อ่านแล้วเล่า

สวนสัตว์

เรื่อง สวนสัตว์
ผู้แต่ง สุวรรณี สุคนธา
สำนักพิมพ์ ศิลปาบรรณาคาร
เลขมาตรฐานหนังสือ 9742555346

แปลกดีที่เราเริ่มอ่านหนังสือเล่มนี้ไปเพียงหน้า สองหน้า ก็เริ่มรู้สึกสนุก
อันที่จริง หนังสือเรื่องนี้ (เคย) วางดองอยู่ที่บ้านเรามาตั้งแต่สมัยประถม
(ที่ว่าเคย เพราะว่ามันเป็นคนละเล่มกันกับที่อ่านในตอนนี้)
ทั้งๆ ที่เป็นหนังสือที่เลือกซื้อมาเอง ใช้เงินเก็บตัวเองด้วย
เพราะรู้ว่ามันเป็นหนังสืออ่านนอกเวลา เมื่อเราโตขึ้นจะต้องอ่านมันแน่ๆ
กลับถึงบ้าน รีบเปิดหนังสือเร็วไว .. และพบว่าไปไม่รอด
เราไม่เคยอ่านจบ ไม่เคยอ่านไปเกินหน้า สองหน้า
และไม่เคยหยิบมันมาอ่านอีกเลยจนมันสาบสูญ
โชคดีที่สุดท้ายแล้ว มันก็ไม่ใช่หนังสือนอกเวลาที่เราต้องอ่านด้วย

เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน
ผ่านวัยประถมมาไกลหลายสิบปี
หนังสือที่เด็กประถมอ่านไม่รอดในตอนนั้น กลับสนุกดีในตอนนี้
แถมตัวเราในตอนนี้ยังคิดเลยว่า ..
เนื้อหาน่ารักดี เหมาะกันเด็กๆ!!
สงสัยคนที่เลือกมันมาเป็นหนังสืออ่านนอกเวลา ก็คิดแบบนี้แหงมๆ

เหตุการณ์นั้นคงทำให้เราฝังใจพอสมควร
เพราะมานึกไล่ดูแล้ว เราก็ยังไม่เคยอ่านหนังสือของสุวรรณี สุคนธาเลยสักเล่ม
เล่มแรกในวันนั้น ก็เลยกลายเป็นเล่มแรกในวันนี้ .. ที่ทำให้เราได้รู้จักกับตัวหนังสือของเธอ

คุณสุวรรณีเป็นคนเล่าเรื่องด้วยภาษาเรียบง่าย เรื่อยๆ
แต่พออ่านจบไปได้สักสองบท เราเริ่มรู้สึกว่าตัวหนังสือของเธอมีความหม่นเศร้า
จะอะไรเสียอีกล่ะ .. คนเราก็ล้วนแต่เคยมีสัตว์เลี้ยง
และมีเรื่องเล่าของสัตว์เลี้ยงของตัวเองกันแทบทั้งนั้น
แต่การเล่าเรื่องสัตว์เลี้ยงของคุณสุวรรณีมักจบลงด้วยความตายแทบทุกครั้ง
จริงอยู่ สัตว์เลี้ยงของเรามักจะตายก่อนเราเสมอๆ
แต่ตอนจบแต่ละเรื่องของคุณสุวรรณีมันให้ความรู้สึก .. ฟึ่บ!
เหมือนเรื่องกำลังดำเนินไปเรียบๆ เรื่อยๆ เพลินๆ
พอเผลอ .. เรื่องก็จบ .. ด้วยความตาย
มันใจหาย จะว่าหักมุมมันก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่มันคล้ายๆ อย่างนั้น

นอกจากสวนสัตว์จะว่าด้วยเรื่องของสัตว์เลี้ยง
(ซึ่งไม่ธรรมดาสักตัว อย่างนกยูง ปลาหัวตะกั่ว ม้า ฯลฯ)
หนังสือเล่มนี้ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของวิถีชีวิตชนบท (จังหวัดพิษณุโลก)
ไล่เรียงตามความทรงจำผู้เขียนมาแต่สมัยทวด ปู่ย่า
มาจวบจนในช่วงชีวิตของผู้เขียนเอง
ซึ่งก็ย้อนหลังจากปัจจุบันนี้ไปไกลเกินครึ่งศตวรรษ
สายตาอันกว้างไกลของเธอพาให้เรามองเห็นความเจริญขึ้นทางวัตถุ
ที่เปลี่ยนแปลงสภาพบ้านเมืองและผู้คนไปอย่างมีนัยยะต่อกัน

ฉากหนึ่งเลยที่เราไม่เคยเห็น แต่ปรารถนาจะเห็นสักครั้งเหลือเกิน
คือฉากความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ
ฉากถนนดินสีแดงที่มีไส้เดือนยั้วเยี้ยอยู่เต็มในฤดูฝน
ฉากการยกยอในฤดูที่ปลาอพยพ
ได้ปลาจนล้นยอ เทใส่ปี๊บขนกลับบ้านเป็นหาบๆ ไม่หมดไม่สิ้น
เมื่อไม่อ่านย้อนเวลาไปได้ ก็ได้แต่นั่งจินตนาการถึงมัน
ผ่านตัวหนังสือของคุณสุวรรณีทดแทน

วันเวลาผ่านไป เหลือเพียงแต่บันทึกเรื่องสั้น ที่มีชีวิตจริงผสมอยู่
หนังสือหลายๆ เล่มก็ทำหน้าที่เช่นนี้
เสียดายแต่ว่า หนังสือทำนองนี้ ที่บันทึกยุคสมัยปัจจุบันนี้
หาอ่านยากเหลือเกิน

Comments are closed.