อ่านแล้วเล่า

พรหมลิขิต

เรื่อง พรหมลิขิต
ผู้แต่ง รอมแพง
สำนักพิมพ์ happy banana
(สนพ. ในเครือ สนพ.ฟิสิกส์เซ็นเตอร์)
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786163124159

รีวิวนี้ อาจจะมีสปอยล์นิดหน่อยนะ
เพราะคงจะเล่าเรื่องราวย่อๆ ด้วย
แต่คงไม่ได้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญมาก
ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนแหละ
โดยส่วนตัว เรามองว่า ความสนุกของเรื่องนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้มาก่อนหรือเปล่า
แต่ถ้าใครถือสา ก็ข้ามรีวิวนี้ไปก่อนนะคะ

พรหมลิขิต เป็นนิยายภาคต่อของ บุพเพสันนิวาส
ซึ่งเป็นภาคต่อที่ผิดคาดมากๆ
เพราะความสนุกไม่ได้ดร็อปลงไปเลย
ผู้เขียนเก่งมาก ทั้งๆ ที่น่าจะแบกรับความกดดันจากความสำเร็จในภาคแรกเอาไว้มาก
แต่ทำภาคสองออกมาได้อย่างเนียน
ไม่รู้สึกว่าโดนยัดเยียดอะไรเลย
ความตลกยังมีอยู่บ้าง อาจจะน้อยกว่าภาคแรกหน่อย
ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเพราะโทนเรื่องต่างกันนิดหน่อย
เพราะนางเอกจากเรื่องนี้ไม่ได้ใสซื่ออย่างเกศสุรางค์ในเล่มก่อน

นางเอกในเล่มนี้ มีชื่อว่าพุดตาน
เป็นหญิงสาวจาก พ.ศ. 2569
ที่วาร์ปมาจากยุคไล่เลี่ยกันกับยุคของเกศสุรางค์นั่นเอง
โดยที่อ่านไปสักพัก เราก็พอจะเดากันได้น่ะแหละ
ว่าพุดตาน ก็คือการะเกด ฝาแฝดข้ามภพของเกศสุรางค์นั่นเอง
ในชาตินี้ เธอก็ได้เกิดเป็นญาติห่างๆ ของเกศสุรางค์
โดยเกิดมาเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเล็ก
และเมื่อถึงวัยที่ถูกกำหนด ก็มีเหตุทำให้เธอวาร์ปข้ามภพ
มาพบกับพ่อริด หรือหมื่นมหาฤทธิ์ ลูกชายคนหนึ่งของเกศสุรางค์พอดิบพอดี
ฉากแรกพบยังคงความเป็นรอมแพงค่ะ
เธอจัดให้พระเอกถีบยอดอกนางเอกเข้าโครมใหญ่ .. อยากดูละครเลยทีเดียว ^^

ฉากของเรื่อง ยังคงเกิดขึ้นในภาคอดีตเกือบตลอดทั้งเรื่อง
โดยในครั้งนี้ เป็นปี พ.ศ. 2251 อันข้ามผ่านแผ่นดินของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
แผ่นดินของพระเพทราชา และแผ่นดินของพระเจ้าเสือ (ออกหลวงสรศักดิ์)
(เสียดายที่ผู้เขียนข้ามช่วงของพระเพทราชา และพระเจ้าเสือมาเลย)
มาสู่ช่วงต้นของรัชสมัยของสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9)

เนื่องจากประวัติศาสตร์ในรัชกาลนี้ บ้านเมืองสงบเรียบร้อยค่อนข้างดี
ไม่ได้มีอะไรเข้มข้น ตื่นเต้น เท่ากับรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ (ในภาคแรก)
เรื่องที่เล่าจึงไปให้ความสำคัญด้านประเพณี และวิถีชีวิตความเป็นอยู่

ไม่ได้เน้นหนักไปที่เรืองราวทางประวัติศาสตร์เท่าบุพเพสันนิวาส
ถึงกระนั้น ผู้เขียนก็ยังสอดแทรกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เอาไว้บ้าง

ในส่วนของวิถีชีวิตโบราณนั้น .. เราจะได้เห็นเป็นรูปธรรมเลย
เพราะนางเอกวาร์ปมาเป็นไพร่สามัญชน
ไม่ได้เป็นเจ้าขุนมูลนายเหมือนเกศสุรางค์

พุดตานต้องใช้ชีวิตของไพร่คนหนึ่ง ต้องทำมาหากิน
จึงต้องใช้ความรู้ที่เรียนมาจากโลกปัจจุบัน
ประกอบกับความรักเงินเป็นพิเศษ อันเป็นนิสัยส่วนตัว
นางจึงทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียว ..

นอกจากนิสัยที่ว่ามานี้ พุดตานไม่ได้ชอบเที่ยว
และไม่ได้อยากรู้อยากเห็นเท่าเกศสุรางค์
การบรรยายความสำคัญทางประวัติศาสตร์ต่างๆ
จึงต้องโบ้ยไปให้เกศสุรางค์เป็นผู้บรรยายให้เราฟังอยู่ดี

ถึงกระนั้น ผู้เขียนก็ยังพาเราไปเที่ยวตลาดโบราณ
ได้ไปพิษณุโลกสองแควแป๊บนึง
ไปเมืองพริบพรี หรือเพชรบุรีอีกหน่อยนึง พอหอมปากหอมคอ

เกศสุรางค์ในภาคนี้ ได้กลายเป็นคุณหญิงวิสูตรสาครไปเสียแล้ว
มีลูกชายฝาแฝดคู่หนึ่งชื่อเรืองเล็ก รับราชการอยู่เมืองพิษณุโลกสองแคว
กับพ่อริด ซึ่งก็คือพระเอกของเรื่อง
ลูกสาวอีกสองคน เรียบร้อยคนหนึ่ง แก่นแก้วได้แม่อีกคนหนึ่ง
คือแม่แก้ว กับแม่ปราง

นอกจากนี้ ตัวละครเก่าๆ ที่เราคิดถึง
ผู้เขียนก็ยังสอดแทรกเอาไว้ให้อย่างสมเหตุสมผล
ได้หายคิดถึงกันแน่นอน

จุดเด่นของเล่มนี้ นอกจากจะเป็นไปตามเรื่องราวที่เล่ามาแล้ว
ผู้เขียนยังพาเราไปแก้ปมที่ผูกพันกันมายาวนานนับพันปี
ระหว่างรักสอง สาม สี่ .. เส้า ของเกศสุรางค์
ของพี่หมื่นโป๊บ (ที่่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าพระยาวิสูตรสาครไปแล้ว)
ของพุดตาน (หรือการะเกดในภพก่อน) และของพ่อริด พระเอกของเรื่องนี้
ซึ่ง .. เมื่อเราไปแอบอ่านรีวิวคนอื่นมา .. ก็ ..
เฮ้ย .. ทำไมทุกคนคิดว่ามันจบสมบูรณ์อ่ะ

มันตอบคำถามที่ (บางคนอาจ) ค้างคามาจากภาคแรกได้สมบูรณ์นะ
แต่เราว่ามันก็ยังมีภาคต่อได้อยู่
อย่างเรื่องของพ่อเรืองเล็กกับแม่เรียมที่ตัดจบ ก็เหมือนจะมีอะไรให้เล่ามากกว่านี้
จะตัดไปเล่าฝั่งเมืองพิษณุโลกสองแควอีกรอบก็พร้อมอ่านอยู่นะ
หรือรุ่นลูกรุ่นหลานต่อมา ที่อีกไม่กี่สิบปีจะเสียกรุง
ก็น่าจะเล่ามาได้อีกเรื่อยๆ เราว่าผู้เขียนเปิดช่องอยู่นะ
ถ้ากระแสภาคที่ 2 ยังดีอยู่ เราว่ามีโอกาส ..
และ .. เรารออ่านอยู่นะคะ คุณผู้เขียน ^^

 

Comments are closed.