อ่านแล้วเล่า

ลายกินรี

เรื่อง ลายกินรี
ผู้แต่ง พงศกร
สำนักพิมพ์ กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786167735795

ที่ผ่านมา เรารู้สึกเข็ดกับงานของคุณหมอพงศกรพอสมควร
เพราะเรามักจะรู้สึกดีไปกับคำโปรย ตอนอ่านพล็อต อ่านรีวิว ฯลฯ ตลอด
แต่พออ่านเองทีไร มักจะตะหงิดๆ ไม่โดน ผิดคาดไปทุกที
แต่แล้ว .. หลังจากอ่านรีวิวหลายๆ รีวิวของเรื่องนี้ ..
อืม .. เราโดนตกอีกแล้วครับท่าน

ลายกินรี เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เป็นช่วงปลายของรัชกาล ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ก็ขมวดเข้มข้นเต็มทีแล้ว
เมื่อฝรั่งบางคนมีอำนาจคับเมือง มีกฏหมายเป็นของตนเอง ตัดสินโทษกันตามใจชอบ
และมีกลุ่มคนอีกฝ่ายที่เกลียดฝรั่งอย่างเต็มที่
หลายประเทศหมายปองสยามจะยึดเป็นเมืองของตน
มีเรือรบฝรั่งเศส จอดอยู่ปากอ่าว ไม่ไกลจากชายฝั่ง ฯลฯ
ทั้งหมดนี้คือสถานที่และสถานการณ์ที่เป็นฉากของเรื่องนี้

ถ้าใครเคยอ่าน บุพเพสันนิวาส เรื่องนี้เกิดขึ้นในยุคเดียวกันกับเรื่องนั้นเลย
มีตัวละครสำคัญแห่งยุคสมัยปรากฏอยู่ในทั้งสองเรื่อง
อย่างเช่น โกษาเหล็ก, ออกพระวิสูตรสุนทร (โกษาปาน) , ออกหลวงกัลยาณไมตรี,
ออกขุนศรีวิศาลวาจา, ออกพระเพทราชา (พระเพทราชา), ออกหลวงสรศักดิ์
ออกญาวิชาเยนทร์ (ฟอลคอน),
แม่มะลิจากบุพเพฯ หรือมารี เดอ กีมาร์ (คุณท้าวทองกีบม้า) ตามประวัติศาสตร์
นอกจากนี้ยังมีกรมหลวงโยธาเทพ, กรมหลวงโยธาทิพ, พระปีย์
มีตัวละครฝรั่งที่มีตัวตนจริงอย่างกัปตันฟอร์แบง (เชอวาเลีย เดอ ฟอร์แบง)
บาทหลวงลาโน, บาทหลวงโปมาร์ค
ผิดกันแต่เพียงเรื่องนี้ไม่ได้เน้นบทบาทไปที่ตัวละครที่มีตัวตนจริงเหล่านั้น
มีเพียงแต่เอ่ยถึง และเล่าประวัติศาสตร์ให้เราอ่านเท่านั้น

ยุคสมัยพระนารายณ์ เป็นยุคที่เต็มไปด้วยสรรพวิทยาการจากฝรั่ง
ด้วยนโยบายเปิดประเทศของพระองค์ ทำให้เราคบค้ากับฝรั่งหลากชนชาติ
คนต่างชาติเข้ารับราชการมียศฐาบันดาศักดิ์ เป็นที่โปรดปรานก็หลายคน
คนสำคัญที่เรารู้กันอยู่ก็คือฟอลคอนนี่เอง ..
ในเรื่องนี้ ฟอลคอนไม่ได้ปรากฏตัวในเรื่อง แต่ถูกกล่าวถึงอยู่เนืองๆ
ตัวร้ายในเรื่อง ล้วนเป็นคนใต้บังคับบัญชาของฟอลคอน
หรือไม่ก็เกี่ยวข้องฟอลคอนแทบทั้งนั้น

เรื่องเริ่มต้นในตอนที่ มีผู้พบศพชายชาวฝรั่งเศสลอยน้ำมา
สภาพศพแต่งกายลักเพศ ผิดประหลาด
เพราะร่างถูกห่มสไบ และนุ่งซิ่นยาวกรอมเท้า
ลวดลายบนผ้าที่ศพสวมอยู่นั้น เป็นลายกินรี
ซึ่งเป็นผ้าลายอย่าง อันเป็นผ้าที่สงวนเอาไว้สำหรับใช้ในราชสำนัก
และผู้ที่ได้รับพระราชทานเท่านั้น

ผ้าลายอย่างนั้นเป็นผ้าที่ใช้กันเฉพาะในวัง
โดยที่ช่างหลวงจะเป็นผู้ออกแบบ เขียนลาย กำหนดสี
แล้วส่งไปยังเมืองสุรัต แคว้นคุชราต ประเทศอินเดีย เพื่อผลิตเป็นผ้าพิมพ์
จากนั้นจึงจะถูกส่งกลับมายังราชสำนัก เพื่อพระราชทานไปยังขุนนางกรมกองต่างๆ
ลวดลวยบนผ้าจะเฉพาะเจาะจง แตกต่างกันไปตามลำดับขั้นและสังกัดของผู้สวมใส่
ผ้าลายกินรีก้านขด ลายนี้เป็นลวดลายของสตรี

(ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ เทพพนม กินรีก้านขด)
(ลายกินรีก้านขด คั่นเป็นแนวด้วยลายครุฑ และลายประจำยามก้านขด)

เป็นลายเฉพาะของพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในหรือเจ้าจอม
ดังนั้น การที่ผ้าเฉพาะเช่นนั้นจะมาถูกสวมอยู่บนศพชายชาวฝรั่ง
จึงเป็นเรื่องที่ผิดประหลาดและมีเงื่อนงำ

การตายของชาวฝรั่งเศสในเขตสยามนั้น
เป็นเรื่องที่สามารถถูกโยงใยเกี่ยวพันให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
หากคนร้ายเป็นชาวสยาม .. ศพฝรั่งเพียงคนเดียวก็อาจเป็นชนวนก่อให้เกิดสงครามได้

พุดซ้อน คือหญิงสาวที่ถูกตามตัวมาดูศพที่ว่านั้น
ด้วยว่าเธอเป็นหมอ ซึ่งเป็นบุตรสาวของหมอโหมด
หมอยาผู้มีชื่อเสียง แต่ล่วงลับไปแล้ว กับแม่พิกุล เมียรอง
และด้วยความที่เธอเป็นหมอนี่เอง เธอจึงเห็นข้อผิดปกติ .. ศพไม่ได้จมน้ำตาย!
แม้ว่าการตายอย่างผิดธรรมชาติของชายชาวฝรั่งเศสผู้นี้จะทำให้เกิดเรื่องใหญ่ในภายหลัง
แต่เธอก็ไม่สามารถปิดบังความจริงได้ ..

ในขณะที่ฝ่ายตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุ คือ ..
ออกหลวงอินทราชภักดี เจ้ากรมพระตำรวจนอกขวา (หลวงอินทร์)
เป็นบุตรของออกญาวิไชยปราการ (ซึ่งก็ตายไปแล้วเหมือนกัน) กับคุณหญิงแสร์
คุณหญิงแสร์ เป็นถึงธิดาของออกญาโกษาธิบดีในรัชกาลก่อน (พระเจ้าปราสาททอง)
เมื่อเขาไม่สามารถทำให้เธอบอกใครๆ ได้ว่าศพจมน้ำตายเอง
เขาและเธอ รวมทั้งเมอซีเออร์โรแบรต์ เลขานุการของกัปตันเฟอร์แบง
ชายต่างชาติอีกคนในที่เกิดเหตุ จึงต้องร่วมกับสืบหาความจริงว่า
ศพชายผู้นี้ ตายเพราะเหตุใด และเพราะฝีมือใครกันแน่

นอกจากนี้ ตัวละครสำคัญก็ยังมี
กัปตันฌอง ปิแอร์ กัปตันเรือสินค้าของฝรั่งเศส
เจ้าจอมสารภี เจ้าจอมในรัชสมัยของพระเจ้าปราสาททอง ป้าของพุดซ้อน
แม่ลูกจัน, อะมีนะห์, ออกขุนแสนพินิต ฯลฯ
ซึ่งตัวละครเหล่านี้ ล้วนมีบทบาทในหนังสือชุดนักสืบสตรีศรีอยุธยาอีกสองเล่มด้วย

โดยรวมๆ ลายกินรีเป็นนิยายที่วางพล็อตรัดกุม ไม่มีจุดตะหงิดๆ อย่างที่นึกกลัวเอาไว้ค่ะ
สำนวนก็ลื่นไหลดี ไม่แย่หรือหลุดสมัยไปมากอย่างที่คิด
อยู่กึ่งกลางระหว่างความกลมกลืนกับเนื้อเรื่อง
และการถูกเกลาให้เสพได้ง่าย อ่านได้เพลิน
พล็อตไม่หนักมาก แต่ก็ไม่เปล่ากลวงจนทำให้เบื่อ
ความรู้ที่แทรกเข้ามา ก็ไม่ทำให้เรารู้สึกว่าถูกยัดเยียด

นิยายอิงประวัติศาสตร์ที่ผู้เขียนเป็นหมอ
ทำให้รสชาติของเรื่องนี้ผิดไปจากเรื่องย้อนยุคเรื่องอื่นๆ
มันมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแบบหมอๆ ที่ทำให้เราสนุกมากขึ้น ไม่ซ้ำใคร
โดยรวมๆ แล้ว เราชอบเล่มนี้มากกว่าที่คิดนะ
ถ้าใครเคยผิดหวังกับนิยายบางเรื่องของคุณหมอ ..
แนะนำให้ลองเปิดใจกับเล่มนี้ดูค่ะ 🙂

Comments are closed.