อ่านแล้วเล่า

เสราดารัล

DSCN4187

เรื่อง เสราดารัล
ผู้แต่ง กิ่งฉัตร
สำนักพิมพ์ อรุณ
(สนพ. ในเครือ สนพ.อมรินทร์)
ราคา 215 บาท
(พิมพ์ครั้งที่ 10 เมื่อปีพ.ศ. 2548)

เสราดารัล เป็นนิยายโรแมนติค (มากๆ) ที่เรารัก (มากๆ) เล่มหนึ่ง
เรียกว่า สูสีคู่คี่ไปกับแสงดาวฝั่งทะเลเลย
แต่ทั้งสองเรื่องนี้ อารมณ์ค่อนข้างต่างกันสุดกู่
เพราะแสงดาวฝั่งทะเลออกจะเป็นนิยายรสขม ดราม่าจัดๆ
ในขณะที่เสราดารัลกลับหวานจัด หวานจนไม่น่าเชื่อว่า
นิยายที่หวานจัดเรื่องนี้เป็นนิยายที่เล่าถึงปัญหาชนกลุ่มน้อยและสงครามกลางเมือง

ตอนเด็กๆ ตอนที่ได้รู้จักกับเสราดารัลใหม่ๆ เรายังเป็นนักเรียนผูกคอซองอยู่เลย
ยุคนั้น รักนิยายเรื่องนี้เอามากๆ ต้องหยิบมาอ่านทุกปี ปีละ 2 – 3 รอบเป็นอย่างต่ำ
แต่พอเริ่มโต อายุเริ่มเยอะ (บวกกับจำเนื้อเรื่องได้ขึ้นใจ) กลับเลี่ยนเอียนเสราดารัลไปไม่น้อย
ถ้านับจากตอนนั้นถึงวันนี้ ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าไม่ได้แตะเสราดารัลมากว่า 4 – 5 ปีแล้ว

ในวัย 30 (ตอนปลาย) การหยิบเสราดารัลมาอ่านอีกครั้ง ทำให้ได้ทบทวนคำนำจากกิ่งฉัตรอีกรอบหนึ่ง
เสราดารัลเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจที่กิ่งฉัตรได้อ่านบทความเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด
และการแย่งชิงดินแดนของรัฐฉานในประเทศพม่า
ตอนเด็กๆ ฟังข่าวพวกนี้ทีไรก็มักจะนึกวาดภาพเอาว่า พวกชนกลุ่มน้อยเหล่านี้เป็นผู้ร้าย
คอยก่อกวนความสงบ และขัดขวางความเจริญของประเทศ
แต่เมื่อโตขึ้น ได้รู้ได้เข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น จึงเริ่มเข้าใจหัวอกของคนเหล่านั้น
คนที่ครั้งหนึ่ง เคยปกครองตนเองอย่างเป็นอิสระ มีผู้นำของตนเอง
แล้ววันหนึ่ง ก็ถูกยักษ์ใหญ่ทางฝั่งตะวันตกจับพวกตนและเมืองอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงปั้นเป็นก้อน
ถึงเวลาอยากจะให้อิสระ ก็ให้อิสระยกก้อน
โดยที่ดินแดนอิสระเหล่านี้ กลับรวมกันเป็นประเทศประเทศเดียวทั้งที่ไม่ได้ต้องการ
นั่นคือจุดเริ่มต้นของสงครามทวงคืนส่วนที่เคยเป็นของตน
แคว้นเล็กๆ ในประเทศใหญ่ ที่ไม่มีสื่อ ไม่มีโทรโข่งใดๆ ที่จะอธิบายให้นานาประเทศเข้าใจ
ถูกเจ้าของประเทศแต่งนิยายน้ำเน่าหลอกนานาอารยะประเทศ ทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้ร้ายแบบไม่มีโอกาสอธิบาย
กิ่งฉัตรหยิบเรื่องราวการต่อสู้ของชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ขึ้นเป็นรัฐสมมติแห่งใหม่
ในประเทศสมมติไม่ไกลจากประเทศไทย
มีผู้ร้าย (ในสายตาของต่างประเทศ) คนใหม่ ซึ่งได้กลายเป็นพระเอกของเสราดารัล
ปาลีนาคิม อภูติแห่งราตรี ผู้นำอันเป็นศูนย์รวมหัวใจของชาวขลา และหนามชิ้นใหญ่ของประเทศสิคาล

เสราดารัลเริ่มต้นเรื่องเมื่อพันไมล์ นักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย ลูกสาวท่านทูตไทยประจำประเทศสิคาล
ถูกลักพาตัวหายไปจากสนามบินในประเทศสิคาล ระหว่างการเดินทางมาเยี่ยมบิดามารดาในช่วงปิดเทอม
แน่นอนว่ากลุ่มคนที่ลักพาตัวเธอไปนั้นไม่ใช่ใครอื่น
เป็นขบวนการปลดปล่อยรัฐขลาอันมีปาลีนาคิมเป็นผู้นำนี่เอง

เรื่องราวโรแมนติคค่อยๆ เกิดขึ้นในระหว่างที่พันไมล์ตกเป็นเชลยของปาลีนาคิม
กิ่งฉัตรมอบบุคลิกที่สุดขัดแย้ง แต่ชวนฝันให้กับนาคิมคนนี้ด้วยการให้เขาเป็นผู้นำที่เด็ดขาดและดุดัน
แต่ก็เป็นที่รักและเกรงขามของคนในปกครอง
และในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีเสน่ห์ อ่อนหวาน นุ่มนวล และช่างเอาใจ รักเดียวใจเดียว
ไม่แปลกเลยที่ความรักจะเกิดขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้

DSCN4189

โดยทั่วไปแล้ว หนึ่งในข้อปรารถนาอันสูงสุดของผู้ที่ตกเป็นเชลยคือ
ต้องการได้รับอิสรภาพ กลับสู่อ้อมกอดของคนที่รักที่บ้านเกิด
กับพันไมล์ เธอก็เป็นเชลยผู้ที่ต้องการอิสรภาพคืนเช่นกัน
แต่เมื่อวันเวลาพ้นผ่าน และอิสรภาพที่ร่ำร้องนั้นใกล้จะมาถึงเข้าจริงๆ
หัวใจส่วนหนึ่งกลับไม่อยากได้ ไม่อยากรับ

นอกจากความหวานของเนื้อเรื่องแล้ว
กิ่งฉัตรยังใส่ฉากสงครามกลางเมืองที่โหดร้ายลงมาในเสราดารัลด้วย
กิ่งฉัตรบรรยายภาพผลพวงการทำสงครามสกปรกจากฝ่ายรัฐบาลเอาไว้อย่างน่าเศร้า
เล่าภาพได้ชัดเจน แม้ตอนเด็กๆ จะอ่านมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับภาพนี้
มัวแต่ไปอินฉากหวานๆ ของปาลีนาคิมกับพันไมล์จนลืมเรื่องอื่นไปหมด
การอ่านเรื่องเดิมซ้ำในวัยวุฒิที่เพิ่มขึ้น กลับทำให้เสราดารัลให้อรรถรสอีกด้านอย่างลึกซึ้ง

DSCN4192

00

ฉากสำคัญอีกฉากหนึ่งที่มักจะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้อ่านเกือบทุกคนก็คือ
ฉากที่เปญอัคนิน ซุ้มสนแดงยามอัสดงในครั้งแรกที่พันไมล์มาเยือน
และอีกครั้ง ในวันที่เหล่าสนแดงกลายเป็นที่แขวนร่างไร้ชีวิตของคนในหมู่บ้าน
กิ่งฉัตรบรรยายภาพและความรู้สึกนั้น และเหตุการณ์ต่อจากนั้นเอาไว้เต็มเปี่ยม
เต็มไปด้วยอารมณ์ที่สุดจะบรรยาย

ทั้งความโรแมนติค และความโหดร้ายของสงครามแบ่งแยกดินแดน
ไม่น่าเชื่อว่ากิ่งฉัตรจะถ่ายทอดทั้งสองด้านเอาไว้ดีจนข่มกันไม่ลงเลยจริงๆ

กิ่งฉัตรจบเสราดารัลได้อย่างสมจริง (แต่ไม่ค่อยจะสมใจคนอ่านเท่าไรนัก)
แต่ถ้าให้เลือกกันจริงๆ การจบแบบนี้ก็สมบูรณ์ และตราตรึงมากกว่าการจบแบบที่ใจคนอ่านต้องการ

ปล. 1 แต่ถ้าพี่ปุ้ยจะออกเล่มพิเศษหรือภาคผนวกเหตุการณ์ที่เหลืออีกนิดก็จะดีมิใช่น้อยนะคะ >,<

ปล. 2 ถ้าชีวิตขาดความหวาน อ่านเสราดารัลนะคะ ^^

 

Comments are closed.