อ่านแล้วเล่า

ปาฏิหาริย์ร้านอาหารเทพเจ้า

เรื่อง ปาฏิหาริย์ร้านอาหารเทพเจ้า
ผู้แต่ง นากามุระ ซัตสึกิ
ผู้แปล ชุติภัค ฉายวิโรจน์
สำนักพิมพ์ เนชั่นบุ๊คส์
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786165870443

เมื่อชิโฮะ น้องสาวที่อ่อนกว่า 5 ปี ของ โคซากะ เท็ตสึชิ
ตั้งใจจะรับช่วงต่อร้านอาหารของพ่อแม่ที่เสียไป
เท็ตสึชิที่มีงานประจำมั่นคงดีอยู่แล้ว
ก็ดันไปรับปากน้องสาวว่าจะช่วยดูแลร้านด้วย
เขาจึงต้องลาพักงานชั่วคราว มาทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดเอาเสียเลย

ร้านอาหารเทชิโอยะ เปิดขายทั้งตอนกลางวันและกลางคืน
โดยที่ตอนกลางวัน ร้านจะเปิดขายอาหารชุดสำหรับพนักงานเงินเดือน
และตอนกลางคืน ร้านจะกลายเป็นร้านอิซากายะ

ทั้งชิโฮะ และเท็ตสึชิ ยังเป็นหนุ่มสาว
ยังอยู่ในวัยที่กำลังจะเรียนจบ กับวัยเพิ่งเริ่มทำงานกันอยู่เลย
การต้องพักงานมาทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
ทำให้เขาต้องถูกน้องสาวบ่นไปจนถึงขั้นดูถูกดูแคลน
ทะเลาะกันเป็นเด็กๆ ก็บ่อย
ด้วยความกลัดกลุ้มใจหลังทะเลาะกันวันหนึ่ง
เท็ตสึชิได้ไปนั่งรำพึงรำพันอยู่คนเดียวในศาลเจ้าใกล้บ้าน
แล้วอยู่ดีๆ สิ่งที่ทำลงไปกลับคล้ายกับการขอพร
และเขาก็ได้รับวิญญาณคุณป้า นาม ซาซาอิ โทคิเอะ
เข้าร่างมาอย่างไม่เต็มใจ ..

หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องเป็นตอน เนื้อหาต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียวกัน
แต่กรณีที่เท็ตสึชิจะมาบ่นให้ศาลเจ้าฟังนั้น แตกต่างกันไปในแต่ละตอน
ระหว่างนั้น เรื่องก็เดินหน้าไปเรื่อยๆ แม้ว่าเขาจะพัฒนาขึ้น
แต่ก็ยังมีปัญหาใหม่ๆ มาบ่นให้เทพเจ้าที่ศาลฟังอยู่ดี

ทุกครั้งที่เขานำเรื่องกลุ้มใจมาเล่าที่ศาลเจ้า
เทพเจ้าจะส่งวิญญาณที่มีความถนัดในด้านการทำอาหารมาสิงร่างเขา
วิญญาณเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นวิญญาณที่ยังไม่ยอมไปผุดไปเกิด
ทุกตนต่างมีเรื่องติดค้างในใจ และต้องการที่จะสะสางสิ่งที่ค้างคาอยู่นั้น
นอกจากจะสิงร่างเพื่อช่วยเท็ตสึชิแล้ว
เท็ตสึชิเองก็จะต้องช่วยให้วิญญาณเหล่านี้ได้สมหวังด้วย

ปาฏิหาริย์ร้านอาหารเทพเจ้า เป็นหนังสือที่มีโทนเรื่องอบอุ่น ซาบซึ้ง
ขณะเดียวกันก็มีจังหวะการเล่าเรื่องที่สนุกๆ ตลกๆ อยู่ด้วย
ทั้งสองอย่างดำเนินควบคู่กันไปอย่างลงตัว อ่านสนุกดี

เราหยิบหนังสือสองเล่มที่มีโทนเรื่องใกล้เคียงกันมาอ่านต่อกัน
นึกไม่ถึงเลยว่า สองเล่มนี้จะคล้ายกันแม้กระทั่งเมนูอาหาร
ถ้าลองเปรียบเทียบ เราว่าเล่มนี้เล่าเรื่องได้สนุกกว่า
แต่เล่มก่อนหน้า เล่าเรื่องได้ชวนน้ำลายไหลมากว่า ..

ก็ว่าอยู่ว่าทำไมช่วงนี้หิวบ่อย ..
ที่แท้ ก็เพราะอ่านแต่หนังสือแบบนี้นี่เอง!

Comments are closed.