อ่านแล้วเล่า

น้ำเงินแท้

82-1 น้ำเงินแท้

เรื่อง น้ำเงินแท้
ผู้แต่ง วินทร์ เลียววาริณ
สำนักพิมพ์ 113
ราคา 375 บาท

แค่คำนำก็จี๊ดหัวใจ จิตว่างๆ อาจถึงกับน้ำตาคลอได้
โดยเฉพาะ เมื่อถูกบิ้วท์มาแล้วจากประชาธิปไตยบนเส้นขนาน และปีกแดง

80-1 ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน

น้ำเงินแท้คือบันทึกชีวิตนักโทษการเมืองตั้งแต่ยุคกบฏบวรเดช
เรื่องเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2476 นับเนื่องต่อกันไปในแต่ละปี
ถ่ายทอดเส้นทางชีวิตของนักโทษการเมืองแต่ละท่าน
จวบจนปี พ.ศ. 2487 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ทั้งหมดได้รับการปลดปล่อย
เรื่องราวไม่ได้เล่าเหตุการณ์การวางแผนก่อนการกบฏเอาไว้มากนัก
แต่เน้นหนักไปที่ภาพชีวิตนักโทษการเมืองภายหลังการถูกจับอย่างละเอียดโดยตลอด
หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคุก ทั้งที่บางขวาง ตะรุเตา และเกาะเต่าเป็นความจริงที่กินใจ

82-6 น้ำเงินแท้

สถานการณ์บ้านเมืองในยุคนั้นถูกถ่ายทอดสู่เราในรูปของ –
ข่าวคราวจากภายนอกคุก เล็ดลอดเข้ามาในเรือนจำ เป็นมุมมองจากในคุก
บุคคลเหล่านี้ผ่านปีใหม่ในคุก ผ่านวันเกิดในคุก ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 ในคุก
ผ่านกบฏอีกหลายต่อหลายครั้ง
มีนักโทษการเมืองอีกหลายชีวิตเดินเข้าและเดินออกเรือนจำแห่งนี้

82-2 น้ำเงินแท้

น้ำเงินแท้ เป็นเล่มที่อ่านง่ายที่สุดในสามเล่ม
(เทียบกับประชาธิปไตยบนเส้นขนาน และปีกแดง)
ข้อมูลรายละเอียดทางการเมืองถูกตัดทอนออกไป
(เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงส่วนเดียวที่เกิดซ้อนทับกันกับสองเล่มแรก)
ผู้เขียนนำส่วนของอารมณ์และความรู้สึกของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์มาขยายส่วน

เรื่องราวชีวิตของนักโทษการเมืองดำเนินควบคู่ไปกับเรื่องราวชีวิตของต้นแสง
ปมเหตุที่ทำให้เขาถูกจับกุม ทั้งที่แทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เงื่อนงำบางอย่างที่มาจากคนใกล้ชิด
ถ้านับในส่วนของพล็อต ความซับซ้อนและปมของเรื่องอ่อนสุดในสามเล่ม
แต่ถ้านับเรียงลำดับความชอบแล้ว เราชอบเล่มนี้ไม่น้อยไปกว่าสองเล่มแรกเลยค่ะ

82-3 น้ำเงินแท้

คำศัพท์ภาษาอังกฤษในตอนต้นของแต่ละบท
เป็นเสมือนสาส์นสำคัญบางอย่างที่ผู้เขียนตั้งใจบอกไว้ในแต่ละตอน
หลายตอนกระแทกใจ เสมือนใช้คำศัพท์เหล่านี้ช่วยขยี้ความรู้สึกให้เน้นหนักมากขึ้นไปอีก
เราเข้าใจว่าการใช้คำศัพท์พร้อมคำแปลและตัวอย่างการใช้ในประโยค
เป็นการเลียนแบบปทานุกรม (พจนานุกรม) ของสอ เศรษฐบุตร (สอ เสถบุตร)
หรือไม่อีกทีอาจะเป็นคำศัพท์จากปทานุกรมของสอเองเลย
(คาดเดาที่สุดนะคะ เพราะเราไม่มีปทานุกรมฉบับนั้นอยู่กับตัว)

หลายคนรู้กันอยู่แล้วว่า สอ เสถบุตร ทำพจนานุกรมในคุก (ในขณะนั้นเรียกว่าปทานุกรม)
แต่ น้ำเงินแท้ ทำให้เราได้เห็นรายละเอียด เห็นความยากลำบากในการทำนั้น
ไม่ใช่คุกเดียว แต่เริ่มต้นจากบางขวาง ไปทำต่อที่ตะรุเตา และเกาะเต่าในตอนสุดท้าย
ไม่ใช่สอคนเดียว แต่เป็นการช่วยเหลือ ร่วมแรงร่วมใจของนักโทษการเมืองคนอื่นๆ ด้วย

82-7 น้ำเงินแท้

เรื่องราวในส่วนของนิยาย เป็นเรื่องชีวิตของต้นแสง
เด็กชายชนบทคนหนึ่งที่มีความฝัน และมีผู้ชี้นำชีวิตที่ดี
ทำให้เขาเดินทางมาไกลจากจุดเริ่มต้นของชีวิตมาก
เขาได้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ มีโอกาสได้อ่านหนังสือดีๆ มากมาย
และรักที่จะเป็นนักหนังสือพิมพ์ในที่สุด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของชีวิตอีกแบบของเขา

82-4 น้ำเงินแท้

ในวันที่ต้นแสงกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคู่รัก
เขาได้รับรู้ความจริงว่า “แผนล้อมกวาง” ที่เขาคิดว่าล้มเลิกไปแล้ว กำลังเป็นรูปเป็นร่าง
เขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กบฏบวรเดชครั้งนี้โดยบังเอิญ
ทำให้ผลสุดท้าย เขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
หลังคำตัดสิน นักโทษทั้งหมดรวมทั้งต้นแสง ถูกส่งตัวไปยังเรือนจำบางขวาง
และนั่นทำให้เราได้เห็นภาพบรรยากาศ
และภาพเหตุการณ์ประจำวันของชีวิตนักโทษการเมืองในยุคนั้น
ที่นั่นเป็นแหล่งรวมนักคิดนักเขียนหัวก้าวหน้าในยุคนั้น
เรือนจำบางขวางจึงเป็นแหล่งกำเนิดงานเขียนสำคัญอีกหลายงานในเวลาต่อมา

ตัวอย่างหนังสือที่ถูกเขียนขึ้นเหล่านั้นได้แก่
ฝันร้ายของข้าพเจ้า – พระยาศรัยภัยพิพัฒ
พินัยกรรมคนเป็น – ขจร สหัสรจินดา
ตะรางการเมือง – ขุนสินาดเสนีย์
ความพินาศ – ผิว บุศย์อยู่พรหม
จำลายสารภาพ – สอ เศรษฐบุตร
ฯลฯ

ชีวิตของตัวละครที่ชื่อต้นแสง พาผู้อ่านไปคลุกคลีทำความรู้จักกับบุคคลสำคัญหลายคน
บุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์
มีเกร็ดชีวิตอันเป็นของจริง อ่านสนุก น่าติดตาม และน่าทึ่ง
บุคคลสำคัญที่ปรากฎตัวในเรื่องได้แก่ หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดาวงศ์,
ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน, นาวาอากาศเอกพระยาศราภัยพิพัฒ (เลื่อน ศราภัยวานิช),
พระยาสุรพันธเสนี (อิ๋น บุนนาค), อรุณ บุนนาค, หลุย คีรีวัต,
พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา),
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยุรศักดิ์ กรมขุนชัยนาท, ฯลฯ

82-5 น้ำเงินแท้

เรื่องหนึ่งที่เราเพิ่งรู้รายละเอียดจากเล่มนี้คือ
เรื่องของการที่จอมพล ป. พิบูลสงครามเปลี่ยนแปลงวิธีสะกดของตัวอักษรภาษาไทย
เบื้องหลังแท้ที่จริงมีสาเหตุมาจากการที่ กองทัพญี่ปุ่นซึ่งเข้ามาตั้งฐานทัพอยู่ในประเทศไทย
บีบให้รัฐบาลสั่งให้เด็กนักเรียนไทยเรียนภาษาญี่ปุ่น
ให้เหตุผลว่า ภาษาไทยซับซ้อนเรียนยาก (จริงๆ ญี่ปุ่นยากกว่าอีกนะนั่น -*-)
สมควรใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาราชการแทน (บรึ๋ยส์)
รัฐบาลจึงหาทางออกเพื่อมิให้ไทยกลายเป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่นไปโดยปริยาย
นายกรัฐมนตรีเชิญนักปราชญ์หลายท่านมาปรึกษา ในที่สุดก็ได้แผนถ่วงเวลา
เปลี่ยนการเขียนหนังสือไทยเสียใหม่
แล้วแจ้งฝ่ายญี่ปุ่นว่าหลังจากเราเปลี่ยนชื่อประเทศจาก สยาม เป็น ประเทศไทย
และขยายดินแดนเพิ่ม จำเป็นต้องปรับปรุงภาษาไทยให้เรียบง่ายขึ้น
เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ สังคม และการเมือง
ไม่ว่าฝ่ายญี่ปุ่นเชื่อหรือไม่ แต่ท้ายที่สุด
เด็กไทยก็ไม่ต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียน
(คัดลอกจากภายในเล่ม
)

อดขอโทษท่านในใจไม่ได้ที่เคยนึกตำหนิท่านมาตลอด ^^”

อีกเรื่องที่สำคัญมาก แต่เราเพิ่งรู้โดยละเอียดก็คือ ..

เมื่อในหลวงเสด็จไปสหรัฐฯ ไม่นาน ทรงให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า
ทรงตั้งพระทัยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นประชาธิปไตย
หนังสือพิมพ์ในอเมริกาลงข่าว และเขียนการ์ตูนการเมือง
รูปรัชกาลที่ ๗ ทรงยื่นม้วนรัฐธรรมนูญแก่ประชาชน
ในหลวงทรงรับรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลก และทรงรู้ดีว่า
ช้าหรือเร็วระบอบประชาธิปไตยจะมาแทนที่สมบูรณาญาสิทธิราชย์แน่นอน
ในหลวงทรงปรึกษาเรื่องนี้กับ ฟรานซิส บี. แชร์มาก่อน
รับสั่งให้พระยาศรีวิสารวาจา ปลัดทูลฉลองกระทรวงการต่างประเทศ
กับนายเรย์มอนด์ บี. สตีเวนส์ที่ปรีกษากระทรงการต่างประเทศร่างรัฐธรรมนูญถวาย
ตั้งพระทัยว่าจะพระราชทานในวันจักรีที่ ๖ เมษายน ๒๔๗๕ ที่ผ่านมา
แต่เสียงส่วนใหญ่เห็นว่ายังไม่ถึงเวลา
(คัดลอกจากภายในเล่ม
)

สำหรับมือใหม่ที่อยากอ่านนวนิยายที่มีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์การเมือง
แนะนำให้เริ่มต้นที่น้ำเงินแท้ค่ะ เพราะเรื่องราวไม่หนักจนชวนท้อ
มีเกร็ดสนุกๆ และมีเนื้อหากินใจ เป็นอีกเล่มที่ดีไม่แพ้เล่มอื่นๆ เลยค่ะ

Comments are closed.