เรื่อง คุณปู่แว่นตาโต ผู้แต่ง ชมัยภร แสงกระจ่าง สำนักพิมพ์ คมบาง เลขมาตรฐานหนังสือ 9748785254 แม้จะว่าด้วยเรื่องของปู่ๆ ย่าๆ เหมือนกันกับ คุณยายหวานซ่าส์ส์ส์ แต่ คุณปู่แว่นตาโต เล่มนี้ ไม่มีอะไรเหมือนกับเล่มนั้นเลย คุณปู่แว่นตาโต เล่มนี้ ผู้เขียนมีแรงบันดาลใจมาจากนักวิชาการอาวุโสท่านหนึ่ง ซึ่งก็คือ ศาสตราจารย์ ดร. เจตนา นาควัชระ ซึ่งผู้เขียนมีโอกาสได้ฟังท่านในงานเสวนางานหนึ่ง แล้วประทับใจจนกลายมาเป็น คุณปู่แว่นตาโต คุณยายหวานซ่าส์ส์ส์ เป็นหนังสือที่เล่าถึงคุณย่าคุณยายในบ้านสวน ในขณะที่คุณปู่แว่นตาโต เป็นบุคคลในสังคมเมือง หลานๆ ในเรื่อง ก็ไม่ใช่หลานแท้ๆ ของคุณปู่ เป็นเพียงหลานๆ ร่วมซอยเดียวกัน .. คุณปู่ต้นซอยกับคุณหลานท้ายซ้อย เรื่องมันเริ่มต้นในวันหนึ่งที่หลานๆ มีความสงสัย สนใจ ในตัวคุณปู่ผู้แปลกประหลาด จึงมากดกริ่งถาม .. แล้วความสัมพันธ์ที่ว่าก็เริ่มต้นขึ้น ชีวิตเหงาๆ ของ คุณปู่เจริญจิตต์ ผู้เป็นนักวิชาการวัยเกษียณ และอยู่บ้านเพียงลำพังกับคุณย่านิจ คู่ชีวิต ก็เริ่มมีสีสันนับตั้งแต่วันนั้น คุณปู่เริ่มมีความสุขและมีแรงบันดาลใจใหม่ๆ[…]

เรื่อง คุณยายหวานซ่าส์ส์ส์ ผู้แต่ง ชมัยภร แสงกระจ่าง สำนักพิมพ์ คมบาง เลขมาตรฐานหนังสือ 9749491386 อันที่จริงคุณยายหวานคุณนี้ก็เป็นแค่คุณยายวัย 80 ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นแหละ ไม่ได้หวานซ่า ส.เสือการันต์สามตัวขนาดนั้นหรอก เป็นแค่อดีตครูวัยเกษียณ ที่มีลูกสาวสองคนไกลบ้าน กับหลานสาว 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ อยู่ด้วยคนหนึ่งเท่านั้น คนต่างวัยไกลลิบสองคน เลยมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเล็กๆ น้อยๆ พอหอมปากหอมคอ คุณยายผู้แสบซ่าส์ส์ส์ ที่จริงก็เป็นแค่คนแก่ที่ขี้บ่น ขี้น้อยใจ และหลานสาวก็เป็นวัยรุ่นหมาดๆ ทั้งเด็กและคนชรา ต่างก็ต้องการความรักความเอาใจใส่เหมือนกัน แต่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน เป็นการผสมผสานกันระหว่างความหัวโบราณ และความทันสมัย หาสมดุลของกันและกัน และปรับเข้าหากันอย่างลงตัว จากที่เคยเริ่มต้นจากยายหลานที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา อันมีเหตุจำเป็นให้ต้องจำใจมาอยู่ด้วยกัน เมื่ออยู่ด้วยกันไปนานๆ ก็เริ่มที่จะเรียนรู้กัน และปรับตัวเข้าหากันมากขึ้น กาวใจที่ดีระหว่างยายกับหลาน ก็คือตัวกลางอย่างแม่ของหลาน และลูกของยาย ผู้อยู่แสนไกลนี่เอง ผู้เขียนมักจะสอดแทรกคำสอนดีๆ ของคุณยายซ่อนเอาไว้ในบทสนทนาเสมอๆ      เราชอบการดำเนินเรื่องที่เริ่มต้นอย่างสนุกสนาน แล้วค่อยแปรเปลี่ยนเป็นความละมุนละม่อน คุณยายผู้มีประสบการณ์อาบน้ำร้อนมาก่อน[…]

เรื่อง ขวัญสงฆ์ ผู้แต่ง ชมัยภร แสงกระจ่าง สำนักพิมพ์ คมบาง ราคา 140 บาท หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือนอกเวลาของลูกสาวค่ะ (จิ๊กหนังสือลูกมาอ่านอีกแล้ว ^^”) ขวัญสงฆ์ เป็นหนังสือนวนิยายที่เรียงร้อยต่อกันด้วยทำนองของร้อยแก้ว ไม่ได้เน้นที่ความสละสลวยของบทกลอน แต่เป็นกลอนอ่านง่ายที่เน้นเนื้อหากินใจ หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สอง (ที่เราเคยอ่าน) ที่ใช้วิธีเขียนแบบนี้ (เล่มแรกคือ แมวผู้มองเห็นกำแพงเป็นสะพาน ค่ะ และเล่มนั้นผู้เขียนใช้ภาษาไพเราะมาก) เป็นเรื่องราวของเด็กชายกำพร้าคนหนึ่งที่ถูกนำมาวางทิ้งไว้ที่วัด มีหลวงตาคอยอบรมเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังไม่รู้ความ เมื่อยังเล็กนั้น หลวงตาได้ฝากให้ตาส่งและยายหนูดูแล ต่อเมื่อพ้นวัยทารก ขวัญสงฆ์จึงได้กลายมาเป็นเด็กวัดอย่างเต็มตัว ขวัญสงฆ์ แม้จะเติบโตในวัด แต่ก็เป็นเด็ก ได้ทำผิดบาป พลั้งพลาดได้ไม่ต่างจากเด็กทั่วไป หลวงตาและขวัญสงฆ์ ต่างต้องข้ามผ่านบทเรียนแห่งรักมากมาย หลายบททดสอบ ที่พระต้องตัดใจทำโทษขวัญสงฆ์ ทั้งๆ ที่ใจผู้ปกครองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน คือภาพที่ชัดเจนตามสุภาษิต ‘รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี’ แม้จะไม่มีพ่อมีแม่ แต่ขวัญสงฆ์ก็เติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ กินอิ่ม นอนหลับ และมีความสุขพอประมาณ แม้จะซุกซนประสาเด็ก แต่ก็ได้รับการอบรมสั่งสอนจากหลวงตาเสมอๆ[…]

เรื่อง แมวดำในสวนสีชมพู ผู้แต่ง ชมัยภร แสงกระจ่าง สำนักพิมพ์ คมบาง ราคา 180 บาท แมวดำในสวนสีชมพู เป็นเรื่องเล่าที่คล้ายนิทาน แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่ามีสัญลักษณ์และเนื้อความอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ .. โลกในจินตนาการของเด็กชายขาพิการ โลกที่เต็มไปด้วยความฝัน ฝันในฝัน ฝันนอกฝัน ฝันซ้อนฝัน ฝันซ้อนจริง .. เด็กชายที่กลายเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ เวลาอยู่กับแม่ แต่เมื่ออยู่ลำพัง เขากลับรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แมวสีดำตัวเล็ก แมวจรจัดที่เกิดจากไข่ และไม่เคยลงเดินบนพื้นดิน แมวตัวเล็กที่แม่มองเห็นเป็นหนูยักษ์ และน้ามองเห็นมันเป็นลิง และสุดท้ายมันได้กลายเป็นเสือ แมวพูดได้ที่ก้าวร้าว แมวที่กินลมเป็นอาหาร เป็นแมวที่รวมความแปลกประหลาดเอาไว้จนเกินกว่าจะจินตนาการถึง แมวที่พาเด็กชายไปยังสวนสีชมพู .. คฤหาสน์หลังใหญ่กลางสวนสีชมพูที่ประกอบไปด้วยมนุษย์ทั้งห้า ความง่วง ความโกรธ ความปรารถนา ฯลฯ สมกับวลีสั้นๆ บนปก “ไม่ใช่แค่เรื่องของแมว แต่เป็นเรื่องของใจ” หรืออีกหลายวลีที่ซุกซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่อง ‘ทุกข์ก็ร้อง สุขก็ร้อง’ ‘เห็นแล้วก็ยังว่าไม่ได้เห็น’ ‘เข้ามาอย่างไรก็ออกไปอย่างนั้น’ ‘แกเจ็บแค่ไหน เราก็เจ็บแค่นั้น’[…]

เรื่อง ชีวิตที่มีเรา ผู้แต่ง ชมัยภร แสงกระจ่าง สำนักพิมพ์ คมบาง ราคา 120 บาท จบตอนสุดท้ายจาก บ้านหนังสือในหัวใจ ด้วยห้องสีทองแห่งธรรมะ มาเริ่มต้นเล่มใหม่ล่าสุดจากคุณชมัยภรด้วยหัวข้อนั้นเลยค่ะ ชีวิตที่มีเรา เป็นหนังสือเล่มแรกในชุด ใช่ไหม-เราควรใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง ซึ่งถูกคัดเลือกมาจากบทความที่เคยตีพิมพ์เป็นตอนในนิตยสารซีเคร็ต ชีวิตที่มีเรา เล่าถึงเรื่องราวในครอบครัว .. เป็นเรื่องราวที่ประกอบด้วยธรรมะ ธรรมะที่ว่านี้ไม่ใช่ธรรมะเพียวๆ ให้ตกใจกลัว แต่คือเหตุการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา เรื่องของหลายครอบครัวที่มีสมาชิกหลักประกอบไปด้วยแม่กับลูก มีพ่อและหลานๆ เป็นองค์ประกอบรองๆ ลงมา เป็นส่วนผสมของมนุษย์ต่างวัย ที่ยังไม่มีประสบการณ์ ที่ไม่อาจจินตนาการได้ว่า คนที่อายุมากกว่านั้น เขามีความรู้สึกอย่างไร มีโรคภัยไข้เจ็บเช่นไร ของบางอย่าง ได้รู้ได้ยินมามาก แต่ก็ไม่เท่าก็ประสบกับตัวเอง เรื่องราวในเล่มแบ่งเป็นตอนสั้นๆ ล้วนแต่เป็นเรื่องน่ารัก ชวนให้อมยิ้มได้ทั้งนั้น นอกจากชวนอมยิ้ม อีกบางเรื่องก็ช่างซาบซึ้ง นุ่มนวล อุ่นละไม คล้ายๆ อีกหลายต่อหลายเล่มที่เราเคยอ่านจากงานของผู้เขียนคนเดียวกัน (แม่ลูกปลูกต้นไม้, แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ เรารู้อยู่แล้วว่าแม่อายุ ๘๘)[…]

เรื่อง บ้านหนังสือในหัวใจ ผู้แต่ง ชมัยภร แสงกระจ่าง สำนักพิมพ์ คมบาง ราคา 105 บาท บ้านหนังสือในหัวใจ เป็นหนังสือที่เขียนถึงหนังสือ โดยผู้เขียนผู้หญิง (บ้าง) ;P เล่าเรื่องราวของหนังสือเล่มต่างๆ ในชีวิตของผู้เขียน ผู้เขียนได้แบ่งบ้านหนังสือในหัวใจของตนออกเป็นสีต่างๆ เล่าถึงนักเขียนหลายท่าน หนังสือหลายเล่ม ห้องสีม่วงที่เปิดโลกทัศน์แห่งความลุ่นหลงในสวนอักษร ห้องสีขาว ผ้าขาวแห่งการเริ่มต้นการอ่าน ห้องสีชมพู .. ในเวลาที่ความหวาน (ของตัวหนังสือ) มาเยือน ห้องสีฟ้าแห่งความพริ้ววพรายในบทกลอน ห้องสีเขียวแห่งเรื่องสั้นหลากรส ทรงพลัง ห้องสีเหลือง ที่ลงลึกถึงรายละเอียดแห่งชีวิต ห้องสีดำ งานเขียนที่ซ่อนสัญลักษณ์และต้องการการตีความ ห้องสีแดง ตัวแทนแห่งหนังสือขำขันหรรษา ห้องสีเทา ห้องแห่งวรรณกรรมต่างแดน และห้องสีทอง แห่งธรรมในเรือนใจ ในบทแรก ผู้เขียนแทบจะไม่ได้ลงลึกในหนังสือเล่มใดเลย เล่าถึงหนังสือผ่านๆ เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตที่ได้พานพบกับหนังสือนับไม่ถ้วนมากกว่า แต่ในบทถัดๆ ไป ผู้เขียนได้วิเคราะห์แนวเขียนของนักเขียนแต่ละท่านได้อย่างลึกซึ้ง อาทิเช่น น้อย ชลานุเคราะห์, วรรณสิริ, ชอุ่ม[…]

เรื่อง อ่านหนังสือเล่มนี้เถอะ..ที่รัก ผู้แต่ง ไพลิน รุ้งรัตน์ สำนักพิมพ์ คมบาง ราคา 130 บาท หนังสือดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ .. บางทีก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวจริงๆ นับประสาอะไรกับคนอื่น หนังสือเล่มหนึ่งที่เคยอ่านแล้วไม่ชอบ .. วันเวลาผ่านไป กลับกลายเป็นชอบก็ถมเถ .. อย่างเช่นเล่มนี้ไงคะ อ่านหนังสือเล่มนี้เถอะ .. ที่รัก เรียบ เนิบ แบบที่อ่านตอนเด็กๆ แล้วเคยไม่ชอบ แต่เมื่อเดินทางมาถึงวัยครึ่งคน กลับรู้สึกว่ามันอบอุ่นและชื่นเย็นไปพร้อมๆ กัน มันเรียกอมยิ้มน้อยๆ จากเราได้ตลอดเรื่อง ประสบการณ์ชีวิตได้เปลี่ยนนิยายเรื่องหนึ่งที่เคยอ่านแล้วเฉยๆ เบื่อๆ กลายเป็นนิยายที่กระแทกใจอย่างแรง ทั้งขมขื่น ทั้งตื้นตันจนทำให้น้ำตาซึม อ่านหนังสือเล่มนี้เถอะ..ที่รัก คือบทความสั้นๆ ที่จับพลัดจับผลูได้กลายมาเป็นนิยายค่ะ เป็นเรื่องราวของหมอหนุ่มกับหญิงสาวผู้เป็นหลานสาวเจ้าของคนไข้จำเป็นรายหนึ่ง หมอจุลละถูกขอร้องแกมบังคับให้ต้องมาตรวจอาการคนไข้ของเพื่อน ถึงที่บ้านในวันหนึ่ง คนไข้ผู้นี้มีนามว่าคุณย่าบัว เป็นคุณย่าที่เป็นหนอนหนังสือตัวยง บ้านของคุณย่าบัวตั้งอยู่ในรั้วรอบขอบชิดของบ้านไทยยุคเก่า บริเวณบ้านเต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ผลร่มรื่น ผู้คนในบ้านมีวิถีชีวิตที่เงียบเชียบ เรียบสงบ บ้านของคุณย่าบัวผู้นี้[…]

เรื่อง แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้แต่ง ชมัยภร แสงกระจ่าง สำนักพิมพ์ คมบาง ราคา 160 บาท แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ คือหนังสือที่รวบรวมเรื่องสั้นที่เล่าเรื่อง ‘แม่’ ในทุกแบบของผู้เขียน เป็น ‘แม่’ ที่ถูกเขียนขึ้นในเวลาต่างๆ อาจเคยถูกตีพิมพ์เผยแพร่ออกไปบ้างแล้ว แต่ถูกรวบรวมเอาไว้ในเล่มนี้เล่มเดียวกัน เพื่อให้คนเป็นแม่ และคนที่เป็นลูก ได้อ่าน ซึมซับ และซาบซึ้ง .. ในคราเดียว บทความหรือเรื่องสั้นเหล่านี้ แม้หลายเรื่องจะถูกตีพิมพ์มาก่อนแล้ว แต่สำหรับรวมเล่มเล่มนี้ ในทุกท้ายบทจะมีที่มาของเรื่องสั้น มีสถานการณ์จริงที่สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดเรื่องสั้นนั้นๆ บางเรื่องก็อ่านแล้วอมยิ้ม แต่บางเรื่องก็ซึ้งจนน้ำตาคลอ .. (หรือไหลพราก) และยิ่งได้รู้ที่มา .. รู้เรื่องจริงที่แทรกซ่อนอยู่ในเรื่องแต่ง .. ก็ยิ่งเศร้า ยิ่งซึ้ง ยิ่งอินหนัก เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหนังสือเล่มนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในแทบทุกบ้านที่มีแม่ บางครั้งก็เกิดขึ้นบ่อยจนชาชิน .. จนทำให้เราลืมนึกถึงจิตใจของกันและกัน ต่อเมื่อมาอ่านในหนังสือ ถึงได้เห็นภาพของความรู้สึกของทั้งแม่และลูกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น[…]

เรื่อง เรารู้อยู่แล้วว่าแม่อายุ ๘๘ ผู้แต่ง ชมัยภร แสงกระจ่าง สำนักพิมพ์ คมบาง ราคา 125 บาท ถ้าเล่มก่อน (แม่ลูกปลูกต้นไม้) เรื่องที่ชมัยภรเล่าถึงแม่จะทำให้เราน้ำตาซึมๆ เล่มนี้ต้องเรียกว่าขยี้ความรู้สึกกันเข้าไปอีก เป็นความเศร้าตื้อๆ แต่ก็ซึ้งและอบอุ่น อบอวลไปด้วยความรักของแม่กับลูก ชมัยภรเล่าเรื่องเศร้าด้วยแง่มุมดีๆ ค่ะ เขียนด้วยมุมมองดีๆ แล้วเรื่องดีๆ ก็เกิดขึ้นจริงๆ ตัวอย่างเช่น ในยามที่แม่ของผู้เขียนป่วยไข้ ต้องผ่าตัดมะเร็งอยู่ในโรงพยาบาลศิริราช เมื่อคุณแม่ของผู้เขียนต้องพักฟื้นร่างกายอยู่ในโรงพยาบาลจนกระทั่งถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ คนไข้ในห้องรวม 6 เตียง รวมกับญาติๆ จึงมีโอกาสได้ร่วมดูพลุเฉลิมพระเกียรติอันเป็นมงคล ชวนให้เต็มตื้นในหัวใจจริงๆ ^^ เรารู้อยู่แล้วว่าแม่อายุ ๘๘ เป็นเรื่องจริงในช่วงหนึ่งในชีวิตของผู้เขียนและครอบครัว สามพี่น้องรวมทั้งลูกหลาน ที่ร่วมกันต่อสู้โรคภัยไข้เจ็บ ความทุกข์ ความเศร้า ด้วยความรัก ความดีงาม ต่อกันและกัน ถึงแม้เนื้อหาใจความหลักน่าจะเศร้าหมอง แต่มุมมองและธรรมะ ทำให้หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่เรื่องเศร้าค่ะ ซ้ำยังเป็นกำลังใจอย่างดี .. ให้กับผู้ที่กำลังต่อสู้โรคภัยไข้เจ็บอันหนักหน่วงในชีวิตของตนและญาติมิตรอีกด้วย[…]

เรื่อง แม่ลูกปลูกต้นไม้ ผู้แต่ง ชมัยภร แสงกระจ่าง สำนักพิมพ์ คมบาง ราคา 150 บาท หนังสือเล่มนี้ แค่บทนำก็น่ารักแล้วล่ะค่ะ ^^ เนื้อเรื่องอบอุ่นน่ารักมาก เริ่มต้นเล่าในตอนที่เป็นวัยเด็ก ที่แม้จะเป็นของใครก็อ่านแล้วชื่นใจ คนเราต่างมีภาพวัยเด็กคล้ายๆ กัน อ่านแล้วพอจะอินตามกันได้ สำหรับในหนังสือ แม่ลูกปลูกต้นไม้ เล่มนี้ ชมัยภร แสงกระจ่าง เป็นทั้งแม่และเป็นทั้งลูก เนื้อหาในหนังสือจึงรวบรวมเรื่องราวเล่าข้ามยุคสมัยหลายสิบปี นับจากรุ่นยายสู่รุ่นหลาน (บางทีก็มีเรื่องเล่าของคุณทวด หรือคุณยายของผู้เขียนแถมมาด้วยนิดๆ หน่อยๆ) เห็นภาพคุณน้าคุณป้าใจดี อารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน (แม้เธอจะยืนยันว่าตัวเองใจร้อน) นั่งล้อมวงใต้ร่มไม้ เล่าเรื่องราวในอดีตสนุกๆ เกี่ยวพันกับต้นไม้รอบๆ ตัว (และบางทีก็เรื่องในปัจจุบันนี่แหละ หักลบจากปีที่เขียนกับปีที่อ่าน ก็ย้อนกันไปสิบกว่าปีเอ๊ง..) ครอบครัวคนเมืองที่มักจะส่งเสียงตื่นเต้นรื่นเริง ชื่นชมในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เป็นความสุขที่เกิดขึ้นง่ายๆ ในบ้าน (หรือหน้าบ้าน) คนเขียนยิ้ม คนอ่านก็ยิ้ม ยิ่งช่วงนี้เรากำลังเห่อปลูกต้นไม้[…]