เรื่อง มนตรา ผู้แต่ง แก้วเก้า สำนักพิมพ์ ทรีบีส์ (สนพ. ในเครือ สนพ.อักษรโสภณ) ราคา 290 บาท มนตรา คือนิยายภาคต่อของนิยายลึกลับเหนือจริงเรื่อง นางทิพย์ ค่ะ (เสียดายที่ไม่ได้อ่านต่อกัน ตอนเริ่มๆ เลยต้องรื้อฟื้นกันหน่อย) เรื่องเริ่มต้นในตอนที่ .. เมื่อเวลาผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง ดร.ภาธร (ผู้หลงรักรวิปรียา แต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้) เพิ่งกลับมาจากการไปทำงานกับองค์การนาซา เพื่อมารับภารกิจลับอย่างหนึ่ง เป็นภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาเบื้องหลังความศรัทธาของคนไทยที่มีต่อลัทธิใหม่ โดยมีผู้นำลัทธินามว่าเจ้าชายอินทราวุธ เจ้าชายจากราชบัลลังก์ของประเทศที่ล่มสลาย และเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองไปแล้ว การสืบค้นครั้งนี้เป็นไปได้ง่ายกว่าที่คิด เมื่อคุณผกา มารดาบุญธรรมของเขา กับอรณี กำลังจะเดินทางไปทดลองรักษาอาการเจ็บป่วยอย่างคนแก่ที่นั่นพอดี การเดินทางครั้งนี้ยังมีคุณหญิงสุภาพ และสีตลาหลานสาวติดตามไปด้วย สีตลาเป็นหญิงสาวที่อยู่ในกรอบของความกตัญญู มีหน้าที่ปรนนิบัติดูแลคุณย่าสุภาพผู้จุกจิกจู้จี้ เธอไม่เคยมีความสุข และเจ็บออดๆ แอดๆ โดยมีสาเหตุมาจากโรคทางใจ เจ้าชายเป็นผู้ค้นพบอีกตัวตนภายในใจของเธอ เขาเปิดโลกทัศน์ด้านมืดของเธอออก และนับจากนั้นเธอก็ได้เรียนรู้ที่จะทำบางอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ มนุษย์เราล้วนมีเนื้อแท้แห่งความดีเลวในตนอยู่บนตาชั่งอันสมดุลกันมาแต่แรก ต่อเมื่อได้รับการหล่อเลี้ยงเอาด้านหนึ่งด้านใดให้เติบโตขึ้นในใจแล้ว ดูแลอุ้มชูสิ่งนั้นเอาไว้แล้ว มันหมายความว่าเราได้เลือกปลายทางแห่งชีวิตของเราเอาไว้แล้วด้วยเช่นกัน สีตลาถูกเจ้าชายผลักดันให้หลงมัวเมาในความเลวร้าย ใช้อำนาจในทางที่ผิด[…]

เรื่อง แม่เบี้ย ผู้แต่ง วาณิช จรุงกิจอนันต์ สำนักพิมพ์ มติชน ราคา 220 บาท เสน่ห์ของ แม่เบี้ย น่าจะอยู่ที่เรื่องราวของความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดระหว่างเมขลา และงูเห่าขนาดใหญ่ในบ้านของเธอ เนื้อเรื่องมีกลิ่นอายอิโรติก แม้จะไม่ได้เล่าโจ่งแจ้งอย่างบางเล่มในยุคปัจจุบัน แต่ก็ยั่วยุความรู้สึกหวามไหวอยู่แผ่วๆ แม่เบี้ย คือเรื่องราวของชนะชล ชาย (ไม่ค่อย) หนุ่ม ที่แต่งงานแล้ว กับเมขลา หญิงสาวรักสนุก ที่มีงูเป็นพล็อตเสริมที่น่าสนใจ สารภาพว่าเรารำคาญนางเอกตอนเปิดเรื่องค่ะ และคาดว่าชนะชลก็คงรำคาญนางอยู่เหมือนกัน แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของความสนใจที่เขามีต่อเธอ .. เมขลา ชนะชลพบเมขลาเพราะความสนใจในบ้านเรือนไทย จากความสนใจกลายเป็นความประทับใจ จากความประทับใจต่อเรือนไทย กลายเป็นความประทับใจในตัวเจ้าของเรือน! เขาและเธอพบกันในวันที่เมขลารับหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์กิติมศักดิ์ เธอผู้เป็นเจ้าของบ้านเรือนไทยทรงเสน่ห์ริมแม่น้ำสุพรรณบุรี เธอเองก็น่าที่จะสนใจชายหนุ่มตั้งแต่วันแรกที่พบเช่นกัน ไม่เช่นนั้นเธอคงจะเป็นสาวเปรี้ยวที่เจ้าชู้มาก (ซึ่งจริงๆ ก็ถูกทั้งสองอย่าง) เพราะเธอออกอาการเกี้ยวชายหนุ่มอย่างไม่มีเคอะเขิน เธอเป็นนักเรียนนอกที่รับธรรมเนียมฟรีเซ็กซ์ของเมืองนอกเอาไว้อย่างเต็มที่ การพบกันครั้งนั้นสร้างพลังงาน (บางอย่าง ;P) สับสนอึงอลอยู่ภายในใจเขา ชนะชลแต่งงานแล้ว และมีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีลูกชายหญิงอย่างละหนึ่ง มีฐานะร่ำรวย เขาพอใจในสิ่งที่ตนครอบครอง ..[…]

เรื่อง ล่า ผู้แต่ง ทมยันตี สำนักพิมพ์ ศิลปาบรรณาคาร เลขมาตรฐานหนังสือ 9786162144110 เรื่องเริ่มต้นในตอนที่มธุสรตัดสินใจหย่าขาดกับสามี โดยแลกทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่มีกับสิทธิขาดในการดูแลมธุกร ลูกสาวที่รักยิ่ง ลูกสาวที่เป็นดังดวงใจ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ มธุสรคือนางเอกตามแบบฉบับของทมยันตี เข้มแข็ง อดทน และทิฐิแรง และเพราะทิฐิอันนี้เองที่ได้นำพาตัวเธอและลูกให้ต้องมาพำนักอยู่ในที่อโคจร แม้จะทำดีที่สุดแล้ว แต่สุดท้ายสิ่งแวดล้อมอันเลวร้ายรอบๆ ตัวก็เริ่มสำแดงผล เนื้อเรื่องในตอนต้น ถูกเขียนให้บีบเค้นความรู้สึกเกินจริง ชีวิตที่ลำบากก็ลำบากเกินจริง ซึ่งมันคงจะเป็นอย่างนั้น สำหรับคนที่เคยสบายแล้วต้องมาพบกับความยากลำบากชนิดกะทันหัน ค่านิยมในยุคเก่า ลมปากของมนุษย์มีอิทธิพลต่อชีวิตคนมากจริงๆ พอมาอ่านในยุคที่มนุษย์เลิกสนใจกัน ไม่แคร์คำพูดกันและกัน มันเลยอึดอัดว่า อะไรจะขนาดนั้น ชีวิตเธอมันยากไปเสียทุกอย่าง ทำอะไรก็โดนนินทา แถมมธุสรที่ดูนิ่งๆ ที่จริงก็หวั่นไหวไปกับทุกคำนินทาจนน่ารำคาญ ผู้เขียนบีบเค้นให้เราอึดอัด อัดอั้นไปกับมธุสรจนถึงที่สุด จนถึงในที่สุด เรา (มธุสรและคนอ่าน) จึงระเบิดไปพร้อมๆ กัน นานๆ ทีจะอ่านนิยายแบบที่เอาใจช่วยฆาตกร รู้สึกว่าตัวเองโรคจิตขึ้นเยอะเลย (ฮา) มธุสรเก็บกดอารมณ์รุนแรงอยู่ภายใน รักลูกมาก ก็มากเกินปกติ เกลียด (อดีต) สามีมาก (อันนี้สมควรเกลียดตามที่ผู้เขียนบิ้วท์)[…]

เรื่อง คราส ผู้แต่ง อติภพ ภัทรเดชไพศาล สำนักพิมพ์ มติชน ราคา 250 บาท ความรู้สึกแรกที่อ่านจบคือโมโห เหมือนถูกหลอกให้อ่านอะไรก็ไม่รู้อยู่ตั้งนาน ‘ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย’ คือคำแรกที่นึกออกในตอนที่อ่านบรรทัดสุดท้ายในหนังสือจบ ผู้เขียนต้องการจะบอกอะไรก็ไม่รู้ สื่ออะไรก็ไม่รู้ นึกอยากเขียน อยากโยงอะไรก็โยง กระตุ้มต่อมคำถามให้วิ่งพล่านอยู่ในหัว ก่อนที่จะจบลงแบบ .. ไม่ตอบอะไรเลย ไม่มีทางเลือก ไม่มีความคิด ไม่มีไอเดีย มีแค่ความงง ตกลงเฮียจะสื่ออะไร? เอ้า .. มา เล่าเท่าที่พอจับใจความได้กันก่อน ผู้เขียนเปิดเรื่องได้น่าสนใจ มีวิธีเล่าที่ปลุกเร้าความอยากรู้ ความทรงจำอันบิดเบี้ยว มนุษย์เรามักเลือกจำในสิ่งที่เราอยากจะจำ และละลืมรายละเอียดบางสิ่งบางอย่างที่สะเทือนใจออกไป หลายความทรงจำที่เราไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นจริง หรือเป็นเพียงบางความลวงของสมองกันแน่? ปมความรู้สึกที่ติดอยู่ในห้วงของความทรงจำ มันถูกฝังลึกเอาไว้มิดเม้น แต่จิตใต้สำนึกไม่เคยลืมมัน ผู้เขียนแบ่งนิยายของตนเองออกเป็น 5 ส่วนใหญ่ๆ ตัวตนของแต่ละตัวละคร ถูกเล่าเอาไว้ในตอนของตนเอง เสือ, ไตร (=ตั้ม และ =เสรี[…]

เรื่อง น้ำเงินแท้ ผู้แต่ง วินทร์ เลียววาริณ สำนักพิมพ์ 113 ราคา 375 บาท แค่คำนำก็จี๊ดหัวใจ จิตว่างๆ อาจถึงกับน้ำตาคลอได้ โดยเฉพาะ เมื่อถูกบิ้วท์มาแล้วจากประชาธิปไตยบนเส้นขนาน และปีกแดง น้ำเงินแท้คือบันทึกชีวิตนักโทษการเมืองตั้งแต่ยุคกบฏบวรเดช เรื่องเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2476 นับเนื่องต่อกันไปในแต่ละปี ถ่ายทอดเส้นทางชีวิตของนักโทษการเมืองแต่ละท่าน จวบจนปี พ.ศ. 2487 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ทั้งหมดได้รับการปลดปล่อย เรื่องราวไม่ได้เล่าเหตุการณ์การวางแผนก่อนการกบฏเอาไว้มากนัก แต่เน้นหนักไปที่ภาพชีวิตนักโทษการเมืองภายหลังการถูกจับอย่างละเอียดโดยตลอด หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคุก ทั้งที่บางขวาง ตะรุเตา และเกาะเต่าเป็นความจริงที่กินใจ สถานการณ์บ้านเมืองในยุคนั้นถูกถ่ายทอดสู่เราในรูปของ – ข่าวคราวจากภายนอกคุก เล็ดลอดเข้ามาในเรือนจำ เป็นมุมมองจากในคุก บุคคลเหล่านี้ผ่านปีใหม่ในคุก ผ่านวันเกิดในคุก ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 ในคุก ผ่านกบฏอีกหลายต่อหลายครั้ง มีนักโทษการเมืองอีกหลายชีวิตเดินเข้าและเดินออกเรือนจำแห่งนี้ น้ำเงินแท้ เป็นเล่มที่อ่านง่ายที่สุดในสามเล่ม (เทียบกับประชาธิปไตยบนเส้นขนาน และปีกแดง) ข้อมูลรายละเอียดทางการเมืองถูกตัดทอนออกไป (เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงส่วนเดียวที่เกิดซ้อนทับกันกับสองเล่มแรก) ผู้เขียนนำส่วนของอารมณ์และความรู้สึกของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์มาขยายส่วน เรื่องราวชีวิตของนักโทษการเมืองดำเนินควบคู่ไปกับเรื่องราวชีวิตของต้นแสง[…]

ช่วงนี้ของปีว่างกะปริบกะปรอยจริงๆ ค่ะ ปีก่อน ไปก่อนงานเริ่มหนึ่งวัน ปีนี้ไปก่อนวันสุดท้ายของงานหนึ่งวัน แต่ถึงยังไงก็ขอเกาะกระแสงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระเที่ยวเหมือนเดิมเนอะ ^^ ปีนี้วางแผนเดินทางพยายามไม่ให้ซ้ำร้านกับปีก่อนค่ะ แม้ว่าจะติดใจร้านของปีก่อนอยู่หลายร้านเหมือนกัน ด้วยเวลาที่จำกัด เลยคัดมาได้สามร้านค่ะ (จริงๆ สี่ แต่ข้อมูลผิดพลาดไปร้านนึง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง แหะๆ ^^”) ปีนี้มาไกลจากพัทยา แถมมีคนใจดีขับรถพามาด้วย เลยขอรีวิวเส้นทางด้วยรถเมล์แบบแห้งๆ ละกันนะคะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอีกที เพราะเราใช้การคาดเดาเอา ไม่ได้นั่งจริงๆ ^^” เริ่มต้นกันที่ ร้านมะลิมะลิ ก่อนเลย อย่างเพิ่งบ่นค่ะ ร้านมะลิมะลิซ้ำกับปีก่อนจริง (รีวิวปีก่อนค่ะ) แต่คุณเจ้าของร้านเพิ่งย้ายพิกัดร้านค่ะ เราต้องไปเยี่ยมร้านเก่าสถานที่ใหม่กันหน่อย .. เนอะ ปีนี้ ร้านมะลิมะลิย้ายมาเปิดที่คอนโด Chapter one ใกล้ซอยราษฎร์บูรณะ 33 ถ้ามาจากทางบิ๊กซีราษฎร์บูรณะ จะเห็นป้ายคอนโดชัดเจนแต่ไกล มีป้ายรถเมล์ตรงหน้าคอนโดพอดีค่ะ (มีรถเมล์สาย 6 วิ่งผ่านค่ะ) เดินเข้าไปไม่ใกล้ไม่ไกล แค่สุดริมน้ำเอ๊ง!! ^^” ป้ายชื่อคอนโด[…]

เรื่อง ปีกแดง ผู้แต่ง วินทร์ เลียววาริณ สำนักพิมพ์ 113 ราคา 280 บาท ปีกแดง เริ่มต้นด้วยบันทึกการเดินทางของนกที่มีปีกสีแดงสวยสวยงามชนิดหนึ่ง จากรัสเซีย สู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ .. เวียดนาม .. นกปีกแดงเพลิงดุจตัวแทนแห่ง ‘คอมมิวนิสต์’ จากประชาธิปไตยบนเส้นขนาน ที่ผูกโครงนิยายจากการเมืองแห่งสยามประเทศเพียงเท่านั้น สู่ปีกแดง ที่บอกเล่าเรื่องราวของการเมืองโลก .. เน้นหนักไปที่ระบอบคอมมิวนิสต์ (สปอยล์บางส่วนนะคะ) เรื่องราวเริ่มต้นที่เยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองใกล้จะสิ้นสุด รุจน์ รุจิเรข เจ้าหน้าที่สถานทูตเยอรมัน เขาได้รับคำสั่งให้ส่งคนไทยในเยอรมันออกนอกประเทศอย่างปลอดภัย เมื่อปฏิบัติหน้าที่สำเร็จ เขาหวนกลับมาที่เยอรมันอีกครั้ง ในเวลาที่กรุงเบอร์ลินใกล้แตกเต็มที ในอดีต หลวงประชารุจิเรข พ่อของรุจน์ลี้ภัยการเมืองไปยังมอสโก ด้วยข้อหาว่าทำรัฐประหาร เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ มีหลักฐานยืนยันหลายอย่าง รุจน์ถูกส่งมาเรียนที่เยอรมันตั้งแต่อายุสิบสาม ปีเดียวกันกับที่พ่อของเขาทำการยึดอำนาจรัฐ แต่มันไม่สำเร็จ .. รุจน์ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกกบฏ ลูกคอมมิวนิสต์ เขาเรียนจนจบและทำงานที่เยอรมัน ประเทศไทยไม่มีที่ยืนสำหรับลูกกบฏ พ่อของเขาเสียชีวิตหลังจากลี้ภัยครั้งนั้นไม่นาน แต่แล้ว รุจน์กลับได้มีโอกาสพบพ่อที่คิดว่าตายไปแล้ว ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เยอรมัน[…]

เรื่อง ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน ผู้แต่ง วินทร์ เลียววาริณ สำนักพิมพ์ 113 ราคา 170 บาท เหตุเพราะ เนรเทศ อ้างอิงเหตุการณ์ทางเกินเมืองเป็นคริสตศักราช เมื่อหยิบ ประชาธิปไตยบนเส้นขนานมาอ่านต่อ จึงมีความต่อเนื่องเพียงทางอารมณ์อย่างเดียว ไม่มีการเชื่อมต่อของข้อมูลใดๆ ติดหัวมาเลยสักน้อยนิด แต่ก็เชื่อมั่นตั้งแต่เริ่มอ่านว่า ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน จะตบแต่งความทรงจำอันรางเลือนสมัยเรียน ให้เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นแน่ๆ (เพราะเคยอ่านมารอบนึงแล้ว อิอิ) ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน เป็นนวนิยายเรื่องแรกของคุณวินทร์ ชื่อผู้เขียน วินทร์ เลียววารินทร์ (สำหรับเรา) การันตีได้เลยถึงความสละสลวยงดงามทางภาษา มั่นใจได้เลยว่ากระชับ ลื่นไหล และเข้าถึงอารมณ์แน่ๆ (ถ้าอ่านเล่มนี้เสียก่อน คงอ่านเนรเทศได้เข้าถึงอารมณ์กว่านี้) เพราะข้อมูล รายละเอียด และความสนุก เล่มนี้เหนือกว่าทุกด้าน สมค่านานารางวัลที่ได้รับมาจริงๆ ค่ะ แต่ก็เป็นเป็นเพราะเนรเทศนี่แหละ ที่ทำให้เราไปขุดเซ็ตนี้กลับมาอ่านอีกครั้ง และถือโอกาสอ่านน้ำเงินแท้ เล่มใหม่ไปพร้อมกันเลย ประชาธิปไตยบนเส้นขนานเป็นการนำประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของบ้านเรา มาร้อยเรียงผูกต่อขึ้นเป็นนิยายเรื่องหนึ่ง โดยในเรื่องจะถูกแบ่งเป็นตอน แต่ละตอนใช้ชื่อตอนเป็นปี[…]

เรื่อง เนรเทศ ผู้แต่ง ภู กระดาษ สำนักพิมพ์ มติชน ราคา 180 บาท ได้ยินชื่อเสียงของ เนรเทศ มาสักพักแล้วล่ะค่ะ ก่อนจะตัดสินใจซื้อเมื่องานหนังสือที่ผ่านมา วันนี้ได้ฤกษ์หยิบมาอ่าน นับว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์การอ่านสำหรับตัวเองไปอีกขั้น เนรเทศ นำเสนอเรื่องราวเหตุการณ์ธรรมดาๆ ที่พบได้บ่อยๆ ทุกวันหยุดยาวประจำชาติ เป็นการบรรยายเหตุการณ์การเดินทางของครอบครัวครอบครัวหนึ่งเอาที่แสนธรรมดา เอาไว้อย่างน่าสนใจ เมื่อสิ้นสุดการปิดเทอมฤดูร้อน สายชน ไซยปัญญา กับแม่ของเขา ผู้เป็นย่าของลูกสาว .. อุ่น โจ้ หลานชายบ้านใกล้เรือนเคียง และวิญญาณของ ล. ไซยปัญญา ภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว ทั้งหมดออกเดินทางจากชลบุรี อันเป็นจังหวัดที่เขาทำงาน ออกเดินทางเพื่อกลับสู่บ้านเกิด หมู่บ้านงาเอก จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้อุ่นกลับไปเรียนเมื่อเปิดเทอม การเดินทางที่ทีแรกวางแผนกันไว้ว่าจะให้น้องชายผู้ทำงานในโรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ขับรถมารับทุกคนที่บ้านของเขาที่ชลบุรี และไปรับน้องสาวอีกคน ซึ่งทำงานอยู่ ณ โรงงานเชือดชำแหละไก่สด ที่บางเสาธง สมุทรปราการ กลับสู่หมู่บ้านงาเอก[…]

เรื่อง รัตนาวดี ผู้แต่ง ว. ณ ประมวญมารค สำนักพิมพ์ ต้นอ้อ 1999 ราคา 135 บาท รัตนาวดี เป็นเรื่องสุดท้ายในนิยายชุดปริศนา ท่านหญิงรัตน์ผู้เคยเป็นลูกศิษย์จอมเฮี้ยวของคุณครูปริศนา โตเป็นสาวและเรียนจบแล้ว และก่อนที่จะเริ่มต้นชีวิตผู้ใหญ่ เธอได้ออกเดินทางท่องเที่ยวดูโลก เป็นการเดินทางออกนอกประเทศของเธอ และเดินทางไปเพียงสองคนคือเธอกับป้าสร้อยผู้เป็นยิ่งกว่าพี่เลี้ยงเพียงเท่านั้น หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดีเชื่อมั่นว่าเมื่อเธอเดินทางไปถึงสนามบินประเทศอังกฤษ หม่อมเจ้าดนัยวัฒนา พระสหายของหม่อมเจ้าพจนปรีชา พี่ชายของเธอจะมารับและช่วยดูแล ต่อเมื่อไม่พบตามที่นัด โลกของเธอจึงกลับตาลปัตร และเธอก็เริ่มตั้งป้อมโกรธท่านดนัยผู้นี้ตั้งแต่ต้นเรื่องมาเลย รัตนาวดีเป็นนิยายเรื่องแรกๆ ของไทยเลยที่ใช้พล็อตการปลอมตัว แม้หม่อมเจ้าดนัยวัฒนาจะไม่ได้ตั้งใจปลอมตัวเป็นนายเล็ก มหาดเล็กของตนเอง แต่เมื่อท่านหญิงรัตนาวดีเผลอเข้าใจผิดไปทีแรก เขาจึงรับสมอ้าง และปลอมตัวพาเธอเที่ยวอยู่เกือบตลอดเรื่อง รัตนาวดีนับเป็นไพรัชนิยายเรื่องหนึ่ง ผู้เขียนเล่าเรื่องด้วยจดหมาย (คล้ายนิกกับพิม) แต่ไม่ใช่จดหมายโต้ตอบระหว่างพระนาง เป็นจดหมายที่ท่านหญิงรัตน์ และท่านดนัยผลัดกันเขียนถึงท่านชายพจน์และหม่อมปริศนา บอกเล่าการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับเหตุการณ์น่ารักกุ๊กกิ๊กของพระนาง เริ่มต้นที่อังกฤษ ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมัน และเฉี่ยวๆ ออสเตรีย อ่านไปก็จะได้วาดภาพฉากสวยงามต่างๆ ตามที่ท่านผู้เขียนบรรยายเอาไว้ด้วย อีกหนึ่งสิ่งที่รัตนาวดีคล้ายกับ นิกกับพิม ก็คือตัวละครตลกๆ ที่มีปัญหาทางภาษา[…]