เรื่อง ถกเขมรผู้แต่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชสำนักพิมพ์ ดอกหญ้า 2000เลขมาตรฐานหนังสือ 9746901052 ถกเขมร เป็นบันทึกการหนีเที่ยวของคุณชายคึกฤทธิ์เมื่อครั้งทำหนังสือพิมพ์สยามรัฐพร้อมด้วยคณะอีก 3 ท่าน อันได้แก่คุณอบ ไชยวสุ (ฮิวเมอริสต์), คุณประยูร จรรยาวงศ์ (ประยูร จรรยาวงษ์), และคุณประหยัด ศ. นาคะนาทได้ชวนกันหนีความจำเจที่กำลังเบื่อกันได้ที่ ไปเปลี่ยนบรรยากาศกันที่เขมรแต่ก็ยังอุตส่าห์เก็บเกร็ดอันน่าสนใจเอามาเล่าสู่เราฟัง .. จนกลายเป็นหนังสือเล่มนี้ ถกเขมร เป็นข้อมูลประวัติศาสตร์ของกัมพูชา (ขอม / เขมร) เล่มแรกๆที่แม้ข้อมูลยังไม่เสถียรแต่ก็เป็นรากฐาน และแรงบันดาลใจให้กับผู้เล่าเรื่องกัมพูชาเล่มอื่นๆ ต่อมาหลายเล่มที่เราอ่านจบไปก่อนหน้านี้ล้วนแต่พูดถึง ถกเขมร ของผู้เขียน มากบ้าง น้อยบ้าง ถกเขมร เป็นการเล่าเรื่องเขมรที่ปนอารมณ์ขันบางช่วงก็สนุกดี บางช่วงก็จะน้ำเยอะหน่อยโดยเฉพาะช่วงแรกๆ ก่อนออกเดินทางแต่ก็นับว่าได้รับบรรยากาศก่อนการเดินทาง (ด้วยเครื่องบิน) ในยุคสมัยก่อน (คือก่อน พ.ศ. 2500) ในเล่มนี้ .. นอกเหนือจากเรื่องของปราสาทหินผู้เขียนยังถ่ายทอดภาพบ้านเมืองแห่งยุคสมัย (พ.ศ. 2496) เอาไว้เป็นประวัติศาสตร์ทั้งภาพลักษณ์ผู้คน ตลาด บ้านเรือน และวิถีชีวิต เราชอบมุมมองตอนคุณชายที่เล่าถึงสำเนียงเขมรเวลาออกเสียงว่ากลัวน้ำหมากหกคำเลยออกเป็นเสียงเหมือคนอมอะไร[…]

เรื่อง โครงกระดูกในตู้ ผู้แต่ง ศ.พล.ต.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช สำนักพิมพ์ ดอกหญ้า 2000 ราคา 110 บาท เป็นที่เข้าใจตรงกันมานานแล้วว่า .. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชนั้นเป็นผู้เล่าเรื่องได้สนุก มีอารมณ์ขัน แต่ผู้เขียนได้ออกตัวแต่แรกไว้แล้วว่า เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ .. เป็นการบันทึกเรื่องราวที่เล่าต่อๆ กันมาภายในตระกูล ไม่ใช่ข้อเท็จจริงตามประวัติศาสตร์ ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงทางวิชาการได้ (แต่เราก็อ่านพบในหนังสือเชิงประวัติศาสตร์ศาสตร์หลายเล่ม ที่นำเรื่องเล่าต่างๆ จากในหนังสือเล่มนี้ ไปใช้อ้างอิงเพื่ออรรถรส ออกไปทาง .. เรื่องเล่า หรือเกร็ดพงศาวดารทำนองนั้น หลายเรื่อง ดูมีอภินิหารเหลือเชื่ออยู่บ้าง และหลายเรื่องก็มีสีสันโลดโผนเหลือเกิน อ่านเอาสนุก มีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ ส่วนจริงไม่จริงก็อย่างเพิ่งไปปักใจเชื่อ และอย่างเพิ่งไปตัดสินบุคคลใดจากการอ่านเล่มนี้) คำว่า ‘โครงกระดูในตู้‘ หมายถึงแกะดำของตระกูล ที่คนในตระกูลไม่อยากเล่าถึง แต่ผู้เขียนนำมาเล่า เพื่อบอกเล่าประวัติของคนในตระกูลแก่ลูกหลาน ทัศนคติของผู้เขียนมีอยู่ว่า มนุษย์ที่แท้จริง ต้องมีทั้งส่วนที่ดี และส่วนที่ทำผิดพลาด และการที่เราเล่าถึงบุคคลแต่ส่วนที่ดีนั้น ก็นับว่าเป็นการรู้จักเขาแต่เพียงครึ่งเดียว[…]

เรื่อง มอม ผู้แต่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช สำนักพิมพ์ ดอกหญ้า 2000 ราคา 150 บาท ในขณะที่กำลังอ่านหนังสือค้างอยู่เล่มหนึ่ง ค้างมาหลายวันแล้วไม่จบ ไม่ใช่หนังสือไม่สนุก แต่จู่ๆ อารมณ์มันก็ชัตดาวน์ เข็นไม่ขึ้น เราเดินเล่นวนเวียนไปมาอยู่แถวๆ ชั้นหนังสือ หยิบเล่มโน้นเล่มนี้มาลูบๆ คลำๆ ประมาณว่า ไม่อ่านก็ขอแตะๆ ดมๆ สักหน่อย แล้ว ‘มอม’ ก็สะดุดความรู้สึก เรา (และคนรุ่นเรา) คงจะเคยอ่านมอมเป็นบทเสริมท้ายบทภาษาไทย เราก็อ่าน และมอมเป็นอีกหนึ่งบทความที่เราอ่านแล้วชอบมาก ว่างๆ เป็นรื้อออกมาอ่านซ้ำอีกหลายรอบ .. จนเวลาล่วงผ่าน และหนังสือเรียนสูญหาย จวบจนเมื่องานหนังสือที่ผ่านมา เราก็ซื้อหนังสือเล่มนี้มาด้วยความคิดถึง เล่มนี้เป็นมอมในรูปแบบการ์ตูน ซึ่งสำนักพิมพ์คงสำนวนไว้ตามต้นฉบับทั้งสิ้น แต่เพิ่มเติมภาพประกอบด้วยฝีมือของคุณสวัสดิ์ สุวรรณปักษ์, คุณเจิด มหาเกตุ, และคุณอุดร ไชยดำ ภาพสวย เนื้อเรื่องดีอย่างที่เคยอ่าน มอม คือเรื่องราวของสุนัขพันทางตัวหนึ่งที่เกิดที่ใต้ถุนบ้านของครอบครัวเล็กๆ[…]

เรื่อง พม่าเสียเมือง ผู้แต่ง มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช สำนักพิมพ์ ดอกหญ้า 2000 ราคา 160 บาท พม่าเสียเมือง เป็นเรื่องเล่าเรื่องราวของการเสียเมืองของพม่าครั้งสุดท้าย เป็นการเสียเมืองให้แก่อังกฤษ เสียด้วยความกลัว ความขลาด ความเขลา และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นอุทาหรณ์ชั้นดีแก่ผู้อ่าน เพราะหลายเหตุการณ์ล้วนเกิดขึ้นเป็นวัฏจักร วนเวียนมาเกิดซ้ำๆ ในอีกหลายยุค หลายสมัย หากบางครั้ง เราก็เหมือนพม่า ลืมเลือนมันไป เพื่อจะผิดอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณชายคึกฤทธิ์เขียนพม่าเสียเมืองเล่มนี้ด้วยภาษาที่อ่านง่าย อ่านเพลิน สนุก จะมึนๆ หน่อยถ้าจะอ่านเอาเรื่อง เพราะไทม์ไลน์เวลาค่อนข้างสับสน (หรือเราสับสนเองก็ไม่รู้) แต่ถ้าอ่านเอารส เรื่องนี้ครบอรรถรสเต็มๆ ค่ะ (แต่ก็ผิดหวังนิดหน่อย ถ้านำไปเทียบกับสี่แผ่นดิน อย่างที่บอกค่ะ อ่านเอาสนุก แต่อย่าเอารายละเอียด ถือว่าโอเค) เนื้อหาในเล่มพม่าเสียเมืองนั้น เกิดขึ้นในยุคล่าอาณานิคม อย่างที่เราเคยเรียนในหนังสือตำราเรียนว่า ประเทศฝั่งซ้าย เช่นพม่า อินเดีย ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ส่วนแถบฝั่งขวา ลาว เวียดนาม[…]