อ่านแล้วเล่า

รอยสักรูปหมา

46 รอยสักรูปหมา

เรื่อง รอยสักรูปหมา
ผู้แต่ง โอตสึ อิจิ
ผู้แปล พรพิรุณ กิจสมเจตน์
สำนักพิมพ์ JBOOK
(สำนักพิมพ์ในเครือ bliss)
ราคา 185 บาท

อันที่จริง อีกเล่มของโอตสึ ที่เราอยากอ่านก่อนเล่มนี้ก็คือ “นัดหมายในความมืด”
แต่ด้วยความที่เก็บของกำลังจะย้ายบ้าน ทำให้หาเจ้าเล่มนั้นไม่เจอสักที
คงต้องยกยอดไปอ่านทีหลังค่ะ (เลยไม่ครบเซ็ตเลย)

รอยสักรูปหมา เป็นรวมเรื่องสั้นที่หนากว่าเล่มอื่นหน่อยค่ะ
เพราะรวมเอาไว้ถึงสี่เรื่องด้วยกัน ดวงตาแห่งศิลา, ฮาจิเมะ, BLUE, และรอยสักรูปหมาเป็นเรื่องสุดท้าย

ดวงตาแห่งศิลา
เปิดเรื่องมาด้วยอารมณ์แบบ .. เฮ้ย! นี่มันเมดูซ่าชัดๆ

มันเริ่มต้นด้วยเรื่องราวอันเป็นตำนานของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในชนบท
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวที่หลอกให้คนอื่นมองตา แล้วคนผู้นั้นจะกลายเป็นหิน

ในช่วงปิดเทอมปีหนึ่ง “ผม” ผู้เล่าเรื่อง ได้กลับมายังบ้านเกิดในช่วงปิดเทอม
เขาออกปีนเขาทุกๆ ปิดเทอม เพื่อตามหาแม่ของตัวเองที่หายไปบนภูเขาในตอนที่เขายังเด็ก
ในปีนี้ คุณครู N เพื่อนครูคนหนึ่งได้ขอติดตามมาปีนเขาในครั้งนี้ด้วย

อุบัติเหตุระหว่างเดินป่า ทำให้คนทั้งสองได้พบบ้านแปลกประหลาดกลางป่าหลังหนึ่ง
เมื่อพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นนานวันเข้า
ความลึกลับชวนพิศวงของบ้านและสิ่งที่อยู่ในบ้านหลังนี้ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ …
จนถึงวันนั้น!!

โอตสึ อิจิ มักจะเล่าเรื่องลึกลับไปในแนวทางที่เรามักจะเดาๆ ตอนท้ายได้เสมอๆ
แต่เขาก็จะมีก๊อกสองที่กั๊กไว้หักมุมแบบที่เราคิดไม่ถึงทุกที
และถ้าเรายังเดาได้อีก บางทีเขาก็จะมีก๊อกสามด้วย ^^

เรื่องนี้ลึกลับ อบอุ่น และดาร์ก ตามสไตล์เดิมของผู้เขียนเลยค่ะ

ฮาจิเมะ
เพราะความผิดพลาดบางอย่างในโรงเรียน
ทำให้โคเฮ และอัตสึโอโยนความผิดให้เด็กหญิงที่ถูกสมมติขึ้นคนหนึ่ง “ฮาจิเมะ”
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชื่อเสียงของ “ฮาจิเมะ” โด่งดัง
ในช่วงนั้น ถ้ามีเด็กๆ ที่ทำความผิดอะไรสักอย่างขึ้นมา ฮาจิเมะมักจะกลายเป็นแพะรับผิดนั้นเสมอๆ
ลักษณะของฮาจิเมะถูกเสริมเติมแต่งไปตามลมปาก เด็กหญิงลึกลับที่ไม่มีใครเคยเห็น
ในเวลาว่างๆ โคเฮและอัตสึโอะชอบพูดคุยกันเรื่องของฮาจิเมะ
ยิ่งคุย ยิ่งคิด ฮาจิเมะก็เหมือนจะมีบุคลิกลักษณะที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

คุณลักษณะหนึ่งของฮาจิเมะที่ถูกเด็กๆ กำหนดขึ้นก็คือ
เธอสามารถเดินในท่อระบายน้ำลึกลับ มืดๆ ได้โดยไม่หลง
ในวันหนึ่ง โคเฮ และอัตสึโอะก็ได้พบท่อระบายน้ำนั้น
เด็กๆ ชวนกันทำแผนที่ในท่อระบายน้ำ ระหว่างนั้น ฮาจิเมะที่มีตัวตนชัดเจนขึ้นก็เริ่มก่อกวน
ความผิดพลาดของแผนที่ที่ทำขึ้น ทำให้โคเฮและอัตสึโอะหลงทางอยู่ในท่อระบายน้ำลึกลับ
ฮาจิเมะนั่นเอง ที่ช่วยพวกเด็กๆ ออกมา

วันเวลาผ่านไป เด็กทั้งสองเติบโตขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าภาพหลอนฮาจิเมะก็โตขึ้นด้วย
แต่ทุกๆ สิ่งก็ย่อมจะต้องมีวันสุดท้าย .. ฮาจิเมะเองก็เช่นกัน
และแล้ว .. วันสุดท้ายของเธอกันมาถึง
โอตสึจบเรื่องด้วยอารมณ์อุ่นๆ ซึ้งๆ ตรึงใจอีกแล้วค่ะ ^^

BLUE
เคลลี เป็นหญิงสาวผู้มีอาชีพทำตุ๊กตา
เธอได้พบกับเศษผ้าที่เนื้อนุ่มนิ่ม นวลเนียนเหมือนผิวมนุษย์ในร้านค้าเก่าๆ แห่งหนึ่ง
เธอกลับมาถึงบ้าน และเริ่มต้นเย็บตุ๊กตาด้วยผ้าชนิดนั้นทันที
ตุ๊กตาที่เธอเย็นจากผ้านั้น มีความอบอุ่นเหมือนมนุษย์
มันเริ่มเคลื่นไหวได้ และเคลลี่ได้พบว่ามันส่งเสียงได้ด้วย
เคลลีใช้ผ้านั้นทำตุ๊กตาออกมาหลายตัว จนในที่สุดก็เหลือแต่เศษผ้า
ตุ๊กตาตัวสุดท้ายที่เย็บขึ้นมาจากเศษผ้าที่เหลือนั้น หน้าตาน่าเกลียดที่สุดในตุ๊กตาทั้งหมด
เคลลีตั้งชื่อให้มันว่า “บลูบลู”

ชายคนหนึ่ง เป็นผู้ซื้อตุ๊กตาทั้งหมดไป เพื่อเป็นของขวัญให้ลูกสาวของเขา
เจ้าบลูบลูกลายเป็นของแถมที่เขาจำเป็นต้องรับไปด้วยอย่างเสียมิได้
ตุ๊กตาทั้งห้าได้กลายเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วย
พ่อ, แม่, พี่สาวที่หวงของ, และน้องชายวัยเตาะแตะผู้เลอะเทอะ มอมแมม ที่เหล่าตุ๊กตารังเกียจ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เวนดีผู้หวงของกับน้อง จะยอมยกบลูบลูให้น้องเล่น

เท็ดเป็นเด็กที่เล่นแรงมากๆ บลูบลูทั้งถูกดึงทึ้ง
ระบายสี และเลอะเทอะไปด้วยเศษขนม น้ำลายไปหมดทั้งตัว
ตลอดเวลาที่อยู่กับเท็ด บลูกลัวมากที่ตัวเองจะถูกฉีกทึ้งจนแยกชิ้นส่วนออกเป็นชิ้นๆ
เขาไม่เคยมีความสุขเลยที่ได้อยู่กับเท็ด
เขาพยายามจะเลียนแบบตุ๊กตาตัวอื่น เพื่อให้เวนดีชอบมันบ้าง

จนวันหนึ่ง .. ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเท็ดกับบลูบลูเปลี่ยนไป ..

อ่านเรื่องสั้นของโอตสึ อิจิ มาหลายเรื่องเข้าก็ชักจะทึ่งค่ะ
เขาเป็นคนที่เขียนเรื่องสั้นได้ดาร์ก หม่น มึน อึน เศร้า และอบอุ่นไปได้ในเวลาเดียวกัน
บางเรื่องก็เริ่มแบบใสๆ แล้วก็ใส่ความดาร์กมาหักหลักคนดูเสียอย่างนั้น
ส่วนบางเรื่องก็เล่าเสียหดหู่ แล้วก็กลับหักมุมมาจบแบบสดใส
แม้ว่าตอนอ่านมันจะเศร้า แต่ก็แอบหวังว่าในตอนจบ เขาจะใส่แสงสว่างเข้ามาในเรื่องสักนิด
เป็นความสร้างสรรค์เฉพาะตัวแบบที่คาดเดาไม่ได้เลยค่ะ
ถ้าจะถามว่าทำไมเราถึงชอบเรื่องสั้นของโอตสึ ก็คงจะเป็นเพราะแบบนี้แหละ

รอยสักรูปหมา .. เรื่องสุดท้ายของเล่ม
ซูซูกิ เด็กนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งเป็นเพื่อนกับยามาดะ ผู้เป็นลูกเจ้าของร้านสัก
วันหนึ่ง เธอมีโอกาสได้ไปเที่ยวบ้านเพื่อนคนนั้น และนั่นเป็นสาเหตุให้ฉันได้รอยสักนั้นมา
“รอยสักรูปหมา”

หลังจากได้รอยสัก ซูซูกิตั้งชื่อให้มันว่าป๊อกกี้
และคล้ายๆ กับเรื่องอื่น เจ้าป๊อกกี้ก็เริ่มมีตัวตน .. มันมีกลิ่นแบบหมา เห่าได้ ครางหงิงๆ ได้
เจ้าป๊อกกี้ตัวนี้ เป็นหมาที่บางทีก็น่ารัก บางทีก็กวน
โดยเฉพาะช่วงท้ายเรื่อง เจ้าหมารอยสักตัวนี้มันกวนเอาเรื่องทีเดียวค่ะ
แปลกดีที่เรื่องสั้นของโอตสึมีอารมณ์แบบนี้อยู่ด้วย

เจ้ารอยสักรูปหมาที่มีชีวิต โผล่ขึ้นมาในช่วงเวลาที่ครอบครัวของซูซูกิกำลังเข้าขั้นวิกฤตทีเดียว
และก็อย่างเคย ตอนใกล้จบ โอตสึก็พลิกปลายปากกา
ทำให้เรื่องของเจ้าหมากวนๆ กลายเป็นเรื่องซึ้งๆ ได้อีกเรื่อง
เชื่อเขาจริงๆ เลยค่ะ
ถึงอย่างนั้น เราก็ว่าเราชอบเรื่องสุดท้ายน้อยสุดในเล่มเลยนะ ทั้งๆ ที่มันเป็นชื่อหนังสือแท้ๆ

Comments are closed.