เรื่อง บิเบลีย บันทึกไขปริศนาแห่งร้านหนังสือ
ตอน คุณชิโอริโกะกับปริศนาสองหน้า
ผู้แต่ง เอน มิคามิ
ผู้แปล พลอยทับทิม ทับทิมทอง
สำนักพิมพ์ อนิแม็กบุ๊คส์
ราคา 320 บาท

สมกับเป็นญี่ปุ่นจริงๆ
บิเบลียตอนนี้เปิดเรื่องด้วยแผ่นดินไหว
แม้จะเป็นระดับน้อยๆ แบบอาฟเตอร์ช็อค
และนอกจากแผ่นดินไหว
หนังสือ ‘บันทึกคุระคุระ’ ที่เป็นปมสำคัญของเรื่องมาตั้งแต่เล่มก่อน
ก็ถูกเปิดตัวออกมาตั้งแต่ต้นเล่มด้วย
การเปิดตัวของมัน สร้างรอยร้าวขึ้นระหว่างความสัมพันธ์-
ของสองพี่น้องเจ้าของร้านหนังสือบิเบลียด้วย
และชิโนคาวะ จิเอโกะ แม่ผู้สาบสญของทั้งสองสาวก็ปรากฏตัวขึ้นในเล่มนี้ด้วย!!

สำหรับเล่มนี้ เนื้อเรื่องถูกรวมเป็นตอนเดียวขนาดยาว
มีปมปริศนาเพียงปมเดียว แต่ซับซ้อนเอาการ
ตอนเฉลยปม มีเฉลยซ้อนเฉลยซ้อนเฉลยหลายรอบมาก
ผู้เขียวไม่กลัว ไม่กั๊กที่จะให้ตัวละครเจอสถานการณ์ต่างๆ
เนื้อหาหลักคืบหน้าออกไปทุกครั้งที่อ่าน
ความสัมพันธ์ระหว่างไดสึเกะกับชิโอริโกะวี้ดวิ้ว กิ๊บกิ้วมาก
ความลับของแม่นางเอกเริ่มค่อยๆ เปิดเผย
แต่ก็มีปมใหม่มาเติมให้ตามงงตามลุ้นกันต่อไปอีก
เนื้อเรื่องรองซับซ้อน ปมละเอียดอย่างที่บอก
อ่านไปก็อุทานตามไปในใจตลอดว่า ‘คิดได้ไงเนี่ยะ!’

ครอบครัวของเรื่องในตอนนี้มีแม่ผู้เป็นลูกสาวคนโตที่มาจากครอบครัวทหาร
มีพ่อที่เป็นนักการศึกษาที่น่าเคารพนับถือ
ลูกๆ ถูกเลี้ยงมาอย่างเข้มงวด
สองพี่น้อง ทั้งคายามะ โยชิฮิโกะ และคายามะ นาโอมิ
ถูกห้ามอ่านแม้แต่หนังสือสำหรับเด็ก
เพราะมันเป็นสิ่งบันเทิงไร้สาระ
แต่ทั้งๆ ที่เป็นเช่นนั้น คายามะ อากิระ พ่อผู้น่าเคารพเกรงขาม
กลับมีงานอดิเรกแบบหลบๆ ซ่อนๆ
เขาชอบหนังสือนิยายของเอโดงาวะ รัมโปะมาก
ถึงกับมีบ้านลับๆ อีกหลังเพื่อเก็บผลงานเหล่านี้
มันเป็นคอลเล็กชันของรัมโปะที่สมบูรณ์ที่สุด
ความลับนี้ติดตัวของเขาไปจนวันสุดท้ายของชีวิต
มันถูกเปิดเผยออกมาพร้อมพินัยกรรมยกบ้านหลังนี้
พร้อมทั้งหนังสือทั้งหมดให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง

นี่ไม่ใช่นิยายชิงรักหักสวาท
เรื่องราวความซับซ้อนจึงไม่ได้ออกมาในแนวของการแย่งชิงสมบัติ
แต่อยู่ที่การว่าจ้างให้หญิงสาวเจ้าของร้านบิเบลีย และไดสึเกะ
ไขปริศนาเพื่อเปิดเซฟสำคัญใบหนึ่ง

อ่านวันเดียวจบค่ะเล่มนี้ สนุกมากจริงๆ
แต่สำหรับบิเบลีย ก็สนุกมาทุกตอนแหละเนอะ
ยังไม่เคยอ่านตอนไหน ภาคไหนที่ไม่สนุกเลย .. เรื่องโปรดค่ะ ^^

ข่าวร้ายตอนจบ
ผู้เขียนบอกว่านิยายชุดเรื่องนี้กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงท้ายเรื่องแล้ว!!
ความฝันว่าจะได้อ่านมันไปนานๆ กลับถูกผู้เขียนหักมุมเอาดื้อๆ
มีความรู้สึกทั้งอยากอ่านและไม่อยากอ่านพร้อมๆ กันอย่างแยกไม่ออก
แต่ที่แน่ๆ เอน มิคามิก็กลายเป็นนักเขียนในดวงใจเราไปแล้วค่ะ