หนังสือเล่มหนา กาลเวลา และผู้คน
เรื่อง หนังสือเล่มหนา กาลเวลา และผู้คน
ผู้แต่ง มิซึโยะ คาคุตะ
ผู้แปล อังสนา ธาดาประภากร
สำนักพิมพ์ piccolo
(สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์)
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161853884
หนังสือเล่มบางๆ เล่มนี้
ถูกแบ่งออกเป็นเรื่องราวสั้นๆ 9 เรื่อง
เล่าเรื่องของตัวละครที่แตกต่างกันออกไป
สิ่งที่เชื่อมโยงตัวละครเหล่านี้ไว้ด้วยกัน
คือเรื่องราวของผู้คน และหนังสือ ที่ก้าวข้ามผ่านกาลเวลา
สมกับชื่อหนังสือ หนังสือเล่มหนา กาลเวลา และผู้คน เลยค่ะ
เรื่องสั้นแต่ละเรื่องในเล่มนี้ สั้นมาก
จนเหมือนแทบไม่มีพล็อตเป็นชิ้นเป็นอัน
แค่เล่าเรื่อยๆ จบในตอน ไม่เกี่ยวเนื่องกัน
แต่ถึงแม้จะบอกว่าดูเรื่อยๆ จนเหมือนไม่มีพล็อต
แต่เรากลับคิดว่าผู้เขียนวางพล็อตเอาไว้แล้ว
เรื่องสั้นในแต่ละตอนถูกวางแผนเอาไว้แล้วอย่างแยบยล
ทั้งตอนเริ่ม ตอนเล่า และตอนจบ
ไม่ใช่เรื่องราวที่อ่านไปอย่างเรื่อยเปื่อย
แต่เป็นเรื่องที่ถูกปู ถูกตบ ให้จบอย่างเหมาะสม
และมีผลต่อหัวใจ
เราชอบตอนแรกเป็นพิเศษ
และมันมีผลทำให้เราชอบเล่มนี้ไปทั้งเล่ม
เล่มแรกเล่าถึงตอนที่ “ฉัน” อายุ 18 ปี
เธอตัดสินใจขายหนังสือที่สะสมไว้จนเกลี้ยง
เพราะต้องหมุนเงินมาใช้ดำรงชีวิตในแต่ละวัน
ตอนที่ตั้งใจจะขายหนังสือเล่มหนึ่ง
คุณลุงคนขาย ถามย้ำแล้วย้ำอีก ว่าจะขายจริงๆ หรือ
ทั้งๆ ที่มันก็เป็นหนังสือที่หาได้ทั่วไป
ไม่ใช่ของแรร์อย่างหนังสือที่พิมพ์ครั้งแรก
หรือหนังสือที่นักเขียนเสียชีวิตไปแล้ว อะไรแบบนั้น
เรื่องนี้มีความพรหมลิขิตนิดๆ บังเอิญหน่อยๆ
เบาๆ น่ารักๆ ยิ้มๆ
ประเด็นที่นำเสนอน่าสนใจดี
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครเวอร์มาก
สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเราเลยสักครั้งในชีวิต
กลับเกิดขึ้นกับตัวละครในเล่มนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนน่าอิจฉา
สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังสือเล่มนี้
เป็นสิ่งที่เราคาดหวังลึกๆ ว่ามันจะเกิดขึ้นกับเราในสักวัน
กว่าจะเติบโตมาจนมีบ้านที่มีห้องสมุดมั่นคง
เราเองก็เคยระหกระเหิน
ทำหนังสือที่รักหล่นหายระหว่างรายทาง
เมื่อตอนที่ยังเด็กกว่านี้ เราผูกพันและคิดถึงมันเอามากๆ
แต่เมื่อผ่านเวลามาจนถึงป่านนี้
ก็แทบจำไม่ได้แล้วว่ามีเล่มไหนบ้าง
ถึงอย่างนั้น ความหวังลึกๆ ในใจที่ว่านั้น
ก็ยังไม่เคยเลือนหายไป
นอกจากตอนแรกที่เราชอบมาก
ยังมีส่วนเล็กส่วนน้อยในตอนอื่นๆ อีก ที่เราชอบ
เราชอบตอนที่ตัวละครหนักใจ
ในการเลือกหยิบหนังสือบนชั้นมาใส่กล่อง
ต้องมานั่งไล่ดูทีละเล่ม ว่าเล่มไหนของเรา เล่มไหนของแฟน ..
ใช่แล้ว ทั้งสองคนกำลังจะเลิกกัน
ตอนที่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แล้วกองหนังสืองอกเงย
ทั้งคู่เคยจินตนาการเอาไว้ว่า
ความสัมพันธ์ครั้งนี้คงจะยืดยาวออกไปไม่มีวันสิ้นสุด ..
แต่แล้วมันก็สิ้นสุด ..
คนสองคนที่มีรสนิยมคล้ายกัน ชอบอ่านหนังสือแนวเดียวกัน
และมีหนังสือซ้ำกันอยู่หลายเล่ม
การค่อยๆ เลือกทีละเล่ม เพื่อที่จะลาจาก ..
มันเป็นฉาก เป็นพล็อต
ที่ทำให้เราเข้าไปมีความรู้สึกร่วมกับตัวละครได้ดีจัง
หรืออย่างตอนที่ตัวละครเปิดเจอจดหมาย
ที่ถูกสอดไว้ในหนังสือ เล่มที่ถูกวางทิ้งไว้ในเรียวกังแห่งหนึ่ง
เธอแอบเปิดจดหมายฉบับนั้นออกอ่าน
แล้วความทรงจำของเจ้าของจดหมายกับตัวเองก็ซ้อนทับกัน
มันเป็นความรู้สึกแบบเดจาวู
ที่พอผ่านไปนานๆ เราก็มักจะคิดว่า
ตกลงแล้ว อะไรเกิดขึ้นจริงบ้าง
แล้วอะไร คือสิ่งที่เราคิดขึ้นมาเอง
ตอนที่ย้ายบ้านมาเรียนในโตเกียว แล้วมีหนังสือที่ไม่คุ้นตาติดมาด้วย
และ / หรือ บางครั้ง หนังสือก็เป็นตัวการนำโชคร้ายมาให้
เราชอบการที่ผู้เขียนทำให้เราได้ติดตามตัวละครที่กำลังเติบโต
แต่ละตอนรวมกันเป็นเพียงเรื่องสั้นๆ
แต่เรื่องสั้นเพียงไม่กี่หน้านั้น ถูกถมเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย
และบางครั้ง คืนวันก็ผ่านเลยหลายปีไปอย่างรวดเร็ว
เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงด้วยการอ่านบทตอนสั้นๆ เพียงไม่กี่หน้า
ชีวิตหลากหลายแบบ ทั้งการเริ่มและตอนจบ
ให้ความรู้สึกอิ่มเอม
อีกตอนที่ชอบมากๆ คือเรื่องที่เล่าถึง ..
แถวมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น มีร้านขายหนังสือเก่าอยู่หลายร้าน
มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ที่วนเวียนเข้าร้านนั้นออกร้านนี้
มันเป็นหนังสือที่ไม่ค่อยสนุก ของนักเขียนชื่อไม่ค่อยดัง
ความพิเศษคือ ช่วงท้ายๆ ก่อนจะถึงปกหลังหลังของเล่ม
จะมีรอยขีดเขียนต่อๆ กัน เป็นเหมือนกลอนเปล่า
และบางครั้งก็ดูเหมือนคำพูดลอยๆ
เช่น แมวร้านซูชิ พอเกาท้องแล้วมันจะนอนหงาย
อะไรแบบนั้น เขียนอัดไว้จนแน่นไปหมด
เป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยลายมือของผู้คนมากมาย
เหมือนถูกซื้อมาเพื่อเขียนข้อความพวกนั้น แล้วก็ขายต่อกันไปเรื่อยๆ
ฟังดูคล้ายๆ กลอนที่เขียนต่อกันบนประตูห้องน้ำสาธารณะสมัยก่อน
มันมีเสน่ห์ดี ^^
บางเรื่องก็เล่าถึง
การตามหาหนังสือที่ค้างคาใจ เล่มสุดท้ายในชีวิต ..
ตอนที่อ่านจบ แล้วไปอ่านรีวิว
เราเจอคนที่เฉยๆ กับเล่มนี้เยอะมาก
ทีแรกนึกว่าจะเจอคนชอบมากกว่าไม่ชอบ
แต่เข้าใจว่า สิ่งที่พบเจอ สั่งสมกันมาของแต่ละคน
คงมีผลต่อความชอบไม่ชอบหนังสือแต่ละเล่ม
และเมื่อเวลาผ่านไป
ถ้าเราแต่ละคนได้กลับมาอ่านหนังสือเล่มนี้อีกครั้ง
ความรู้สึกก็คงจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แบบเดียวกับที่ตอนหนึ่งในหนังสือเล่มนี้บอก
แปลกดีที่ความทรงจำของคนเรา มักจะบิดเบี้ยวไปจากความจริง
ความทรงจำที่มี หรือสัมผัสได้จากหนังสือเล่มหนึ่ง
เป็นคนละเรื่องกับที่มันเป็น
และตอนที่อ่านรีวิวหนังสือเล่มเดียวกันจากคนอื่น
เราก็ได้รับรู้สัมผัสที่แตกต่างออกไปอีก ราวกับเป็นหนังสือคนละเล่ม
การอ่านหนังสือนี่สนุกดีนะ ^^
Comments are closed.