นอกจากความสวยงามทางภาษาผู้เขียนยังสอดแทรกปัญหาหลักของประเทศอันพบเห็นอยู่ได้จนชินชาในทุกชุมชนการติดสินบนเจ้าหน้าที่เพื่อผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆเลห์กลของพ่อค้านายทุน ..ถึงกระนั้นก็ยังมีน้ำจิตน้ำใจของผู้คนปะปนสะสมไปกับความรัก ความเกลียด การกระทบกระทั่ง ฯลฯ ของคนในชุมชน เรื่องยังเริ่มต้นด้วยความรู้สึกอุ่นๆ สงบ สวยงาม แห่งชีวิตเรียบง่ายแต่แล้ว .. ความขัดแย้งก็เกิดขึ้น .. ความขัดแย้ง การฆ่ากันตาย ปรากฏอยู่ในชีวิตชนบทอย่างเป็นปกติศาลเตี้ยคือสิ่งที่ใกล้ชิดผู้คนได้มากกว่าศาลสูงผิดถูก ชอบพอ เกลียดชัง วัดกันได้ด้วยใจซื่อตรงกว่าความซับซ้อนของคนในเมืองหลวง ความขัดสนทำให้เกิดความขัดแย้งมันทำให้คนเกลียดกัน ทั้งที่ไม่ควรจะเกลียดกันเรื่องปากท้องเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิตใหญ่พอที่คนเราจะแลกมันด้วยชีวิตหากมิตรภาพ ก็มีค่าไม่แพ้กัน .. เพียงแต่ถ้าสถานการณ์จะไม่บังคับให้ต้องเลือก .. ฉากจบตราตรึงมากนึกไม่ถูกว่าจะจบแบบนี้ ทั้งๆ ที่มีวี่แววมาก่อนมันอยู่นอกกรอบความคิดสามัญถึงอย่างไร มนุษย์ก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อีกชนิดหนึ่งเท่านั้น!!  […]

เรื่อง ฤดูกาลผู้แต่ง เสกสรรค์ ประเสริฐกุลสำนักพิมพ์ สามัญชนเลขมาตรฐานหนังสือ 9789749748992 ฤดูกาล เป็นหนังสือที่ถือกำเนิดขึ้น “ในป่า”ก่อนวันที่คุณเสกสรรค์จะตัดสินใจทิ้งป่ามามอบตัววัตถุประสงค์ที่เขียนขึ้น ก็เพิ่มหวังจะให้มันเป็น “พินัยกรรม”นี่คือทั้งหมดที่เรารับรู้ก่อนที่จะได้เปิดอ่านเล่มนี้ ..และคำถามเกิดขึ้นมากมายหลังจากที่ได้รับรู้มัน แต่แล้วเมื่ออ่านจนจบ ฤดูกาล ไม่ได้เป็นพินัยกรรมอย่างที่เราคิดเอาไว้มันเป็นบันทึกชีวิตและความรู้สึกของผู้คนที่ไม่มีอันจะกิน .. ในแง่มุมต่างๆ ในรูปแบบของเรื่องสั้น เรื่องสั้นเรื่องแรก อบอุ่น อ่อนหวาน เสียจนผิดคาดมันเริ่มขึ้นอย่างแร้นแค้น ขาดแคลนแต่แล้วกลับทำให้รู้สึกอุ่นๆ ในตอนจบนี่เป็นเรื่องสั้นของคุณเสกสรรค์เรื่องแรกที่เราอ่านมันพลิกความคาดหมายไปมากๆ และเราชอบนะแม้เรื่องต่อๆ มาจะไม่ได้จบลงอย่างอบอุ่นเหมือนเรื่องแรกๆเรารู้สึกคล้ายๆ กับว่าเรื่องสั้นทั้งหลายก็ค่อยๆ ไล่ลำดับความขมขื่นค่อยๆ เพิ่มความสะท้านสะเทือนใจในความอัตคัดและการเป็นผู้ถูกกระทำของตัวละครเพียงแต่สำนวนสำเนียงที่เล่า ไม่ได้แข็งกร้าว ดุดัน ความยากจน ความไม่เท่าเทียมยังคงปรากฏเป็นสัญลักษณ์อยู่คู่ชาวนาไทยเสมอรวมไปถึงพลเมืองชั้นสองของประเทศตัวเองทุกผู้ทุกนามผู้ค้นยังคงหนีไม่พ้นปัญหาปากท้อง การถูกเอารัดเอาเปรียบแต่เรื่องสั้นของคุณเสกสรรค์มีมากกว่านั้นมันมีความอ่อนโยน เห็นอกเห็นใจความเอื้ออารีต่อกันและกัน .. ในวันที่สุดลำเค็ญ .. ภาพนักปฏิวัติที่เราเคยเห็นไม่ได้มีตัวตนแม้เพียงกระผีกในงานเขียนของเขาภาพเหล่านั้น คงเป็นจินตนาการที่เราสร้างขึ้นเอง .. อย่างอยุติธรรมงานเขียนของเขา เปลี่ยนทัศนคติที่เรามองเขาไปเลยพร้อมทั้งนึกขอโทษอย่างสุดหัวใจที่เราไปตัดสินคนจากเพียงภาพถ่าย และข้อมูลตื้นๆ จบจากเล่มนี้ เรายังคงกระหายงานเล่มอื่นๆ ของเขาต่อไปอีกแม้เรื่องสั้นจะไม่ใช่ประเภทของวรรณกรรมที่ชอบแต่เรื่องสั้นของคุณเสกสรรค์ เป็นข้อยกเว้นจริงๆ ค่ะ  

เรื่อง เดินป่าเสาะหาชีวิตจริงผู้แต่ง เสกสรรค์ ประเสริฐกุลสำนักพิมพ์ สามัญชนเลขมาตรฐานหนังสือ 9789749748923 เดินป่าเสาะหาชีวิตจริง เป็นหนังสือเล่มแรกของคุณเสกสรรค์ที่เราเลือกมาอ่านซึ่งผิดคาดมากมาย เพราะเรานึกว่าจะอ่านยากกว่านี้ จะปรัชญากว่านี้ซึ่งอันที่จริง เดินป่าเสาะหาชีวิตจริง เป็นหนังสือบันทึกประสบการณ์เป็นบันทึกเหตุการณ์ในช่วงที่คุณเสกสรรค์และคุณจิระนันท์ “เข้าป่า” หลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ผ่านไปได้ราว 2 ปีเล่าเรื่องด้วยภาษาสั้น กระชับ ได้ใจความแต่ก็ได้อรรถรส ไม่ได้แห้งแล้ง จืดชืด อย่างบทความวิชาการเป็นความลงตัว พอดิบพอดี อ่านง่าย แต่ลึกซึ้ง เดินป่าเสาะหาชีวิตจริง เป็นหนังสือที่มีเนื้อเรื่องเชื่อมโยง สอดคล้องไปกับ –อีกหนึ่งฟางฝัน บันทึกแรมทางของชีวิต ของคุณจิระนันท์ ที่เราเพิ่งอ่านจบไปผู้เขียนเล่าถึงคู่ชีวิต คู่ทุกข์สุข ซึ่งก็คือคุณจิระนันท์เล่าถึงนายผี อัศนี พลจันทร ซึ่งเคยมีชีวิตในป่าร่วมกันในช่วงระยะเวลาหนึ่งเล่าถึงสภาพจิตใจตนเองในแต่ละสถานการณ์ ..อย่างนุ่มนวล สุขุม สุภาพ ไม่ได้เกรี้ยวกราดก่นด่าและทั้งหมดลึกซึ้ง ดีงาม ทั้ง เดินป่าเสาะหาชีวิตจริง และอีกหนึ่งฟางฝันฯเล่าเหตุการณ์เดียวกัน เชื่อมโยงกันอยู่เป็นการเล่าเรื่องเดียวกันจากสองมุมมอง ..เราสามารถเก็บตกเหตุการณ์หนึ่ง จากอีกเหตุการณ์หนึ่งได้เป็นการอ่านหนังสือสองเล่มที่ให้ความรู้สึกเต็มอิ่ม และเต็มตื้นสำหรับเล่มนี้ แต่ละเรื่อง แต่ละบทตอนมีพลังดึงดูดให้อ่านมันอย่างหิวโหย[…]