หันมาทางนี้เถอะนะ โมโมเสะ
เรื่อง หันมาทางนี้เถอะนะ โมโมเสะ
ผู้แต่ง เออิจิ นาคาตะ
ผู้แปล ปิยะวรรณ ทรัพย์สำรวม
สำนักพิมพ์ ซันเดย์อาฟเตอร์นูน
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786167144603
หันมาทางนี้เถอะนะ, โมโมเสะ
เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ประกอบไปด้วยเรื่องสั้นสี่เรื่องภายในหนังสือเล่มบางๆ
เรื่องสั้นเรื่องแรก ก็คือเรื่องสั้นเรื่องเดียวกันกับชื่อเรื่อง หันมาทางนี้เถอะนะ, โมโมเสะ นั่นเอง
ส่วนอีกสามรื่องที่เหลือ คือ ระลอกคลื่นริมฝั่ง, เสียงของเขาในไร่กะหล่ำปลี,
และการก้าวผ่านของโคอุเมะ
ซึ่งทั้งสี่เรื่อง ผู้เขียนล้วนแต่เล่าเรื่องในวัยเรียน
โดยตัวละครหลักมักจะเป็นเด็กนักเรียนที่ไม่มีความโดดเด่นในห้อง
เป็นเด็กธรรมดาๆ ที่ติดจะติดลบด้วยซ้ำ
มนุษยสัมพันธ์ต่ำ เป็นกลุ่มคนที่มักจะถูกเมินในโรงเรียน
เรื่องสั้นทั้งสี่เรื่องของเขาในเล่มนี้
ล้วนมีเนื้อเรื่องสั้นๆ พล็อตพื้นๆ ไม่ได้ลึกลับเล่นใหญ่อะไร
แต่มักมีอะไรให้แปลกใจและประทับใจ .. มันเป็นตัวตนในแบบของโอตสึ อิจิ
(ซึ่งก็คือคนเดียวกันกับเออิจิ นาคาตะ ผู้เขียนเล่มนี้)
พูดถึงเรื่องแรกกันก่อน .. หันมาทางนี้เถอะนะ, โมโมเสะ
จากชื่อเรื่อง (และปกด้วยแหละ)
เราจินตนาการว่าโมโมเสะเป็นเด็กผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน
แต่พออ่านเข้าจริงๆ แล้ว
โย โมโมเสะ เป็นเด็กสาวผมสั้นที่มีความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเอง
เป็นเพื่อนนักเรียนหญิงสาวที่มีลักษณะเหมือนแมวจร มีสายตาเอาเรื่อง
เธอลดตัวลงมาคบกับโนโบรุ ไอฮาระ เด็กชายที่มีคะแนนชีวิตต่ำสุดให้ห้องเรียน ..
นั่นเป็นแนวทางของเรื่องสั้นเรื่องนี้
จะว่าไป มันก็ไม่ใช่ตอนจบที่เดาไม่ได้
แต่วิธีเล่าของผู้เขียนทำให้มันพิเศษ มีความเป็นญี่ปุ่น น้อยแต่มาก
เนื้อเรื่องเรียบง่ายไม่มีอะไร แต่ภายในเต็มไปด้วยความรู้สึก ..
แบบที่ไม่ได้บรรยายออกมา แต่ให้คนอ่านสัมผัสได้เอง รู้สึกได้เอง
ซึมลึก และความรู้สึกชอบก็ค่อยๆ แผ่ซ่านทันทีที่อ่านจบ
เรื่องที่สอง ระลอกคลื่นริมฝั่ง
มันชวนให้คิดถึงพล็อตตัวละครสองตัวที่ฝ่ายหญิงแก่กว่าฝ่ายชาย
แล้วก็เกิดปาฏิหาริย์ให้เวลาของเธอหยุดเดินไป
เพื่อให้อายุของคนสองคนเท่ากัน .. มันโรแมนติกคล้ายๆ แบบนั้น
เป็นทางออกที่ลงตัว เราชอบวิธีที่ผู้เขียนหาทางออกให้กับคู่นี้
นอกจากนั้นยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้เขียนใส่เข้ามา
มันทำให้ ระลอกคลื่นริมฝั่ง ดูพิเศษมากขึ้นไปอีก
เราชอบวิธีบรรยายของผู้เขียน อ่านแล้วรู้สึกดี
อย่างเช่น บางทีเขาไม่ได้บรรยายความรู้สึกของตัวละคร
แต่องค์ประกอบต่างๆ ในเรื่อง ในฉากตอนนั้น
แสดงให้เราเห็นว่าตัวละครรู้สึกอย่างไร .. อะไรประมาณนั้น ..
เรื่องที่สาม เสียงของเขาในไร่กะหล่ำปลี
มีนักเรียนหญิงเป็นผู้เล่าเรื่อง .. และมีความลับเล็กๆ น้อยๆ ที่ไปอ่านเองน่าจะดีกว่า
มันน่ารักดี แต่ถ้าเล่าออกมา เสน่ห์ตรงนี้น่าจะหายไป
เรื่องสุดท้าย การก้าวผ่านของโคอุเมะ
เรื่องนี้ก็สนุกดี ปมเล็กๆ น้อยๆ ที่ เออิจิ นาคาตะ ค่อยๆ เผยออกมาขณะเล่าเรื่อง
คือความพิเศษเฉพาะตัวของเขา (รีวิวครั้งนี้ใช้คำว่าพิเศษเยอะมาก ..
เราชอบเล่มนี้มากจริงๆ อคติเต็มไปหมด โปรดใช้วิจารณญาณขณะอ่านรีวิว 555)
เรื่องสั้นของ เออิจิ นาคาตะ
ทำให้เราชอบได้มากขึ้นทุกครั้งที่จบเรื่องหนึ่ง ไปต่ออีกเรื่องหนึ่ง
แต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่าชอบเรื่องนี้มากที่สุด
อันที่จริงเราชอบทุกเรื่องพอๆ กันเลย แต่เป็นความพอๆ กันที่มากทุกเรื่อง
พอมารวมกัน เลยกลายเป็นความชอบมากที่สุดในตอนจบเล่ม
ดีจังเลยที่ได้อ่านมัน
ตอนที่ได้ยินว่าโอตสึ อิจิ มีหนังสืออีกแนวที่เขียนในนามปากกาว่า เออิจิ นาคาตะ
และมันถูกหยิบมาแปลเป็นภาษาบ้านเรา เราก็รู้สึกดีใจประมาณนึง
เพราะหนังสือของโอตสึ อิจิ ไม่เหมือนใคร
มันไม่ได้อยู่ตรงพล็อตสยองขวัญนิดๆ หลอนๆ หน่อยเพียงเท่านั้น
แต่มันอยู่ที่วิธีเล่าเรื่องของเขา มันอยู่ที่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
มีความรู้สึกอุ่นๆ ในความหลอน มีพล็อตที่แหวกแนว เซอร์ไพร้ส์เสมอ
อ่านเรื่องแปลญี่ปุ่นอื่นๆ ก็ไม่ได้ความรู้สึกแบบที่อ่านงานของโอตสึ อิจิ
แต่พออ่านเล่มนี้จบ เรากลับยิ่งชอบมันมากกว่าที่คิดไว้เสียอีก
เพราะความเป็นโอตสึ อิจิ ยังมีครบถ้วนในเล่มนี้
และความหลอน ความดาร์กในแบบของโอตสึ อิจิ ในเล่มอื่นๆ นั้นหายไป
จริงๆ นิยายหลอนๆ ก็ไม่ใช่แนวเราเท่าไรนักหรอก ..
สิ่งที่เราชอบในงานของเขา คือส่วนๆ อื่นๆ นอกจากนั้นต่างหาก
พอมาเจอผลงานในนามปากกานี้ เราเลยสามารถชอบได้อย่างหมดใจ
หลังจากอ่าน หันมาทางนี้เถอะนะ, โมโมเสะ จบ
เราทั้งรู้สึกดี และทั้งรู้สึกเสียดาย
เพราะยังอยากอ่านเล่มอื่นๆ แนวนี้ ในนามปากกานี้ของเขาอีก
แอบไปดูใน goodread โอตสึ อิจิ ในนามปากกานี้ ก็ยังมีผลงานอีกหลายเล่ม
รอคอยสำนักพิมพ์ใจดีสำนักพิมพ์ไหนก็ได้ แปลมาอีกเยอะๆ นะคะ
แฟนๆ รออ่านอยู่แน่นอนเลย 🙂
Comments are closed.