อ่านแล้วเล่า

เดอะเฮเวน คาเฟ่สำหรับผู้ที่โหยหาความตาย

เรื่อง เดอะเฮเวน คาเฟ่สำหรับผู้ที่โหยหาความตาย
ผู้แต่ง ซองแฮยอน
ผู้แปล นัชชา กัมภูสิริพงษ์
สำนักพิมพ์ piccolo
(สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์)
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161846664

คิม แทซอง ฟื้นขึ้นมาอย่างไร้ความทรงจำในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
เจ้าหน้าที่บอกเขาว่า เขาถูกพ่อกับแม่พยายามฆ่า
และพ่อกับแม่ก็จะฆ่าตัวตายตาม เพื่อหนีหนี้สินที่ท่วมท้น
สุดท้ายพ่อกับแม่ถูกจับ และเขาก็ไม่ตาย
เขากลายเป็นคนที่ต้องรับเบี้ยยังชีพจากรัฐบาล
และอาศัยอยู่ในสลัมที่รอวันถูกเวรคืน

ชีวิตย่ำแย่ในสลัม กับเงินช่วยที่ไม่เพียงพอกับค่าครองชีพ
หนำซ้ำยังถูกนักเลงเจ้าถิ่นขโมยเงินและข้าวของไปบ่อยๆ ..
เขาไม่มีความทรงจำถึงตัวเอง .. ไม่ว่าด้านดีหรือร้าย
ไม่รู้ในสิ่งที่ตัวเองเคยเป็น ไม่รู้ในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น ..
ในเมื่อพ่อแม่ต้องการให้เขาตายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
จะแปลกอะไร ถ้าเป้าหมายชีวิตนับจากนี้ ..
จะเป็นการพยายามตายให้สำเร็จ

หลังจากที่พยายามตายอยู่สักพัก
เขาก็ได้พบกลุ่มคนที่ปรารถนาจะตาย ..
เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ อีก 4 คน
ชเวริน เด็กสาว หน้าตาดี แต่มีสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์
เธออายุยังไม่ถึง 20 ปีเลยด้วยซ้ำ
มินซอรา หญิงสาวอายุ 27 ที่มีทีท่าหวาดหวั่น และเศร้าซึม
จองแทโอ ชายหนุ่มอายุ 33 ปี
เขาเป็นคนช่างพูด และดูไม่เหมือนคนที่อยากฆ่าตัวตาย
คนสุดท้าย เมสสิอาร์ หรือฮันดงจุง ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์เดอะเฮเว่นคาเฟ่
เป็นผู้ที่ทำให้ทุกคนมาเจอกัน เพื่อร่วมฆ่าตัวตายด้วยกัน

นอกจากเป็นผู้นัดพบ เขายังเป็นผู้จัดหาสถานที่
และพาหนะที่จะพาทุกคนไปยังสถานที่นั้น
มันเป็นอาคารเก่าสีแดงที่รกเรื้อไปด้วยเถาวัลย์
อาคารนี้ตั้งอยู่กลางป่าบนภูเขาแห่งหนึ่ง ไม่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้

ณ สถานที่แห่งนั้น พวกเขาตกลงกันว่า
ทุกคนจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันก่อน เป็นเวลา 5 วัน
เป็นการใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย กินดีอยู่ดี ..
เป็นความสุขสุดท้ายในชีวิต ที่ไม่ว่าจะผ่านเรื่องเลวร้ายแบบไหนมา
นี่คือห้าวันสุดท้ายที่ทุกคนจะมีความสุขด้วยกัน

แม้ว่าระหว่างการตกลง จะมีข้อขัดแย้งกันบ้าง
แต่ท้ายที่สุด ทุกคนก็เห็นตรงกันตามนี้

และแม้จะตัดสินใจที่จะตายกันแล้ว
แต่ความตายที่ถูกยืดออกไปอีก 5 วัน ก็เริ่มทำให้เกิดความลังเล
เหตุการณ์ทั้งหลายเริ่มไม่เป็นไปอย่างที่พวกเขาคิด
เริ่มมีสิ่งที่ผิดสังเกต และเกิดเหตุการณ์คับขันขึ้นมากมาย
ระหว่างความรู้สึกกดดันที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ความทรงจำของแทซอง ก็ดูเหมือนว่าจะค่อยๆ คืนกลับมา
เขาต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ลุ้นระทึก
ขณะเดียวกัน ก็ต้องต่อสู้กับความทรงจำในหัวของตัวเอง

เรื่องที่ดูเหมือนจะจบแล้ว แต่ยังเหลือเนื้อหาอีกกว่าครึ่งเล่ม
ผู้เขียนยังใส่ความพีคเข้าไปในความพีคได้อีก
เรื่องนี้มันช่างเสียดสี
สังคมเกาหลีก็แทบจะไม่ต่างจากบ้านเราเลย
นอกจากนั้น ผู้เขียนยังใส่ความดาร์กเข้าไปอย่างไม่ลดพิกัด
เราชอบที่เขาเล่มกับชื่อภาค “ตาย” กับ “อยู่”
ในขณะที่เล่าเรื่อง “ตาย”
จากความตาย ตัวละครกลับค่อยๆ เปลี่ยนความคิด และดิ้นรนที่จะอยู่
ขณะเดียวกัน ตอนที่เล่าเรื่อง “อยู่”
ตอนที่คิดว่าเรื่องกำลังจะจบลงด้วยดี
ผู้เขียนกลับตีแสกหน้าเราลงมา
ด้วยความคิดที่ว่า แล้วพวกเขาจะอยู่ต่อไปยังไง
บนโลกที่โคตรจะโหดร้ายและหลอกลวงใบนี้

เกิดการตั้งคำถามขณะอ่านว่า
หากเราตั้งใจจะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว
แต่เราถูกฆ่าตายล่ะ ..
การตายด้วยมือของตนเอง กับมือของคนอื่น ..
มันต่างกันหรือไม่ .. มันสำคัญหรือไม่
ในเมื่อผลลัพธ์สุดท้ายคือสิ่งเดียวกัน

และ ..
คนเราจะไม่รู้สึกรู้สมกับความรู้สึกสิ้นหวังจนอยากตายของคนอื่นเลยหรือ
ในเรื่องนี้มีตัวละครแบบนั้นเยอะมาก
เยอะจนน่ากลัวว่าสังคมเกาหลีเป็นอย่างไร
และสังคมบ้านเราทุกวันนี้เป็นอย่างไร

เรารู้สึกเหมือนผู้เขียนต้องการจะบอกเราว่า
ต่อให้เรามีชีวิตที่ย่ำแย่ ประสบกับเรื่องร้ายจนไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ
คนอื่นๆ ที่ได้รู้ ก็รู้สึกเฉยๆ
ตราบใดที่มันไม่เกี่ยวข้องกับตัวเขา
เขาก็ไม่สนใจ ไม่สงสัย และไม่เลิกที่จะผลักไสให้คนคนนั้นไปตาย
เรื่องนี้มันช่างดาร์กสุดยอดไปเลยค่ะ

Comments are closed.