อ่านแล้วเล่า

ปีศาจ

เรื่อง ปีศาจ
ผู้แต่ง เสนีย์ เสาวพงศ์
สำนักพิมพ์ มติชน
เลขมาตรฐานหนังสือ 9789740213925

ปีศาจ เป็นนิยายที่เกิดขึ้นในยุคของการเปลี่ยนแปลง
ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงการปกครอง
แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ทางความรู้สึกนึกคิดของคนรุ่นใหม่
ที่ค่อยๆ แตกต่างไปจากคนยุคเก่า
การนับถือยศถาบรรดาศักดิ์ ค่อยๆ จางหาย
และสร้างค่านิยมใหม่แห่งการนับถือความดี
คนรุ่นใหม่เริ่มคิดและทำเพื่อสังคมกันมากขึ้น
เริ่มมองเห็นความเท่าเทียมกันระหว่างผู้คนในสังคมมากขึ้น

หากแต่ก็อย่างที่ผู้เขียนบอก
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอๆ .. และเกิดขึ้นตลอดไป
เมื่อเราผ่านยุคนั้นมา ปัจจุบัน เรายังเห็นผู้คนกลับไปนับถือเงินทอง
ยศตำแหน่ง ความร่ำรวย ความสะดวกสบาย ฯลฯ กันเช่นวันวานอีก
ออกจะหนักหนากว่าวันวานด้วยซ้ำ .. จนไม่สามารถแยกแยะความผิดถูกได้แล้ว
เราได้แต่หวังว่า ความเปลี่ยนแปลงที่ว่า จะทำหน้าที่ของมันต่อไป
และทำให้โลกดีๆ คนดีๆ ให้ย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง

ปีศาจ เป็นนิยายสมัยก่อนที่ไม่ต้องมีพล็อตซับซ้อนอ่านยาก
แต่มีวิธีเล่าที่ใช้ภาษาสละสลวย บรรยายละเอียดลออ
บรรยายความรู้สึกนึกคิดของตัวละครลึกซึ้ง
และในความที่เหมือนไม่มีอะไรนี่เอง
ที่ซ่อนสาส์นบางอย่างที่ต้องการสื่อถึงผู้อ่านเอาไว้ ..
อย่างแ
ยบยล ไม่ทื่อตรง

บางที ปีศาจ ที่ผู้เขียนเอ่ยถึง อาจไม่ได้หมายถึงตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง
หากหมายถึงความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยหยุดนิ่งนี้?
มันนำพาความร้ายกาจมาสู่ผู้คน ในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งเสมอ
มันทำให้ชาวบ้านกลายเป็นขโมย?
มันทำให้บุคคลดีๆ คนหนึ่ง กระทำการอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ?
มันทำให้เกิดความล่มสลายทางความมั่นคงของคุณพ่อของรัชนี
มันทำให้เกิดการเปลี่ยนไปสู่ความเท่าเทียมทางสังคมในยุคหนึ่ง
และมันทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม ในยุคต่อๆ มาด้วย

ไม่ว่าจะเป็น ฟ้าบ่กั้น หรือ ปีศาจ เนื้อความก็เป็นอย่างเดียวกัน
คือพูดถึงความยากลำบากของชาวไร่ชาวนาในชนบท
การที่ต้องกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อซื้อข้าวปลาอาหาร
ทั้งที่เขาก็ทำหน้าที่เพาะปลูกสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา
ชาวนาที่มักเป็นรองพ่อค้า นายหน้า และนายทุน
เป็นปัญหาจากอดีตที่เรื้อรังมาจนปัจจุบัน

ทุกประโยคสนทนาระหว่างตัวละครที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้
ดูเหมือนจะผ่านกระบวนการคิดจากผู้เขียนเป็นอย่างดี
เพื่อที่จะปลูกฝังความรักชาติ ความซื่อตรงต่ออาชีพ
ความเสียสละผลประโยชน์อันพึงมีพึงได้เพื่อความถูกต้อง
เพื่อหลุดพ้นจากกรอบเก่าๆ

แต่โดยความเห็นส่วนตัว เราไม่อินกับค่านิยมจาก ปีศาจ แล้วนะ
มันอุดมคติมากกกกก มากจนคนยุคนี้ยากจะจินตนาการถึง
อ่าน ฟ้าบ่กั้น ยังเข้าถึงได้มากกว่า
ถ้าเป็นยุคสมัยนี้ ตัวละครอาจมีวิธีต่อสู้ที่ไม่ใช่การต่อสู้ตรงๆ แต่ได้ผลกว่า
จากในเรื่อง เรามองไม่เห็นหนทางชนะของสาย สีมา เลย
แต่นั่นแหละ การจบแบบไม่มีตอนจบเช่นนี้
ได้จุดไฟให้กับผู้อ่านต่อมาอีกหลายยุคสมัย
ถึงทุกวันนี้ เราก็ยังเชื่อว่ายังมีผู้คนที่ชื่นชม
และยกให้ ปีศาจ เป็นนิยายที่มีอิทธิพลต่อตัวเขาอยู่

ถึงเราจะไม่อิน แต่ก็ยอมรับหมดใจว่ามันก็เป็นนวนิยายที่ดีมากเล่มหนึ่ง
มันถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของคนรุ่นใหม่ในยุคนั้น
(ยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง และยุคที่บรรดานายพลทั้งหลายครองเมืองนั่นแล)
ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ และตระหนัก
ได้ฉุกคิดถึงความสุดโต่งไปในอีกทางหนึ่ง .. อย่างเช่นทุกวันนี้

 

Comments are closed.