เรื่อง สร้อยแสงจันทร์ผู้แต่ง พงศกรสำนักพิมพ์ เพื่อนดีเลขมาตรฐานหนังสือ 9789742530327 หยิบ สร้อยแสงจันทร์ มาอ่านต่อจาก สุริยวรรมันเพราะได้ยินมาว่าเป็นนิยายที่เกี่ยวกับปราสาทหินซึ่งก็ถูก แต่เป็นปราสาทหินสมมติ ไม่ใช่ปราสาทที่มีอยู่จริงไม่ได้อ้างอิงกับประวัติศาสตร์ยุคไหนเลย (อย่างที่เราเข้าใจไปเอง) สร้อยแสงจันทร์ คือสร้อยประดับอุระเทวรูปองค์หนึ่งซึ่งตั้งเป็นองค์ประธานอยู่ในปราสาทปักษาจำจองปราสาทหินที่เพิ่งถูกค้นพบ ณ หมู่บ้านปักษา ชายแดนจังหวัดสุรินทร์ พุทธิหรือแพท เป็นนักเขียนสารคดีประจำนิตยสารธารซึ่งมีเมลานี แฟนสาวคนเก่งของเขาเป็นเจ้าของครั้งหนึ่ง พุทธิเคยเขียนสารคดีเกี่ยวกับปราสาทหินแห่งนี้บทความที่เขาเขียน ทำให้เกิดผลกระทบหลายอย่างและในแง่หนึ่ง มันทำให้ปราสาทร้างกลางป่าที่ค่อนข้างสมบูรณ์ได้เป็นที่รู้จักออกไปในมุมกว้าง .. รวมทั้งในหมู่โจรค้าของเก่าด้วยคนเหล่านั้นแห่่กันเข้าไปขโมยเทวรูปหิน ภาพแกะสลักศิลานูนต่ำและโบราณวัตถุหลายชิ้นในปราสาทจนหมด เทวรูปประจำปราสาทปักษาจำจองนี้ เคยประดับสังวาลย์รูปงูตาของงูข้างหนึ่งประดับด้วยมุกดาใสสว่างดวงหนึ่งส่วนตาอีกข้าง มีร่องรอยปรากฏว่าเคยมีอัญมณีฝังอยู่เช่นกันบัดนี้ นอจากอัญมณีข้างนั้นจะหายไปแล้วเทวรูปเองก็ถูกขโมยหายไปจากปราสาทด้วยเช่นกัน นอกจากนั้น หมูอ้วน เด็กชายวัย 12 ปีคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กจากครอบครัวที่แตกแยกเขาอาศัยอยู่กับน้าสาวผู้เป็นนักโบราณคดี นามว่าเดือนเต็มดวงหมูอ้วนหนีออกจากบ้าน ด้วยเหตุผลอันเกี่ยวพันกับปราสาทแห่งนี้พุทธิจึงจับพลัดจับผลูต้องมาตามหาตัวเด็กชาย ในสายตาของเดือนเต็มดวง พุทธิเป็นนักเขียนที่ยอมขายอุดมการณ์ให้กับนายทุนซึ่งก็คือเมลานีนั่นเองเธอไม่ชอบพุทธิตั้งแต่ก่อนที่จะได้รู้จักเขายิ่งเมื่อหลานชายของเธอหนีออกจากบ้านไปเพราะเขาเป็นต้นเหตุเธอยิ่งเกลียดขี้หน้าเขามากเข้าไปใหญ่ การตามหาเด็กชายหมูอ้วน เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้พบเจอเหตุการณ์แปลกๆ หลายอย่างและเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการทลายแก๊งขโมยวัตถุโบราณรายใหญ่ วันหนึ่ง ขณะที่พุทธิกำลังอยู่ระหว่างสำรวจร่องรอยตามหาเด็กชายเขาได้เข้าไปในปราสาทหินและได้พบภาพแกะสลักบนผนังหินของปราสาทผนังส่วนหนึ่งปรากฏภาพนกตัวหนึ่ง บนอกของนกตัวนั้นมีลิ่มศิลาปักอยู่ตรงอกพุทธิเข้าใจว่าเกิดขึ้นจากความมือบอนของเด็กซนสักคนเขาจึงถอนลิ่มนั้นออกเสีย .. และการกระทำนั้นเองก็ได้เป็นการปลดปล่อยนกจโกระให้เป็นอิสระ จโกระ เป็นนกเขาไฟในตำนานซึ่งได้สูญพันธุ์ไปแล้วหากจโกระตัวนี้ (นามว่ากีรณะ) ถูกคำสาปบางอย่างที่ให้มันมีชีวิตข้ามผ่านมาจนถึงปัจจุบันและนกตัวนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้พุทธิต้องพบกับความวุ่นวายอีกระลอกหนึ่ง นอกจากเรื่องราวทั้งหมดที่ว่ามาสร้อยแสงจันทร์[…]

เรื่อง เมรีในร้านหนังสือ ผู้แต่ง อุรุดา โควินท์ สำนักพิมพ์ เพื่อนดี เลขมาตรฐานหนังสือ 9789742534950 แม้เรื่องนี้จะถูกเขียนขึ้นก่อน หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา แต่สำหรับเรา .. มันคือภาคต่อ เปล่าหรอก สองเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แค่เป็นเรื่องราวจากวิญญาณของหญิงสาวคนเดียวกัน เล่าแบบนี้ อ่านผ่านๆ จะพาลคิดว่าเป็นเรื่องผี .. ขอ ‘เปล่า’ อีกครั้ง เมรีในร้านหนังสือ เป็นเรื่องราวของหญิงสาวระกา กับโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่ชื่อเมรี เมรี เป็นชื่อของสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ขนทองตัวโตที่แสนรู้เกินหมา ระกา เป็นชื่อของหญิงสาวเจ้าของร้านหนังสือเล็กๆ ในเมืองเล็กๆ ระกา (รัก) อยู่กับมารดาที่ชื่อแม่สายสรวง มีน้องชายและน้องสะใภ้ที่อยู่บ้านติดกัน ชื่อขาลและกิ่งพิกุล นอกจากนี้ยังมีตัวละครอื่นๆ อีกมากมายที่มาโคจรรอบระกาและเมรี .. มรกต ซาช่า สุดสยาม ออม ฯลฯ ชื่อตัวละครของอุรุดาน่ารักดี ฉากหลักของเรื่องคือบ้านเกิดของระกา ..จังหวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งที่มีจังหวะชีวิตไม่เร่งรีบ โทนของเรื่องนี้ออกเหงานิดๆ อุ่นหน่อยๆ[…]

เรื่อง เศรษฐีใหม่ ผู้แต่ง ว.วินิจฉัยกุล สำนักพิมพ์ เพื่อนดี ราคา 120 บาท นิยายเล่มบางๆ ที่อ่านเมื่อไรก็จบเมื่อนั้น ถูกเกริ่นนำตั้งแต่บทแรกว่าเป็นนิยายไม่มีสาระ แต่เรากลับพบว่ามันมีสาระเหลือเฟือแทรกอยู่ในเนื้อเรื่องอย่างแนบเนียนที่สุด ใน เศรษฐีใหม่ เล่มนี้ ผู้เขียนจับตัวนายเพียร ปั่นยาก เจ้าของเรื่อง มาเล่าเรื่องของเขาให้เราฟังด้วยตัวเอง เรื่องราวของเด็กชายจนๆ ที่สู้ชีวิตมาด้วยวิถีของคนมีหัวคิด ใช้พลังงานและพลังความคิดผลักดันตัวเองและครอบครัวมาจนกลายเป็นเศรษฐีได้ เพียรพากเพียรจนกลายเป็นนักเรียนนอกด้วยทุนตัวเอง หลงรักกับคุณก้อย ลูกผู้ดีคนหนึ่ง ฟันฝ่าทุกอุปสรรคเพื่อจะได้แต่งงานกันสมดังหวัง .. เพียงเพื่อพบว่า แท้ที่จริงแล้วตนเองก็เป็นเพียง ‘กิ้งก่าทาสี’ เท่านั้นเอง ว.วินิจฉัยกุลนั้นมีความสามารถในการโน้มน้าวให้คนอ่านคล้อยตามได้ทุกเรื่องจริงๆ ในครั้งที่ตัวละครของผู้เขียนเป็นผู้ดี ก็สามารถบรรยายความสุขุมผู้ดีให้ดูเหมาะสมสวยงามมีคุณค่า แต่เมื่อตัวละครของผู้เขียนกลายเป็นชาวบ้านปากกัดตีนถีบ ผู้เขียนก็สามารถใส่ภาพความพิลึกกึกกือเกินพอดี ลงในสายตาของตัวละคร จนแม้กระทั่งคนอ่าน ยังมองว่าผู้ดีกลายเป็นมนุษย์ประหลาดผิดธรรมชาติไปจนได้ เรื่องนี้พระเอกของเรารู้สึกตัวช้าจนน่าหมั่นไส้ค่ะ อ่านไป รำคาญไปตั้งแต่ต้นจนเกือบจบ เสียดายเงินทอง เสียดายเวลา เสียดายความอดทน แม้จะเป็นเล่มบางๆ แต่ก็สร้างความอึดอัดให้ไม่ใช่น้อย กว่าจะจบ แต่ก็สนุกนะ ไม่ใช่ไม่สนุก ..[…]

เรื่อง นิยายนิรภัย ผู้แต่ง แก้วเก้า สำนักพิมพ์ เพื่อนดี ราคา 140 บาท นานมาแล้ว เคยอ่านนิยายเรื่องนี้เมื่อครั้งยังลงตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในสกุลไทยอยู่ จำได้ว่า ในวัยนั้น แค่เปิดผ่านๆ อ่านไม่จบตอนดี ก็ตัดสินใจเลิกอ่านค่ะ รับไม่ได้จริงๆ กับนิยายประหลาดเช่นนี้ >,< นิยายนิรภัย ถือกำเนิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์คนอ่านที่ไม่ชอบให้นิยายมีตัวร้ายค่ะ และตัวละครในเรื่องนี้จะต้องพบเจอแต่สิ่งที่ดีงาม ทำแต่สิ่งที่ดีงาม ทุกอย่างในเรื่องนี้คือความสมบูรณ์แบบ นอกจากนั้น การแต่งเรื่อง ยังเป็นการผสมผสานกันไประหว่างคนเขียนกับคนอ่านไปตลอดทั้งเรื่องอีกด้วย โดยในการตีพิมพ์ สำนักพิมพ์ก็ได้ยกข้อความของผู้อ่าน- จากอินเตอร์เน็ตมาแทรกไว้เป็นระยะๆ ตลอดทั้งเล่ม ตอนเป็นพล็อตไม่ค่อยจะน่ากลัวเท่าไร แต่ลองอ่านดูแล้ว .. ในตอนนั้นไม่ไหวจริงๆ ค่ะ หยิบมาอ่านในครั้งนี้ก็ยังกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็นะ ลองมาอ่านอะไรแปลกๆ เปลี่ยนรสชาติของชีวิตกันบ้างดีกว่า ;P อ่านรอบนี้ ความรู้สึกก็ไม่ค่อยต่างกับครั้งที่เปิดผ่านๆ เมื่อวันแรกค่ะ ^^” เป็นการอ่านนิยายที่เหมือนกับการนั่งอ่านกระทู้บนเวบบอร์ด มันเริ่มต้นจากเพียงบทสนทนาทีเล่นทีจริงในกระทู้สนทนาของ สนพ.เพื่อนดี คุยกันไปคุยกันมา แล้วก็กลายเป็นนิยายขึ้นมาจริงๆ[…]

เรื่อง ขมิ้นกับปูน ผู้แต่ง จุลลดา ภักดีภูมินทร์ สำนักพิมพ์ เพื่อนดี ราคา 290 บาท เรื่องราวใน ขมิ้นกับปูน เริ่มต้นในยุคสมัยที่เพิ่งจะเปลี่ยนแปลงการปกครองหมาดๆ สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เพิ่งจะจบสิ้นลงไปในปีนั้น ฉากของเรื่องเกิดขึ้นระหว่างบ้านใหญ่สองหลัง อันเป็นบ้านที่ประกอบไปด้วยสมาชิกในบ้านมากมาย บ้านหลังแรก เป็นบ้านของพระยาอภิบาลบำรุง ผู้มีบุตรและบุตรีรวมกัน 4 คน อันได้แก่ บุตรชาย พระนิติรักษ์ธรรมสถิต (ปรุง), และบุตรีอีก 3 คน คือ คุณปริก คุณจำปา และคุณปีบ ตามลำดับ ในชั้นหลาน พระนิติรักษ์ธรรมสถิต ก็มีบุตรสาวอีก 3 คน คือ ปัทมา (ปัท) พี่สาวคนโต ผู้มีทิฐิแรงเช่นเดียวกับปู่และพ่อ ปวีณา (ณา) น้องสาวที่ห่างกัน 2 ปี ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมา มีนิสัยช่างฟ้อง[…]

เรื่อง ขุนหอคำ ผู้แต่ง กฤษณา อโศกสิน สำนักพิมพ์ เพื่อนดี ราคา 360 บาท ลำดับญาติเอาไว้กันลืมนิดนึงก่อนค่ะ ไอ้ม่อน หรือเจ้าม่อนฟ้าจากเวียงแว่นฟ้า แท้จริงแล้วเป็นบุตรขุนต้นแสง ซึ่งเป็นเมียวซา (ตำแหน่งรองเจ้าเมือง) ของเมืองนาย (รัฐหนึ่งของไตใหญ่) มีปู่เป็นเจ้าฟ้าเมืองนาย ชื่อขุนจองสี เจ้าม่อนฟ้าชิงบัวบุรี ข้าหลวงจากเชียงใหม่ไปเป็นเมีย มีบุตรด้วยกัน 2 คนคือ มาวฟ้ากับบัวฟ้า ในตอนท้ายเรื่องหนึ่งฟ้าดินเดียว เจ้าม่อนฟ้าและครอบครัวอพยพหนีการตามล่าของเจ้าสีป้อไปอยู่เชียงตุง ส่วนฝ่ายเมืองรามได้แต่งงานกับเจ้าหญิงระยับเนตร มีบุตร 2 คน คืออาบองค์กับเมืองสิงห์ ในตอนท้ายเรื่องหนึ่งฟ้าดินเดียว เมืองรามและครอบครัวดูแลเมืองเชียงแสนที่เพิ่งทำนุบำรุงใหม่ ขุนหอคำ เปิดเรื่อง ณ ทะเลสาบอินเล เมืองยองห้วย.. ไตใหญ่เวลานั้นแบ่งเป็นเมืองเล็กเมืองน้อย ก่อนที่พม่าและอังกฤษจะเข้ามายึดครอง เหล่าไตใหญ่นี้ก็ต่างมีเจ้าฟ้าของตนเอง ปกครองเป็นอิสระต่อกัน แม้ครานี้จะยังไม่เป็นอิสระจากอังกฤษ แต่ก็มีอิสระเสรีในการปกครองตนเอง ไตใหญ่แต่ละเมืองจึงข่มกันอยู่ในที ชิงกันเป็นใหญ่อีกครั้ง อ่านไปได้ไม่นานก็พอจะจับทางได้ ..[…]

เรื่อง หนึ่งฟ้าดินเดียว ผู้แต่ง กฤษณา อโศกสิน สำนักพิมพ์ เพื่อนดี ราคา 360 บาท (สองย่อหน้าแรกสปอยล์ตอนท้ายของเวียงแว่นฟ้านิดนะคะ) ในตอนท้ายของเรื่องยิ่งน้ำเน่าเข้าไปกันใหญ่ และไม่อยากจะบอกเลยว่า มันมาสนุกเอาตอนน้ำเน่าได้ที่นี่เอง เรื่อยๆ มาทั้งเล่ม มาสนุกเอาตอนใกล้จะจบนี่แหละ ในตอนท้ายของเวียงแว่นฟ้า เมืองรามตามไปชิงบัวบุรีคืนมาจากเจ้าม่อนฟ้า ที่ชายแดนเมืองนายติดเมืองหมอกใหม่ แต่กลับพลาดพลั้งถูกเจ้าม่อนฟ้าลอบแทงทีเผลอ ทำให้บาดเจ็บปางตาย เมืองรามกลับรอดชีวิตด้วยการช่วยเหลือจากทหารของเมืองหมอกใหม่ ผู้ยึดทั้งอาวุธและเงิน แล้วตั้งใจฝึกให้เขาเป็นทหารเพื่อเกณฑ์ไปรบกับเชียงใหม่ เมืองหมอกใหม่ในครานั้น ปกครองด้วยเจ้าโกหล่าน ชายผู้สับปลับเชื่อถือไม่ได้ บ้างก็สวามิภักดิ์กับเมืองนาย (เมืองของลุงของเจ้าม่อนฟ้า) บ้างก็สวามิภักดิ์กับเมืองเชียงใหม่ (เมืองที่มีบุญคุณต่อเมืองราม) แต่เจ้าโกหล่านก็ไม่เคยภักดีต่อใครจริง มักหาโอกาสลอบตีแบบกองโจรเรื่อยมา เมืองรามจะต้องอยู่ใต้อำนาจของคนอย่างโกหล่าน ก็น่าคลางแคลงใจว่าผู้เขียน – จะรังสรรค์ชีวิตของชายหนุ่มผู้แสนดี แสนซื่อ (บื้อ .. ในด้านความรัก) ให้ไปจบตรงที่ใด เพราะฉะนั้น มาตามอ่านหนึ่งฟ้าด้าวเดียวต่อด้วยกันค่ะ สำหรับในเล่มหนึ่งฟ้าดินเดียว .. ปัญหาพิพาทเรื่องป่าไม้ยังคงตามมาเป็นปัญหาสำคัญของเชียงใหม่ ในสมัยของเจ้าหลวงองค์ใหม่ (เจ้าหลวงองค์ที่[…]

เรื่อง เวียงแว่นฟ้า ผู้แต่ง กฤษณา อโศกสิน สำนักพิมพ์ เพื่อนดี ราคา 360 บาท เวียงแว่นฟ้าเป็นหนึ่งในนิยายอิงประวัติศาสตร์ล้านนาของกฤษณา อโศกสิน เริ่มต้นที่เวียงแว่นฟ้าเป็นเล่มแรก ตัวละครในเรื่องล้วนเป็นตัวละครสมมติที่อิงกับพ่อเจ้าแม่เจ้าพระองค์จริงในประวัติศาสตร์ แต่ชื่อในหนังสือได้เปลี่ยนชื่อไป (คนที่ไม่รู้ประวัติศาสตร์ล้านนาเลยอย่างเรา งงๆ ไปเหมือนกัน) อ่านไปเสิร์ชไปค่ะ สนุกไปอีกแบบ เรื่องราวในเล่มนี้ เป็นเรื่องราวในล้านนาที่ตรงกับปลายรัชสมัยของรัชกาลที่ 4 ของบ้านเรา อ้างถึงราชวงศ์พระเจ้าเจ็ดตน (พอมีชื่อให้เสิร์ชอ้างอิงอยู่เนอะ) เป็นราชวงศ์ที่ตั้งขึ้นหลังจากราชวงศ์มังราย (ราชวงศ์มังรายล่มไปโดยถูกพม่า (่ม่าน) ถือครองระยะหนึ่ง ก่อนจะตั้งตนเป็นอิสระ (ฟื้นม่าน) โดยการสนับสนุนของพระมหากษัตรย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ตัวละครสามัญชนในเรื่อง ที่เป็นตัวละครสำคัญมีอยู่ 3 – 4 คน คือเมืองราม บัวบุรี สะแล และม่อน (ซึ่งภายหลังก็เป็นเจ้าน่ะแหละ) ตัวละครที่เป็นข้าชีวิตของพ่อเจ้าแม่เจ้าแห่งเมืองเชียงใหม่ โลดแล่นมีชีวิต มีเรื่องราวเป็นของตนเอง ควบคู่ไปกับการถ่ายทอดประวัติศาสตร์ล้านนามาสู่เรา เวียงแว่นฟ้า เริ่มต้นที่รัชสมัยของเจ้าหลวงและแม่เจ้าอรุณวดี[…]

เรื่อง สองฝั่งคลอง ผู้แต่ง ว.วินิจฉัยกุล สำนักพิมพ์ ทรีบีส์ (สนพ. ในเครือ สนพ.อักษรโสภณ) ราคา 390 บาท สองฝั่งคลอง เป็นนิยายพีเรียดที่เนื้อหาค่อนข้างจะทันสมัยทีเดียว เรื่องราวเกิดขึ้นในปลายรัชสมัย รัชกาลที่ 6 ค่านิยมส่วนมากยังนิยมให้เด็กผู้หญิงฝึกเรื่องการบ้านการเรือนมากกว่าจะให้ไปเรียนหนังสือ ทับทิมเอง ก็เติบโตขึ้นในบ้านที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บ่าวไพร่ และแม้แต่ญาติพี่น้องหลายๆ คน ก็ยังไม่เห็นดีเห็นงามกับการส่งลูกสาวไปเรียนหนังสือ โชคยังดี ที่เด็กกำพร้าแม่ หน้าตาไม่สะสวยอย่างทับทิมได้รับความเมตตาจากคุณปู่คุณย่า ให้ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนฝรั่งนำสมัย เด็กหญิงทับทิมในตอนนั้น ซึ่งฉลาดเกินวัย และรักการอ่านหนังสือ จึงมีชีวิตวัยเด็กที่ค่อนข้างสงบสุขพอประมาณ อาจารย์วินิตาบรรยายความงามของฉากธรรมชาติ และบ้านเรือนในสมัยโบราณไว้อย่างสวยงามจนเราเห็นเป็นภาพได้ และเมื่อเป็นภาพที่สร้างจากภาพจริงๆ ที่อาจารย์ได้ฟังจากมารดาของท่านเองตั้งแต่ยังเด็ก ยิ่งทำให้ภาพนั้นเป็นดังภาพประวัติศาสตร์ที่เราล้วนเกิดไม่ทัน (แต่อาจจะมีความรู้สึกร่วมในตอนที่ได้ฟังคุณย่าคุณยายเล่าถึงอดีตบ้างเหมือนกัน) ทั้งหมดนี้ ทำให้ภาพของทับทิม และภาพบ้านเรือนแถวคลองสาน สมัยปลายรัชกาลที่ 6 และเรื่อยมานั้นปรากฏขึ้นในมโนภาพของเรา นอกจากนี้ อาจารย์วินิตายังได้บันทึกเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เอาไว้ในเรื่องด้วย บันทึกเอาไว้ด้วยสายตาของไพร่ฟ้าประชาชนในบ้านใหญ่หลังหนึ่ง สภาพธรรมชาติที่ใสสะอาดของบ้านริมคลองในยุคนั้น สัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์[…]

เรื่อง หญ้าแพรก ดอกมะเขือ และเรือน้อย ผู้แต่ง ว.วินิจฉัยกุล สำนักพิมพ์ เพื่อนดี (สนพ. ในเครือ สนพ.อักษรโสภณ) ราคา 220 บาท ครั้งแรกที่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้ คุณครูคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเราให้ขอยืมอ่าน แม้จะประทับใจนิยายของอ.วินิตามาหลายเรื่อง แต่นิยายชื่อเรื่องแบบนี้ไม่เคยเตะตาเรา พอมีคนให้ยืมมา ก็อ่านไปงั้นๆ ไม่คาดหวังอะไร แต่พออ่านจบ เป็นต้องเปลี่ยนความคิดทันที หญ้าแพรก ดอกมะเขือ และเรือน้อย เป็นนิยายใสๆ มีกลิ่นอายคล้ายๆ น้ำใสใจจริง แต่เน้นหนักไปที่นักศึกษาคณะครุศาสตร์ แม้ว่าจะเป็นคณะวิชาซึ่งชื่อก็บอกกลายๆ ว่า “จบไปเป็นครู” แต่ก็ใช่ว่านักศึกษาทุกคนที่มาเรียนที่คณะนี้จะอยากเป็นครูไปเสียทั้งหมด บัวบรรณ มนไท และแตงกวา สามนักศึกษาคณะนี้ เป็นตัวแทนกลุ่มที่จะเล่าเรื่องราวของเหล่าว่าที่ครูให้พวกเราฟัง นักศึกษา ที่ในบางขณะก็คล้ายจะยังไม่พ้นวัยเด็ก วัยเรียน แต่ก็เป็นรอยต่อของคนที่จะต้องดูแลรับผิดชอบนักเรียนที่เด็กกว่าตนไม่เท่าไรตามวิชาชีพ เพราะเหตุที่วัยใกล้เคียงกัน ว่าที่ครูกับลูกศิษย์ก็เลยมีความสัมพันธ์แบบต้องลุ้นเอาหน่อย คือถ้าดีก็ดีไปเลย แต่ถ้าแย่ก็แย่ไปเลยเหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าได้ลูกศิษย์สุดกร่างจนเป็นที่ร่ำลือของโรงเรียนในสังกัดมหาวิทยาลัยตัวเองแล้วล่ะก็ คือถ้าคุมกันไม่อยู่ ครูก็โดยศิษย์ถอนหงอกเอาง่ายๆ[…]