อ่านแล้วเล่า

ภัตตาคาร สุดปลายทางจักรวาล

64-1 ภัตตาคารสุดปลายทางจักรวาล

เรื่อง ภัตตาคาร สุดปลายทางจักรวาล
ผู้แต่ง ดักลาส อดัมส์
ผู้แปล แทนไท ประเสริฐกุล
สำนักพิมพ์ เพิร์ล พับลิชชิ่ง
ราคา 275 บาท

เล่มนี้เป็นเล่มต่อของ คู่มือท่องกาแล็กซี ฉบับนักโบก ค่ะ
ด้วยว่าเหตุการณ์โลกแตกเมื่อเล่มที่แล้วนั้น เป็นฝีมือของเผ่าพันธุ์สมองทึบนามว่าโวกอน
เมื่อโลกแตก แต่มนุษย์โลกอีกสองยังรอดชีวิต
เจ้าโวกอนกลุ่มหนึ่งจึงออกติดตามสี่สหาย อาเธอร์, ฟอร์ด, ทริลเลียน, และแซพฟ็อด
บนยานที่ชื่อว่า ‘หัวใจทอง’ อยู่ห่างๆ ..
มันคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ และเริ่มโจมตีหัวใจทองในที่สุด

ในขณะที่ยานกำลังจะแตก และคณะสี่อันประกอบไปด้วย
มนุษย์โลกและต่างดาวรวมสี่ชีวิตนี้กำลังจะพ่ายแพ้
ทั้งหมดก็นึกวิธีออกวิธีอันแยบคาย
คือการอัญเชิญวิญญาณปู่ทวดของแซพฟ็อดออกมาช่วย -*-
ก่อนที่วิญญาณปู่ทวดท่านนี้จะตัดสินใจช่วยนี่เอง
แกได้เทศนาหลานของแกเสียหมดไส้หมดพุง
แถมยังบอกอีกว่า ตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งกาแล็กซี
ที่แซพฟ็อดครองตำแหน่งอยู่นี้น่ะ
มันเป็นเพียงหัวโขนกลวงๆ เท่านั้น
ยังมีผู้ที่กุมอำนาจสูงสุดอยู่อีกผู้หนึ่ง
เขาผู้นั้นคือผู้กำหนดชะตาแห่งจักรวาล
และคณะทั้งสี่นี้จะต้องออกติดตามหาคนผู้นั้นให้เจอ

หลังจากที่ปู่ทวดสั่งภารกิจเสร็จสิ้น คณะทั้งสี่ก็ถูกส่งไปยังที่ต่างๆ ตามสมควร
ฟอร์ด อาเธอร์ กับทริลเลียน กำลังติดค้างอยู่ในยานหัวใจทอง
ซึ่งกำลังล่องลอยอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ก็ดูไม่มีใครทุกข์ร้อนอะไร

ระหว่างนั้นแซพฟ็อดและหุ่นยนต์มาร์วินผู้ซึมเศร้า
ก็วาร์ปมาโผล่ที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง อันมีชาร์นิวูปเป็นเจ้าของ

แซพฟ็อด ในฐานะประธานธิบดีกาแล็กซีผู้ขโมยยานหัวใจทอง
ก็ได้ถูกล้อมจับและนำตัวไปรับโทษยังดาวกบ ..
แต่ก็นะ .. เขารอดพ้นภยันตรายต่างๆ มาได้อย่างไร้ตรรกกะ
เป็นการรอดพ้นที่สุดบรรเจิดเกินคาดเดา
(อีกแล้ว .. อันนี้ต้องอ่านเองเลย เล่าไม่ได้เด็ดขาด)
เมื่อปลอดภัย เรื่อยก็ดำเนินมาได้ ⅓ ของเล่ม พวกพ้องทั้ง 4 ก็ได้พบกันอีกหน
และเป็นจุดเริ่มต้นของเมนูสารพันในมิลลิเวย์ส ภัตตาคาร ณ สุดปลายทางจักรวาล

ภัตตาคารสุดปลายทางจักรวาล นั้น ไม่ใช่ชื่อที่บอกพิกัดสถานที่
แต่มันคำบอกช่วงเวลาต่างหาก
เป็นภัตตาคารที่ตั้งอยู่ ณ จุดเวลาที่จักรวาลกำลังจะแตก
ประมาณว่าเป็นมื้อสุดท้ายในชีวิตของทุกคน
แต่ในความจริงแล้ว ทุกคนก็แค่วาร์ปมากิน
ก่อนจะวาร์ปกลับไปยังห้วงเวลาที่ตัวเองจากมาทั้งนั้นอ่ะนะ
ไม่มีใครอยู่รอจนถึงเวลาที่จักรวาลล่มสลายเลยสักคน

และทั้งเล่มก็กล่าวถึงเมนูพิสดารที่เราหวังจะเจออยู่เพียงนิดเดียว
ไม่สมกับที่เอาคำว่าภัตตาคารมาตั้งชื่อหนังสือด้วยซ้ำ -”-
หนังสือเล่มนี้เล่าถึงภัตตาคารที่ว่าไม่ถึงครึ่งเล่ม ..
แล้วตัวละครทั้งหมดก็ระเหเร่ร่อนไปยังที่อื่นๆ ต่อไป

ในที่สุด ชาร์นิวูป แซพฟ็อด และทริลเลียน ก็ค้นพบคนคนนั้นเจอ ..
บุคคลผู้มีอำนาจในการปกครองจักรวาล ..
ชายลึกลับในกระท่อม .. ชายที่โคตรปรัชญา ..

และติงต๊อง (อันเป็นคุณสมบัติของทุกคนในเรื่องนี้)

หนังสือเล่มนี้ยังคงความฮาบ้าหลุดโลกไม่เสื่อมถอย
ฮาจนชวนสงสัยว่ามันเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ตรงไหนกัน
ถ้าตัดเจ้าชื่อดาว ชื่อยาน ชื่อชาวมนุษย์ต่างดาวประหลาดๆ ไปแล้ว
สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือความมั่วอันจับต้นชนปลายไม่ถูกเท่านั้น
แต่ถึงกระนั้นเราก็ชอบมัน ชอบในความสุดโต่งแห่งจินตนาการของผู้เขียน
อยากรู้ว่าเขาจะด้นไปไกลสักแค่ไหน
แล้วมันก็ไถลเลื่อนเปื้อนไปได้อย่างไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย
เพราะฉะนั้น อ่านไปเฉยๆ อย่าไปเดาเลยจะดีกว่า

และในที่สุด .. จากที่คิดว่ามันจะไม่จบ .. สุดท้ายมันจบนะ ในตอนท้ายเล่มน่ะ
จบแบบที่ต้องยกคำนี้ให้อีกครั้ง หลังจากที่พูดมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ..
ก็คือคำว่า .. คิดได้ไงเนี่ยะ!!
จบแบบค่อนข้างจะสมบูรณ์ทีเดียว ..
ถ้าเพียงแต่เราจะไม่ค้นพบภายหลังว่ามันมีเล่ม 3 ต่อ

แต่ช่างมันเถอะ เพราะเราไม่มี และคงยากที่จะได้มันมา
เอาเป็นว่า จบการรีวิวหนังสือชุดนี้แต่เพียงเท่านี้ค่ะ ^^

ปล. ไม่เกี่ยวกับหนังสือ แต่เป็นสิ่งที่คิดขึ้นได้ระหว่างที่กำลังอ่านเล่มนี้
       รู้สึกอยากอ่านงานของมูราคามิในสำนวนแทนไทยังไงไม่รู้สิ!

Comments are closed.