เรื่อง ที่นี่ที่รัก ผู้แต่ง ทรงกลด บางยี่ขัน สำนักพิมพ์ abook ราคา 235 บาท ซื้อหนังสือเล่มนี้มาได้ 2 ปีแล้ว สารภาพกันโต้งๆ เลยว่าเพิ่งได้โอกาสหยิบมาอ่านเป็นรอบแรกค่ะ ดองอย่างดีเอาไว้ในตู้ กำลังได้ที่เลยเชียว -*- เปิดอ่านแล้วถึงได้รู้ว่า “ทางรถไฟสายดาวตก” ไม่ใช่เล่มแรกที่ก้องเขียนถึงญี่ปุ่น ใช่แล้วค่ะ “ที่รัก” ของก้อง อยู่ที่ฟุกุโอะกะ ประเทศญี่ปุ่นนี่เอง .. ใครๆ ก็เล่าเรื่องการไปเที่ยวญี่ปุ่น ก้องเองก็ด้วย เล่มนี้เป็นเล่มแรกที่ก้องพูดถึงญี่ปุ่น (แต่เป็นเล่มที่สองที่เราอ่าน) ญี่ปุ่นเป็นเมืองที่เต็มที่ เวลาที่เขาทำอะไรเขาจะเต็มที่กับมัน ทำอาหาร ก็ใส่ใจลงไปให้สุด ทำสนามเบสบอล อันเป็นกีฬาสุดฮอตบ้านเขา ก็ช่างเป็นสนามที่เหมาะสมกับการทำกิจกรรมทุกอย่างเกี่ยวกับเบสบอล มีความสร้างสรรค์เท่าไร ใส่เต็มไปให้หมด สนามกีฬาจึงไม่เป็นแค่ที่เล่นกีฬา แต่เป็นลานความสุขของคนดูกีฬาด้วย มุมมองญี่ปุ่นแบบก้องๆ จึงอบอุ่น และสร้างสรรค์ เป็นการรวบรวมความอบอุ่นและสร้างสรรค์ของก้องและญี่ปุ่นผสมผสานกัน ให้ใครที่ไหนมาเล่า ก็ไม่มีทางเหมือนก้องจริงๆ ก้องยังคงเล่าเรื่องธรรมดาๆ[…]

เรื่อง สองเงาในเกาหลี ผู้แต่ง ทรงกลด บางยี่ขัน สำนักพิมพ์ abook ราคา 180 บาท สองเงาในเกาหลี .. อ่านเพลินตั้งแต่คำนำกันเลยทีเดียว!! อ่านทรงกลดติดต่อกันมาหลายเล่ม เล่มนี้ทรงกลดมาในมาดใหม่ค่ะ เขาไม่ได้เล่าเรื่องทั่วๆ ไป เป็นตอนๆ เหมือนอย่างเคย แต่กลายเป็นร้อยเรื่องราวทุกตอนให้เป็นเรื่องเดียว โรแมนติกมากกว่าที่เคยโรแมนติก เพราะในเล่มนี้เรามีตัวตนของหญิงสาวที่เขาเล่าถึงด้วย ถึงจะโรแมนติก และเกาหลี แต่ก็ไม่โหล เป็นโรแมนติกในแบบของก้อง ไม่ซ้ำใคร อย่างที่หลายคนรู้ (และเผื่อใครจะไม่รู้) สองเงาในเกาหลีเล่มนี้เป็นต้นกำเนิดของภาพยนตร์เรื่องกวน มึน โฮ อย่าคาดหวังนะคะ มันไม่ได้เหมือนกันเป๊ะๆ ผู้กำกับเคยบอกเราเอาไว้แล้วตั้งแต่แรกว่าหนังสือเล่มนี้เป็น (เพียง) แรงบันดาลใจเท่านั้นค่ะ เรื่องราวของนักท่องเที่ยวไทยสองคน ที่บังเอิญมาพบกันในเกสต์เฮ้าส์อบอุ่นแห่งหนึ่งในเกาหลี ทั้งสองคนมีแผนเที่ยวทับซ้อนกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วจะชักช้าอยู่ใย เที่ยวด้วยกันประหยัดกว่าเห็นๆ .. เรื่องมันเริ่มต้นง่ายๆ เพียงแค่นี้แท้ๆ จุดเริ่มต้นพอเหมาะ ในองค์ประกอบอันเหมาะสม .. แล้วความโรแมนติกก็เกิดขึ้นได้เอง นี่คือเรื่องราวของสองเงาในเกาหลี[…]

เรื่อง นั่งฝั่งตะวันตื่น ยืนฝั่งตะวันตก ผู้แต่ง ทรงกลด บางยี่ขัน สำนักพิมพ์ abook ราคา 160 บาท ตัวหนังสือของก้อง ทรงกลด ยังคงอบอุ่น น่ารัก โรแมนติค (ไม่แพ้พี่ก้อง สหรัฐ แห่งวงนูโวเลยทีเดียว) สำนวนของเขามีชีวิต และขี้เล่น มันเรียกรอยยิ้ม และบางครั้งแถมเสียงหัวเราะ (เบาๆ ถ้าไม่ได้อยู่คนเดียว) มีหลายตอนที่รสชาติจัดจ้านไม่แพ้เล่มแรก แต่ก็มีบางตอนที่เริ่มจะจืดชืดลงไป ความแพรวพราวเจือจางลงนิดนึง เมื่อเทียบกับเล่มแรกที่ยิงประโยคเด็ดอย่างไม่หยุดหย่อน สำหรับเล่มนี้ นับว่าทรงกลดยังปราณี มีช่วงแวะพักหายใจกันบ้าง การอ่านในช่วงต้นๆ ของเล่ม มีความรู้สึกคล้ายกับอ่านเมื่อคุณตาคุณยายยังเด็กในสำนวนที่เฮ้วกว่า และเป็นช่วงเวลาที่เขยิบมาเป็นเมื่อคุณแม่ยังเด็กแทน ตอนโปรดของเราในเล่มนี้ มีชื่อตอนว่า “น้ำลายแตกฟอง” กับตอน “หนังสือเดินทาง” โดยเฉพาะตอนหลังนี้ อ่านแล้วชวนให้เราอยากแปลงกายเป็นหนังสือ และออกเดินทางไปกับเจ้าของที่เป็นแบ็คแพ็คเกอร์ดูบ้าง อีกเรื่องที่ลืมชื่นชมในเล่มแรก และอยากชื่นชมในเล่มนี้คือภาพประกอบ ทั้งนายเท้าซ้ายฯ และนั่งฝั่งฯ ล้วนแต่มีภาพประกอบที่สร้างสรรค์ไม่ซ้ำใคร การเล่าเรื่องไปเที่ยวเมืองจีนช่วงท้ายๆ[…]

เรื่อง นายเท้าซ้าย เด็กชายเท้าขวา ผู้แต่ง ก้อง คาร์ ไว (ทรงกลด บางยี่ขัน) สำนักพิมพ์ abook ราคา 160 บาท นายเท้าซ้าย เด็กชายเท้าขวา เป็นหนังสือเล่มเปิดตัวของของก้อง คาร์ไว หรือก้อง ทรงกลด บางยี่ขัน มันเป็นการเปิดตัวที่สวยงาม เพราะเมื่ออ่านตอนแรกจบ ทรงกลดก็ส่งเท้าซ้ายเข้าไปโชะที่หัวใจเราเป็นดอกแรก และส่งเท้าขวาตามมาไม่ห่างเข้าที่ต่อมอารมณ์ดีในสมอง ความเป็นตัวเขาชัดเจนมากในเล่มแรกนี้ และมันส่งผลให้ชื่อของก้อง ทรงกลดเป็นที่จดจำของเราตั้งแต่บัดนั้น ก้อง ทรงกลดกำลังสดใหม่ ลูกเล่น ลูกล่อ ลูกชนแพรวพราว (แพรวพราวกว่าเรื่องหลังๆ โดยเฉพาะเรื่องล่าสุดอย่างเห็นได้ชัด) ความคิดและอารมณ์บางอย่างก็เกิดขึ้นได้เฉพาะช่วงวัยจริงๆ (การเขียนไดอารี ทำให้เราได้เห็นตัวเองในวัยเยาว์กว่านี้ และนั่นทำให้เราแปลกใจในตัวตนของตัวเอง) ทรงกลดเล่าเรื่องทั่วๆ ไป ธรรมดาๆ ในมุมมองที่เก๋ไก๋ ยั่วคิด อ่านได้เพลิดเพลิน ตัวหนังสือของเขามีอารมณ์ขัน (แบบที่ไม่ใช่อ่านแล้วหัวเราะออกมาดังๆ นะ) มองโลกในแง่สุข เป็นความคิดแง่บวก[…]

เรื่อง ทางรถไฟสายดาวตก ผู้แต่ง ทรงกลด บางยี่ขัน สำนักพิมพ์ abook ราคา 245 บาท ทางรถไฟสายดาวตก เล่มนี้ ทรงกลดเล่าถึงการท่องเที่ยวโดยรถไฟแบบถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง รถไฟในญี่ปุ่นไม่ได้มีแต่รถไฟสายด่วน เร็วปรู๊ดปร๊าดทันใจวัยรุ่นแต่อย่างเดียว แต่ยังมีรถไฟเนิบๆ ที่ขายความช้า ขายความสุนทรีย์ระหว่างการเดินทางอยู่อีกหลายขบวน ไม่ใช่นั่งรถไฟไปเที่ยว แต่เป็นการเที่ยวบนรถไฟเลยต่างหาก ทางรถไฟสายดาวตก เล่มนี้ปลุกความอยากขึ้นรถไฟของเราขึ้นมาอีกครั้งค่ะ (อ่านทีก็อยากที แต่ยังหาโอกาสไปนั่งจริงๆ ไม่ได้สักที -*-) ตอน “เที่ยวเที่ยง” เป็นตอนที่เราชอบมากตอนหนึ่ง ทรงกลดเล่าวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจถดถอยแบบญี่ปุ่น เมื่อการรถไฟประเทศญี่ปุ่นประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ การรถไฟทำการสร้างห้างสรรพสินค้าขึ้นครอบสถานีรถไฟ สนับสนุกกิจการทางการเกษตร เพื่อให้เกิดการจ้างงาน และคนงานก็ขึ้นรถไฟมากขึ้น สินค้าทางการเกษตรที่สร้างขึ้น ถูกนำมาใช้เป็นจุดขายของสถานี และวิถีวิธีอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้คนในชุมชนรักรถไฟ เป็นตอนที่อ่านแล้วได้อารมณ์แบบบวกบวกดีจัง ภูเขาและทะเล เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนญี่ปุ่น รถไฟเกือบทุกสาย (ในเล่มนี้) ถูกออกแบบมาให้สัมพันธ์กับสองสิ่งนี้เสมอๆ พออ่านไปหลายๆ ตอนเข้า ความทรงจำก็ดึงเรากลับไปถึงตอนที่อ่านโต๊ะโตะจัง โรงเรียนของโต๊ะโตะก็มีกิจกรรมอาหารกลางวันที่เกี่ยวพันกับสองสิ่งนี้เช่นกัน[…]

เรื่อง จุดดับในดวงตะวัน ผู้แต่ง ว.วินิจฉัยกุล สำนักพิมพ์ ทรีบีส์ (สนพ. ในเครือ สนพ.อักษรโสภณ) ราคา 440 บาท เรื่องราวเล่าความหลังของชายหญิงนาม เสกสุธาและปัณณิกา คนสองคนที่มีช่วงชีวิตสุขและทุกข์เกี่ยวพัน พาดผ่าน ผูกพันกันยาวนาน ว.วินิจฉัยกุลเล่าเรื่องนี้แบบอดีตวัยเด็ก (ช่วงหลังสงครามโลก) สลับกับวัยชราในปัจจุบัน พระเอกนางเอกของอาจารย์วินิตา มักจะเป็นพระเอกนางเอกที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นพระเอกนางเอกตามสมัยนิยมเท่าไร มีความเป็นคนธรรมดาสามัญอยู่สูงมาก ชีวิตมนุษย์ มีความซับซ้อนมากกว่ารักกัน แต่งงานกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ตอนที่เนื้อเรื่องดำเนินมาถึงการแต่งงานของพระเอกนางเอก เรื่องราวในหนังสือจึงเพิ่งดำเนินมาได้เพียงครึ่งเล่มเท่านั้น พระเอกนางเอกของว.วินิจฉัยกุล มีเกลียด มีรัก มีโลภ มีโกรธ และมีหลง ทำผิดได้ ตกอับได้ ทำร้ายคนอื่นก็ได้ เฉกเช่นมนุษย์สามัญอย่างเราๆ ที่เคยทำผิด บางคนก็เรียนรู้จากความผิดและกลับตัวได้ และบางคนก็ทำผิดแล้วผิดอีก เสกสุธา ทำให้เราคิดถึงคุณยศ จากมาลัยสามชาย (นิดเดียวค่ะ เลวน้อยกว่ากันเยอะ 555) ชีวิตวัยเด็กเป็นความทรงจำมีค่าของใครหลายๆ คน[…]

เรื่อง กลับไปสู่วันฝัน ผู้แต่ง แก้วเก้า สำนักพิมพ์ ทรีบีส์ (สนพ. ในเครือ สนพ.อักษรโสภณ) ราคา 330 บาท พิมพ์ฉัตร นางเอกจากเรื่องนี้เริ่มต้นเรื่องด้วยชีวิตวัยป้า หญิงสาว (เหลือน้อย) ที่ยังโสด ผ่านชีวิตวัยเด็กในครอบครัวฐานะปานกลาง ค่อนไปทางยากจน ต้องลาออกจากโรงเรียนกลางคันเพื่อส่งเสียน้องๆ อีก 3 คนให้เล่าเรียนจนจบ และได้ดิบได้ดีกันทุกคน หลังจากนั้น เธอก็ใช้ชีวิตอย่างแห้งแล้ง ไม่เคยมี “ชีวิต” เป็นของตัวเองมาโดยตลอด จนล่วงเข้าวัย “ป้า” ในตอนนั้นเอง เธอได้รับคำแนะนำจากคุณมาลินดา เพื่อนสูงวัย (ที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่สนิทใจกันดี) ว่า .. คนเราต้องกล้าเสี่ยง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่ชีวิต ความเสี่ยงที่อาจจะนำพาชีวิตให้ดีขึ้น หรือแย่ลงก็ได้ แต่ชีวิตเธอจะเปลี่ยนแปลงไปจากความน่าเบื่อนี้ ขอเพียงเธอกล้าที่จะเปลี่ยนเท่านั้น คำแนะนำนี้เองที่จุดประกายความคิดให้กับชีวิตของเธอ พิมพ์ฉัตรตัดสินใจขายบ้านที่เธออยู่ และไปทำงานที่เชียงใหม่ ในหน้าที่การงานอันต่ำต้อย แต่เป็นสุข เธอมีหน้าที่ดูแลเนิร์สซิ่งโฮม[…]

เรื่อง กลกิโมโน ผู้แต่ง พงศกร สำนักพิมพ์ กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง ราคา 420 บาท ธีมหลักของเรื่องนี้ (ที่บอกไว้ในคำนำ) มีที่มาที่ไปคล้ายนางบาปเลยค่ะ คือว่าด้วยเรื่องของการเล่าปากต่อปาก แล้วทำให้ตำนานผิดเพี้ยนไปจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง กลกิโมโน เปิดเรื่องด้วยตำนานของหุบเขาสึกิ อันเป็นสถานที่ที่โลกและสวรรค์ใกล้กันมากที่สุด และวันที่สถานที่ทั้งสองจะใกล้กันมากที่สุดก็คือวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด วันทานาบาตะนั่นเอง ในวันนั้น นอกจากตำนานของเจ้าหญิงทอผ้ากับเด็กเลี้ยงวัวแล้ว ยังมีตำนานอีกเรื่องหนึ่งที่เล่าต่อกันมา และเป็นที่มาของนิยายเรื่องนี้ ตำนานของเทพเจ้ากระเรียน เทพเจ้าจิ้งจอก ปีศาจนางหิมะ และเทพธิดาดาวเดือนเจ็ด ในวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีหนึ่ง เทพเจ้าจิ้งจอกและเทพเจ้ากระเรียนได้ลงมาอวยพรมนุษย์เหมือนเช่นทุกๆ ปี แต่ในปีนี้ ขณะที่เทพเจ้ากระเรียนกำลังร้องเพลงขับกล่อมมนุษย์อยู่นั้น ปีศาจนางหิมะเกิดมาได้ยินเข้าจึงหลงรัก (เหมือนนางผีเสื้อสมุทรหลงพระอภัยฯ เชียว) แต่ปีศาจนางนี้ไม่อุ้มเทพกระเรียนไปที่ถ้ำค่ะ นางบอกรักเทพกระเรียน แต่เทพกระเรียนไม่เล่นด้วย เพราะท่านมีคนรักรอคอยอยู่บนสวรรค์แล้ว ซึ่งก็คือเทพธิดาดาวเดือนเจ็ด เมียวโจโอจิ นางปีศาจโกรธมาก เลยเป่าพายุหิมะใส่บ้านเรือนมนุษย์ เหล่าเทพทนไม่ได้เลยต้องเข้าช่วย ผลก็คือ นางปีศาจหิมะถูกกักวิญญาณเอาไว้ในตุ๊กตา, เทพจิ้งจอกสลายไป, และเทพกระเรียนกลับสวรรค์ไม่ได้ และนั่นเป็นต้นเหตุให้คนจากสองตระกูลผู้ดูแลศาลเจ้าจิ้งจอก[…]

เรื่อง ปล่อยใจไปกับ…เช็ก ผู้แต่ง กิ่งฉัตร สำนักพิมพ์ อรุณ (สนพ. ในเครือ สนพ.อมรินทร์) ราคา 265 บาท (พิมพ์ครั้งที่ 2 เมื่อปีพ.ศ. 2557) หลังจากถูกบิ้วท์มาเนิ่นนาน และแล้วก็ถึงวันที่เราจะได้หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านอย่างเปี่ยมสุขเสียที ^^ ทีแรกที่ได้ยินว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความชุลมุนวุ่นวายของกรุ๊ปทัวร์สุดป่วน แถมนางเอกยังเป็นไกด์ต้องรองรับความป่วนทั้งมวลในเรื่องอีก รู้แค่นี้เราก็เริ่มเกร็งๆ กลัวจะต้องมานั่งเก๊กซิมแทนนางเอกเสียแล้วล่ะค่ะ แต่โชคดี ที่ความวายป่วง เอ๊ย! ความป่วนที่ว่า เป็นแค่ระดับมินิเท่านั้น ถ้าเทียบกับทั้งเรื่อง (อ้าว 555) แม้นางเอกจะถูกกระทำ (ตามหน้าที่) อยู่บ้าง แต่นางเอกคนนี้ก็ไม่ใช่นางเอกหงิมๆ เศร้าๆ (เหมือนวริษา จากแสงดาวฝั่งทะเล) ค่ะ แม้ไกด์เกี๊ยวจะเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่เธอก็ไม่ได้ยอมทุกอย่าง มีช็อตเอาคืนให้คนอ่านได้เฮเป็นระยะๆ แม้จะไม่รุนแรง (ตัวเอกเอาคืนไม่แรง) แต่ลูกทัวร์ช่วยซ้ำตลอด พอจะเฮได้อยู่ค่ะ ปล่อยใจไปกับเช็กเรื่องนี้สนุก น่ารัก กุ๊กกิ๊ก ตื่นเต้น[…]

หลังจากที่ลุ้นๆ ว่าจะว่างหรือเปล่า ในที่สุดก็ได้ไปงานหนังสือรอบที่สองเสียทีค่ะ หนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่างบหมด (ฮา) เราจึงถือโอกาสไปเก็บตกบูธที่เดินข้ามๆ ไปตอนมีถุงเต็มสองมือ ใช้เวลามากๆ เงินน้อยๆ ละเลียดคุ้ยอยู่ตามบูธร้านหนังสือเก่าค่ะ เงินน้อย คอยจังหวะฟลุ๊ค .. ซึ่งบางทีคุ้มค่ามาก ได้เจอหนังสือที่เล็งไว้ในราคาครึ่งเดียว กิจกรรมแบบนี้ทำได้ตอนมีเวลาเยอะๆ (และเงินน้อยๆ) เท่านั้น (อิอิ) สิ่งที่ทำให้ต้องกลับมางานหนังสืออีกครั้งให้ได้ คือสิ่งนี้ค่ะ .. สองนิทรรศการที่จัดร่วมกันในธีมนิทรรศการโลกคือนิยาย และนิทรรศการข้าพเจ้าได้เห็นมา ของศรีบูรพา (ข้างหลังภาพทำให้เป็นไปได้ขนาดนี้ 555)   สูจิบัตรงานทั้งสองส่วนค่ะ ผลงานส่วนหนึ่งของกุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือศรีบูรพาค่ะ นอกจากในส่วนที่จัดนิทรรศการแล้ว ระหว่างเดินในงานเรายังเห็นที่บูธต่างๆ อีกเยอะค่ะ แต่ละเล่มจากแต่ละบูธ ราคาไม่เท่ากันด้วย ต้องเดินดีๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ ธีมนิทรรศการโลกคือนิยาย อีกส่วนของนิทรรศการ “ข้าพเจ้าได้เห็นมา” ของศรีบูรพาค่ะ ชนิด สายประดิษฐ์ คู่ชีวิตของกุหลาบ สายประดิษฐ์ค่ะ เคยฟังเพลงอาลัย (เพลงเก่าที่เคยถูกนำกลับมาใช้ประกอบภาพยตร์เรื่องไอ้ฟัก ร้องใหม่โดยมาช่า)[…]