อ่านแล้วเล่า

หากสมองฉันไม่ได้ฟั่นเฟือน

เรื่อง หากสมองฉันไม่ได้ฟั่นเฟือน
ผู้แต่ง ยามาชิโระ อาซาโกะ
ผู้แปล พรพิรุณ กิจสมเจตน์
สำนักพิมพ์ ฮัมมิงบุ๊คส์
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786169373124

หากสมองฉันไม่ได้ฟั่นเฟือน
เป็นหนังสือที่ถูกเขียนผ่านนามปากกา ยามาชิโระ อาซาโกะ
ซึ่งเป็นหนึ่งในนามปากกาของ โอตสึ อิจิ

ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะนามปากกาที่ต่างกัน
หรือเพราะช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป
(หนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นภาษาญี่ปุ่น ในปี 2018)
ตัวละครต่างๆ ในเรื่องนี้โตขึ้นกว่าเล่มก่อนๆ ที่เราเคยอ่าน
ตัวละครส่วนมากผ่านพ้นวัยรุ่นวัยเรียนมาแล้ว
กำลังอยู่ในวัยทำงาน .. วัยสร้างครอบครัว

หากสมองฉันไม่ได้ฟั่นเฟือน เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 7 เรื่อง
ที่ทุกเรื่องแอบซ่อนความแปลก ความผิดธรรมชาติ หรือลี้ลับหน่อยๆ
แต่บอกได้เลยว่าไม่น่ากลัว

ยกตัวอย่างเรื่องแรก นวนิยายแสนสั้นที่สุดของโลก
เรื่องเล่าถึงสามีภรรยาธรรมดาๆ คู่หนึ่งในญี่ปุ่น
แต่ที่ไม่ธรรมดาคือ วันหนึ่ง สามีก็เห็นเงาอะไรแวบๆ ตรงหางตา
จากครั้งหนึ่ง แล้วก็มีอีกครั้งหนึ่ง
จนในที่สุด เขาก็สังเกตได้ว่า นั่นมันเป็นร่างคนนี่นา
เป็นชายวัยกลางคน ที่สวมเสื้อสูท

นอกจากคุณสามีแล้ว คุณภรรยาก็เห็น
คุณสามีนั้นกลัวมาก แต่คุณภรรยากลับเฉยๆ
เฉยๆ แบบ ถ้าเราเป็นวิญญาณคงเสียเซลฟ์
แล้วสองคนก็มานั่งวิเคราะห์วิญญาณกัน

โดยรวมมันก็คือเรื่องที่ผู้เขียนตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องของวิญญาณ
มีบทสนทนาที่คุณกันว่า แท้จริงแล้ววิญญาณอยู่ตรงไหนในร่างกายของเรา
พอเราตายแล้ววิญญาณอยู่ที่ไหน ร่างกายเน่าเปื่อยผุพัง แล้ววิญญาณล่ะ?
เป็นคำถามสามัญที่มนุษย์ถามกันมานาน
แต่ผู้เขียนหยิบมาเล่าให้มุมมองที่ผิดตรรกะมาก แล้วก็ตลก
เป็นตลกแบบที่ไม่ได้ปล่อยมุก หักมุม แต่มาในแนวตลกหน้าตาย
คือต่อให้เป็นคนกลัวผี เราก็ว่าเรื่องนี้ไม่น่ากลัวเลย >,<

ขอพูดถึงตอนจบแบบเกือบๆ สปอยล์นิดนึง
ถ้าใครยังไม่อยากรู้อะไรเลย ขอให้ข้ามตรงนี้ไปก่อนค่ะ
สำหรับตอนจบของเรื่องนี้
มันชวนให้เรานึกถึงเรื่องสั้นของโรอัลด์ ดาลห์เรื่องหนึ่ง
(เราว่าถ้าใครเคยอ่าน ก็อาจจะนึกถึงเรื่องเดียวกับเรา)
แต่ผู้เขียนเอาไปต่อยอดต่อไปอีก ซึ่งมันก็สุดยอดจริงๆ

เล่มนี้ แค่เรื่องแรกก็สุดยอดแล้วค่ะ 🙂

เรื่องที่สอง หัวอยู่ไหน ไก่เดินหา ก็สนุกมาก
เป็นเรื่องที่ว่าด้วยการทารุณกรรมเด็ก
แต่ก็ยังซ่อนปริศนาบางอย่างเอาไว้
แม้ว่าโหดร้าย และผะอืดผะอม
แต่ก็สนุกไม่แพ้เรื่องแรกเลย
ที่สำคัญ เราชอบตอนจบมากๆ

พล็อตของโอตสึ อิจิ มักจะเป็นพล็อตง่ายๆ ไม่ซับซ้อน
แต่ผิดปกติแบบที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน
มันเป็นความบิดเบี้ยวเล็กๆ น้อยๆ แบบโอตสึ อิจิ
ทำให้เรื่องของเขาไม่เหมือนใคร

เรื่องสั้นของโอตสึ อิจิ เริ่มขึ้นจากพล็อตธรรมดา
ที่พลิกบิดตรรกะออกจากความธรรมดาไปนิดหนึ่ง
จากนั้นก็เดินไปในเส้นทางนั้น สะเปะสะปะ วกไปวนมา
เป็นการไปเรื่อยๆ แบบไร้ทิศทาง
เราไม่อาจเดาตอนจบของเขาได้เลย
ตัวอย่างชัดเจนอยู่ในเรื่องสั้นเรื่องที่สาม SF น้ำเมา
โอตสึ อิจิ ทำให้เราทึ่งกับตอนจบของเขา ..
อืม .. เรามาไกลได้ขนาดนั้นแหละ

เรื่อง จักรวาลใต้ผืนผ้าห่ม เราค่อนข้างเฉยๆ นะ
แต่เรื่องต่อมา จมน้ำบ่อโศก ก็ชอบมากเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นการจบแบบหักมุมได้ไหม แต่ชอบตอนจบมากเลย
ยังคงคาดเดาไม่ได้อยู่ดี กับความโอตสึ อิจิ

เรื่องที่ชื่อเดียวกับชื่อเล่ม หากสมองฉันไม่ได้ฟั่นเฟือน
ก็สนุกสุดยอดมากอีกเรื่องหนึ่ง
เรื่องถูกเล่าด้วยผู้หญิงที่มีอาการหูแว่ว
ในขณะเดียวกัน เธอก็พยายามควบคุมสติตัวเอง
เธอรู้ตัวทุกอย่าง และเล่าเรื่องอย่างคนที่รู้ตัวว่าตัวเองป่วย
ในระหว่างที่เรื่องกำลังเล่าไปนั้นเอง
คนอ่านต้องคอยจับสังเกตว่าอะไรกันแน่ที่จริง
และอะไรที่เกิดจากความฟั่นเฟือนของเธอ
ยังคงมีความระทึกในบางขณะ สมกับเป็นงานของโอตสึ อิจิ
สนุกดีค่ะ

กับเรื่องสุดท้าย ราตรีสวัสดิ์เด็กน้อยทั้งหลาย เราค่อนข้างเฉยๆ
เพราะวิธีเล่าเรื่องค่อนข้างเรียบเรื่อย ดูเหมือนไม่มีอะไร
แต่พอมีคนมาตั้งข้อสังเกตว่า
ผู้เขียนน่าจะมีแรงบันดาลใจมากจากเหตุการณ์เรือล่มที่เกาหลี
ซึ่งหลังจากที่เราไปเสิร์ชหาข้อมูลนี้มาแล้ว
กลับรู้สึกขนลุกและอินกับเรื่องนี้ขึ้นมา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557
เรือลำที่ว่า มีชื่อว่าเรือเซวอล
โดยขณะที่ล่ม เรือบรรทุกผู้โดยสารที่เป็นเด็กนักเรียนมัธยมกว่า 300 คน
มีนักเรียนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ราว 250 คน
โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ยังถูกถ่ายทอดเป็นซีรี่ส์ผ่าน netflix
ในชื่อเรื่อง All of us are dead ด้วย

หนังสือบางเล่ม เรื่องบางเรื่อง
ถ้าเราได้รับรู้ที่มา หรือแรงบันดาลใจของเรื่องนั้น
เราก็จะเข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อมากขึ้น
นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นเลย

หากสมองฉันไม่ได้ฟั่นเฟือน
เป็นรวมเรื่องสั้นของโอตสึ อิจิ ที่เราอยากจะแนะนำเลย
กับใครก็ตามที่อยากทำความรู้จักกับโอตสึ อิจิ เป็นครั้งแรก
เล่มนี้ควรค่าแก่การอ่าน
และทำความรู้จักผู้เขียนในดวงใจของเราคนนี้ค่ะ 🙂

Comments are closed.