อ่านแล้วเล่า

สองฝั่งคลอง

37 สองฝั่งคลอง

เรื่อง สองฝั่งคลอง
ผู้แต่ง ว.วินิจฉัยกุล
สำนักพิมพ์ ทรีบีส์
(สนพ. ในเครือ สนพ.อักษรโสภณ)
ราคา 390 บาท

สองฝั่งคลอง เป็นนิยายพีเรียดที่เนื้อหาค่อนข้างจะทันสมัยทีเดียว
เรื่องราวเกิดขึ้นในปลายรัชสมัย รัชกาลที่ 6
ค่านิยมส่วนมากยังนิยมให้เด็กผู้หญิงฝึกเรื่องการบ้านการเรือนมากกว่าจะให้ไปเรียนหนังสือ
ทับทิมเอง ก็เติบโตขึ้นในบ้านที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
บ่าวไพร่ และแม้แต่ญาติพี่น้องหลายๆ คน ก็ยังไม่เห็นดีเห็นงามกับการส่งลูกสาวไปเรียนหนังสือ
โชคยังดี ที่เด็กกำพร้าแม่ หน้าตาไม่สะสวยอย่างทับทิมได้รับความเมตตาจากคุณปู่คุณย่า
ให้ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนฝรั่งนำสมัย
เด็กหญิงทับทิมในตอนนั้น ซึ่งฉลาดเกินวัย และรักการอ่านหนังสือ
จึงมีชีวิตวัยเด็กที่ค่อนข้างสงบสุขพอประมาณ

อาจารย์วินิตาบรรยายความงามของฉากธรรมชาติ
และบ้านเรือนในสมัยโบราณไว้อย่างสวยงามจนเราเห็นเป็นภาพได้
และเมื่อเป็นภาพที่สร้างจากภาพจริงๆ ที่อาจารย์ได้ฟังจากมารดาของท่านเองตั้งแต่ยังเด็ก
ยิ่งทำให้ภาพนั้นเป็นดังภาพประวัติศาสตร์ที่เราล้วนเกิดไม่ทัน
(แต่อาจจะมีความรู้สึกร่วมในตอนที่ได้ฟังคุณย่าคุณยายเล่าถึงอดีตบ้างเหมือนกัน)
ทั้งหมดนี้ ทำให้ภาพของทับทิม และภาพบ้านเรือนแถวคลองสาน
สมัยปลายรัชกาลที่ 6 และเรื่อยมานั้นปรากฏขึ้นในมโนภาพของเรา

นอกจากนี้ อาจารย์วินิตายังได้บันทึกเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เอาไว้ในเรื่องด้วย
บันทึกเอาไว้ด้วยสายตาของไพร่ฟ้าประชาชนในบ้านใหญ่หลังหนึ่ง
สภาพธรรมชาติที่ใสสะอาดของบ้านริมคลองในยุคนั้น สัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ ผู้คนอยู่เย็นเป็นสุข
จวบจนสิ้นรัชสมัยของรัชกาลที่ 6 และเศรษฐกิจที่เริ่มจะฝืดเคืองในช่วงรัชกาลที่ 7
ด้วยว่าได้รับอิทธิพลจากเมืองฝรั่ง
เมื่อเกิดเหตุการณ์การถูกดุลยภาพของเหล่าข้าราชการ
ทับทิมเองก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อันห่างไกลตัวเธอนั้นด้วยเช่นกัน
แม้ว่าค่านิยมการให้ลูกผู้หญิงได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆ ในโรงเรียนนั้นจะยังไม่แพร่หลายในวัฒนธรรมไทย
แต่คุณปู่และคุณย่าของทับทิมก็มีสายตากว้างไกล
และให้วิชาความรู้เป็นสมบัติติดตัวทับทิมให้มากที่สุด เพื่อที่จะใช้ปกป้องคุ้มครองตัวเอง
.. ในภายหน้าเมื่อท่านไม่สามารถคุ้มครองเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่เธอได้
เด็กหญิงกำพร้าคนนี้จะต้องดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่อยู่ท่ามกลางญาติพี่น้องมากมายก็เถอะ
การเรียนในโรงเรียนฝรั่งของทับทิมจึงเป็นที่ขัดหูขัดตาของคุณเจิม และอีกหลายๆ คน

คุณย่าผู้นี้ นอกจากจะสนับสนุนการศึกษาเล่าเรียนของทับทิมตามที่คุณปู่ต้องการแล้ว
คุณย่ายังปลูกฝังคุณธรรมความดี และพุทธศาสนาให้แก่ทับทิมด้วย
ทับทิมเองก็เป็นเด็กกตัญญู แม้จะมีความคิดอ่านก้าวหน้า และกล้าโต้เถียงกับผู้ใหญ่
แต่สำหรับคุณปู่คุณย่าแล้ว ทับทิมเชื่อฟังและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
แสงธรรมจากคำสั่งสอนของคุณย่านี้เอง ..
ที่ส่องนำทางให้ทับทิมข้ามผ่านมรสุมต่างๆ มาได้จนถึงบั้นปลายของชีวิต

ในบทที่เล่าถึงช่วงเวลาเหล่านี้นี้เอง คุณย่าไม่ได้สอนทับทิมแต่เพียงฝ่ายเดียว
แต่ ว.วินิจฉัยกุลยังสอนคนอ่านด้วย สอดแทรกคุณธรรมความดีงาม
และธรรมะข้อต่างๆ มาให้ผู้อ่านได้ขัดเกลาจิตตนไปด้วยเสมอๆ

ในการอ่านนิยายเรื่องสองฝั่งคลองนี้ นอกจากเราจะได้เนื้อหาอรรถรสเต็มเปี่ยมแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่ชวนให้ชุ่มชื่นหัวใจคนอ่านก็คือ
ความละเอียดละเมียดละไมของความรักแบบคนสมัยก่อน
คุณปู่คุณย่าที่รักและเมตตาทับทิม
ความรักแบบของคุณลานและทับทิมที่เข้าอกเข้าใจ ห่วงหาอาทรกันและกัน
เป็นความชื่นใจเล็กๆ น้อยๆ ท่ามกลางอุปสรรคมากมายตลอดทั้งเรื่องของคุณพระเอกและนางเอก
เหล่านี้ช่วยกล่อมเกลานิยายเรื่องนี้ให้มีครบทุกรสชาติจริงๆ

ตัวละครของ ว.วินิจฉัยกุล หลายตัวมักจะมีความนำยุคนำสมัยซ่อนอยู่เสมอ
อย่างลอออรในมาลัยสามชาย ก็ล้ำสมัยโดยการแต่งงานใหม่ถึงสามครั้ง
ทั้งๆ ที่ประพฤติตัวตามทำนองคลองธรรมมาโดยตลอด
ทับทิมเองก็เช่นกัน เป็นหญิงสาวยุคเก่า ที่มีความคิดอ่านอย่างคนยุคใหม่
คือรักการศึกษาหาความรู้ ชอบอ่านหนังสือ และอยากที่จะนำความรู้นั้นไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเอง
ท่ามกลางสายตาไม่เห็นด้วย เลยไปจนกระทั่งถึงการว่ากระทบอยู่บ่อยๆ
แม้เมื่อสิ้นบุญคุณปู่คุณย่า เธอก็ขวนขวายพยายามแก้ปัญหาทุกอย่าง เพื่อให้ได้เรียนจนจบ

การเรียนหนังสือของลูกผู่้หญิงสมัยก่อน ลำบากหนักหนาทีเดียว
แต่ทับทิมก็สู้อุตส่าห์อดทนฟันฝ่ามาจนได้
บางที อะไรที่ได้มาโดยยาก อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้เอาชนะ
มากว่าสิ่งที่ได้มาโดยง่ายอย่างการศึกษาของนักศึกษาในสมัยนี้

แม้ว่าสองฝั่งคลองจะเป็นนิยายที่เล่าเรื่องในยุคเก่าสมัยก่อน
แต่เนื้อหาของนิยายนั้นก็มิได้โบราณคร่ำครึไปด้วยเลย

ตัวละครตัวหนึ่่งที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อทับทิมก็คือคุณปู่
คุณปู่เป็นผู้ที่ชอบสะสมเครื่องลายครามต่างๆ เป็นอย่างมาก
สะสมมาตั้งแต่รับราชการใหม่ๆ เมื่อได้เลื่อนขั้นมาจนถึงวันที่ถูกดุลยภาพ
ท่านก็ยังสะสมเครื่องลายครามพวกนี้มาโดยตลอด
อาจารย์วินิตา ได้ใส่รายละเอียดให้กับเครื่องลายครามพวกนี้เอาไว้มากมาย
เรียกได้ว่าอ่านแล้วได้ความรู้เรื่องเครื่องกระเบื้องโบราณ
ราวกับเป็นตำราเครื่องลายครามฉบับนวนิยายทีเดียว
(ตอนเด็กๆ อ่านอย่างเดียวแล้วก็ได้แต่จินตนาการเอา
เดี๋ยวนี้อ่านแล้วเอาชื่อมาเสิร์ชกูเกิ้ล ดูหน้าตากันได้อีกต่างหาก
ว่าเครื่องลายครามที่คุณปู่เล่าถึงน่ะ หน้าตาเป็นอย่างไร)

เมื่อคุณปู่ถูกดุลยภาพมาช่วงหนึ่งนั้น ความแปรผันต่างๆ เริ่มเกิดขึ้น
เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฝืดเคือง เกิดการดุลยภาพข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคน
ประกอบกับที่นักเรียนนอกรุ่นใหม่ไฟร้อนหลายคนเริ่มหลงไปในความเจริญของเมืองฝรั่ง
และเห็นบ้านเมืองเราล้าสมัยไปเสียทุกอย่าง
ปัจจัยสำคัญหลายๆ อย่างจึงนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
นั่นคือการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั้นเอง
เริ่มส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นภายในบ้านของทับทิมทีละเล็กละน้อยด้วย

37-2 สองฝั่งคลอง

คนที่ไม่เคยมีอำนาจอย่างเช่นคุณพระ บิดาของสาครและเฟื่อง พอมีก็สำแดงเดช อวดโอ้
ในขณะที่คนมีอำนาจบารมีจริงๆ อย่างคุณปู่ แม้จะถูกดุลยภาพออกมาอยู่บ้านหลายปีแล้ว
แต่บ่าวไพร่ และทุกคนในบ้านก็ยังยำเกรงไม่เสื่อมคลาย

37-3 สองฝั่งคลอง

อาจารย์วินิตาบรรยายภาพเหตุการณ์ต่างๆ เอาไว้อย่างสมจริงมาก
เนื้อเรื่องพาให้เราจมหายเข้าไปกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับทับทิม
เมื่อเกิดเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง และสิ่งต่างๆ ที่กระทบตามๆ กันมาต่อจากนั้น
จนถึงกระทั่งช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2
ความสิ้นหวัง หดหู่ ทดท้อ และหมดกำลังใจของผู้ใหญ่อย่างคุณปู่ของทับทิม
หรือคุณพ่อของคุณลาน ก็ทำให้คนอ่านหัวใจฟีบแบนไปด้วย
ความเหิมเกริมของพวกขี้ครอกที่ได้เดินถนน ก็เล่าเอาไว้อย่างน่าหมั่นไส้
และก็น่าสลดใจไปไม่แพ้กัน

37-4 สองฝั่งคลอง

คุณลานและทับทิม ยึดมั่นคุณธรรม ตั้งมั่นในความดี
ข้ามผ่านวิกฤตชีวิตต่างๆ มาได้ตลอดรอดฝั่ง
ฝ่ายญาติพี่น้องที่เติบโตมาอย่างผิดลู่ผิดทาง หลงระเริงในสิ่งที่ไม่เป็นแก่นสารของชีวิต
ที่ค่อยๆ ล่มสลายลงไป เป็นความตรงกันข้ามกันที่เกิดขึ้นเพียงสองฝั่งคลอง
เหตุการณ์นั้นก็สอนความเป็นไปของโลกให้เราเห็นได้อย่างลึกซึ้ง

เมื่อสิ้นบุญคุณปู่ เรื่องราวชีวิตของทับทิมยังคงผกผันอีกหลายต่อหลายครั้ง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น ดุจเป็นบันทึกไทม์ไลน์เรียงลำดับเหตุการณ์สำคัญๆ ในประวัติศาสตร์
เรียงร้อยกลมกลืนไปกับชีวิตของทับทิมจวบจนวาระสุดท้ายของเธอ

หลายตอนที่อาจารย์วินิตาใส่สัจธรรมชีวิตเข้ามา
ทั้งเพื่อให้ทับทิมได้ใช้ในการข่มใจต่อเหตุการณ์ต่างๆ
และสอนใจผู้อ่านถึงสัจธรรมของโลก และความเป็นธรรมดาของชีวิต

37-5 สองฝั่งคลอง

เหตุการณ์บางช่วง ยังความชุ่มชื่นใจให้ทั้งกับทับทิมและผู้อ่านอย่างเรา

37-6 สองฝั่งคลอง

แอบนึกเล่นๆ ว่า ในวันรับเสด็จในหลวง (รัชกาลที่ ๘) เสด็จนิวัติพระนคร
ทับทิมกับคุณลานจะเดินสวนกับแม่พลอยกับคุณเปรมจากสี่แผ่นดินบ้างหรือเปล่า ^^

37-7 สองฝั่งคลอง

ถ้าใครเคยไปรับเสด็จฯ คงจะอ่านแล้วอินได้ไม่ยาก
ในบทนี้ เราอ่านถึงทีไร ปลื้มใจน้ำตาไหลทุกครั้ง
เป็นความปีติที่เกิดขึ้นในทุกยุคสมัยจริงๆ ^^

 

37-8 สองฝั่งคลอง

จบนิยายเรื่องสองฝั่งคลองไปอย่างอิ่มเอมใจ
ร่ำๆ อยากจะหยิบคู่กรรม สี่แผ่นดิน รัตนโกสินทร์ หรือร่มฉัตรมาอ่านต่อ
แต่เกรงว่าถ้ายกซีรี่ส์เซ็ตประวัติศาสตร์มาอ่าน อาจจะจบไม่ทันงานหนังสือ
เดี๋ยวอดเห่อหนังสือใหม่เสียก่อน ..
เลยขอยกยอดเอาไว้หลังงานหนังสือสักพักค่ะ จะรื้อมาอ่านให้หนำใจเลย ^^

Comments are closed.